ผบ.ตร.เผยผลตรวจชันสูตร ศพคนร้าย ไม่พบสารเสพติด ในร่างกายย้ำต้องตรวจซ้ำอีกรอบ คาดแรงจูงใจจากโมโหหึงเมีย เพราะทะเลาะกันช่วงกลางคืนแล้วฝ่ายหญิงหนีกลับบ้านแม่ สอดคล้องวงจรปิดจับภาพในช่วงเช้า ขับรถกระบะวนเวียนรอบหมู่บ้าน คล้ายตามหาใครบางคน ญาติแฉ ตร.คลั่งเสพยานรก-ติดเหล้าจริง อ้างมูลเหตุ อาจโกรธนายกอบต.ที่ไม่ช่วยพาเข้าทำงาน หลังโดนไล่ออกจากราชการ ขณะที่พ่อแม่ผู้สูญเสียกอดผ้าห่ม- ขวดนมลูกหลานร่ำไห้ปิ่มขาดใจ ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ยอมรับศพฆาตกรอำมหิตมาบำเพ็ญกุศลที่วัด เพื่อนร่วมวงเหล้าบอก ผู้ก่อเหตุเคยลั่นคำขู่ “จะทำให้ดังกว่าโคราช”โศกนาฏกรรมสยองขวัญช็อกโลก กรณี ส.ต.อ.ผู้ก่อเหตุ อายุ 34 ปี อดีต ผบ.หมู่ ป.สภ.นาวัง อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ที่ถูกไล่ออกจากราชการเพราะพัวพันยาเสพติด คลุ้มคลั่งบุกเข้าไปในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ใช้มีดพร้าฟันหัวเด็กเล็กวัย 2-5 ขวบที่กำลังนอนกลางวันอย่างอำมหิตผิดมนุษย์ เด็กวัยไร้เดียงสาสังเวยชีวิตถึง 24 ศพ และยังใช้ปืนพก 9 มม.ยิงครูพี่เลี้ยงสิ้นใจอีก 3 ศพ หนึ่งในนั้นเป็นสาวท้องแก่ 8 เดือนใกล้คลอด จากนั้นขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน 6 กธ 6499 กรุงเทพมหานคร กลับบ้าน ระหว่างทางไล่ชนดะไม่เลือกหน้า แล้วลงไปยิง-ฟันผู้บริสุทธิ์ตามรายทาง มีผู้เสียชีวิตเพิ่มหลายศพ สุดท้ายกลับเข้าบ้านเผารถทิ้ง ก่อนไปยิงเมียและลูกเลี้ยงพร้อมฆ่าตัวตายหนีความผิด รวมมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 37 ศพ บาดเจ็บอีก 10 ราย เหตุเกิดช่วงเที่ยงวันที่ 6 ต.ค. เป็นข่าวสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ พากันร่วมไว้อาลัยทุกวงการ ระดมนิติเวชเร่งชันสูตรศพความคืบหน้าของเหตุการณ์เมื่อเวลา 00.42 น. วันที่ 7 ต.ค. ขบวนรถลำเลียงศพผู้เสียชีวิตทั้งหมด 37 ราย ของมูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี และอีกหลายมูลนิธิที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียง เดินทางมาถึง รพ.ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ช่วยกันแบกโลงศพทั้ง 37 ราย คัดแยกไว้ที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี 15 ราย ที่เหลือนำไปเก็บรักษาในโลงเย็นที่ศาลาใหญ่มูลนิธิส่งเสริมธรรม จ.อุดรธานี ที่ได้เตรียม “โลงเย็น” แยกแต่ละศพออกจากกัน จากนั้นจะให้แพทย์นิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี และแพทย์นิติเวชจาก รพ.ใกล้เคียง เร่งชันสูตรศพให้แล้วเสร็จไม่เกินช่วงเย็นวันเดียวกัน เมื่อชันสูตรเสร็จแล้วจะจัดรถบริการฟรีนำศพส่งกลับภูมิลำเนา จ.หนองบัวลำภูเหยื่อ 3 ขวบถูกฟันหัวดีขึ้นต่อมาเวลา 08.00 น. ที่ห้องไอซียู หอผู้ป่วยศัลยกรรมประสาท รพ.ศูนย์อุดรธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข เข้าเยี่ยมอาการ ด.ช.กฤษกร เรืองเจริญ วัย 3 ขวบ เหยื่ออดีตตำรวจคลั่งกราดยิง มี นพ.ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นพ.สสจ.อุดรธานี นพ.สุมน ตั้งสุนทรวิวัฒน์ รักษาการ ผอ.ศูนย์อุดรธานี นพ.สมสิทธิ์ นิธิธนนนต์ แพทย์ระบบประสาทศัลยศาสตร์ นำตรวจเยี่ยม พร้อมรายงานว่าเหตุเกิดริมถนน ขณะผู้บาดเจ็บนั่งรถสามล้อเครื่องมากับแม่และยาย ผู้ก่อเหตุขับรถชนแล้วลงไปใช้อาวุธทำร้าย ไม่ทราบว่าใช้อาวุธใดทำร้ายแม่และยาย แม่เสียชีวิต ยายบาดเจ็บ ส่วน ด.ช.กฤษกร ถูกฟันด้วยมีดกลางศีรษะอาการสาหัส แพทย์ในพื้นที่ให้การรักษาเบื้องต้นและส่งมาที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี แพทย์ได้ผ่าตัดตั้งแต่เมื่อคืน เช้าวันนี้มีอาการตอบสนองดีขึ้น มีญาติมาดูแลใกล้ชิดใช้เครื่องเอกซเรย์โมบายช่วยจากนั้นนายอนุทินเดินทางไปที่แผนกนิติเวช สถานที่ชันสูตรศพเหยื่อกราดยิง 36 ศพ และ ผู้ก่อเหตุ รวมเป็น 37 ศพ แยกเป็น เด็ก 24 ศพ ผู้ใหญ่ 13 ศพ มีทีมแพทย์นิติเวช 9 คน จาก รพ.เลย รพ.ลำปาง รพ.สกลนคร และ รพ.เพชรบูรณ์ ใช้เครื่องเอกซเรย์โมบาย ราคา 52 ล้านบาท ช่วยชันสูตรศพทั้งหมดเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว นายอนุทิน เผยว่า ทีมแพทย์นิติเวช 6 คนที่ระดมมาจาก 4 รพ.ได้ชันสูตรศพเสร็จแล้ว เริ่มงานตั้งแต่ 6 โมงเช้า ต่อไปจะได้ทำตามระเบียบ ร่างของทุกคนจะส่งกลับไป จ.หนองบัวลำภู ญาติไม่ต้องมารับที่อุดรธานี เพราะเจ้าหน้าที่ได้ทำเอกลักษณ์บุคคล 2 ครั้ง ทั้งที่เกิดเหตุ และ รพ.นากลาง ก่อนส่งมาที่นี่ ส่วนผู้บาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาล ขณะนี้อาการปลอดภัยทุกคน รายไหนอาการไม่หนัก แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ตรวจสารเสพติดศพคนร้ายนายอนุทินตอบคำถามกรณีต้องตรวจสารเสพติดจากศพ ผู้ก่อเหตุ ว่าต้องตรวจแน่นอนว่ามีสารอะไรที่ไม่พึงประสงค์อยู่ในร่างกายหรือไม่ แพทย์และตำรวจจะประสานงานให้เรียบร้อย ทั้งญาติและพ่อแม่ของเหยื่อ และผู้ก่อเหตุ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิตจะเข้าพื้นที่เพื่อเยียวยาจิตใจ ส่วนผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตถึงมือแพทย์ไม่มีปัญหา อาการดีขึ้นตามลำดับ อยู่ในการดูแลของแพทย์ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาประมาณบ่ายโมง เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ และอยู่รอรับเสด็จพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ขบวนรถนำศพส่งคืนให้ญาติเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยส่งเสริมธรรม จ.อุดรธานี ได้ลำเลียงศพเหยื่อสังหารหมู่ 37 ศพ ที่ชันสูตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขึ้นรถยนต์ตั้งขบวนที่หน้า แผนกนิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อนำร่างทั้งหมดกลับภูมิลำเนาให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ต่อมาเวลา 12.29 น. ขบวนรถทั้งหมดกว่า 50 คัน ความยาวกว่า 1 กม. ได้เคลื่อนขบวนออกจาก จ.อุดรธานี มุ่งหน้า อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เป็นระยะทางกว่า 90 กม. ตลอดสองข้างทางมีประชาชน ร่วมยืนไว้อาลัยส่งดวงวิญญาณด้วย ส่วนที่ศาลาใหญ่ มูลนิธิส่งเสริมธรรมฯ ถนนโพศรี เขตเทศบาลนคร อุดรธานี ทหารจากค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา จ.อุดรธานี ลำเลียงโลงเย็นขึ้นรถบรรทุกหกล้อไปสนับสนุนบรรจุร่างผู้เสียชีวิต ในพิธีสวดพระอภิธรรมตามประเพณี มีประชาชนทยอยมาร่วมบริจาคเงิน ตามกำลังซื้อโลงศพ ผ้าห่อศพกอดผ้าห่ม-ขวดนมลูกร่ำไห้ช่วงเช้า บรรยากาศหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู สถานที่ เกิดเหตุช็อกโลก ญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านในพื้นที่ ทยอยนำดอกกุหลาบขาวมาวางไว้ที่บันไดทางขึ้นศูนย์ฯ เพื่อแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อเหตุการณ์สลดครั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า เสียงสะอื้นไห้ ของญาติดังระงมทั่วบริเวณ พ่อแม่ผู้ปกครองบางคน ยืนกอดผ้าห่ม-ขวดนมของลูกหลานร่ำไห้เป็นที่น่าเวทนาพงส.สอบปากคำญาติเหยื่อช่วงสาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาประชุมที่ อบต.อุทัยสวรรค์ เตรียมรอรับนายกรัฐมนตรีและคณะ ก่อนจะออกมาพูดคุยให้กำลังใจและแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตที่มาติดต่อเรื่องการรับศพญาติ มีเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดหนองบัวลำภูลงพื้นที่มาแจ้งสิทธิให้ญาติพี่น้อง ผู้เสียชีวิตได้รับทราบสิทธิที่จะได้รับเงินเยียวยา และสิทธิต่างๆของผู้เสียหาย ส่วนในทางคดี ได้ระดมพนักงาน สอบสวนจาก 5 โรงพักใน จ.หนองบัวลำภู มาช่วยกัน สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แยกสอบเป็นแต่ละราย ก่อนจะสรุปสำนวนดำเนินการตามขั้นตอน คาดแรงจูงใจโมโหหึงเมียพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เผยถึงผลตรวจเลือดผู้ก่อเหตุไม่พบสารเสพติดในร่างกายว่า อาจไม่ได้เสพในห้วง 3 วัน ต้องตรวจซ้ำอีกครั้ง แต่ผลตรวจดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสำนวนคดี คดีฆ่าเหมือนเดิม เพียงแต่จะเป็นสาเหตุแรงจูงใจที่จะ นำมาเป็นบทเรียนคราวต่อไป มูลเหตุเบื้องต้นสอบสวน แม่ภรรยาของผู้ก่อเหตุทราบว่า ทั้งสองทะเลาะกันช่วง 4 ทุ่ม คืนวันที่ 6 ต.ค. ฝ่ายหญิงโทร.บอกให้ที่บ้านมารับ พอฝ่ายหญิงกลับไป ช่วงเช้าผู้ก่อเหตุ ออกไปตามหาในหมู่บ้าน แต่ภรรยาอาจไม่คืนดี ทำให้ โมโหหึงหวงและไปก่อเหตุขึ้น ส่วนเรื่องยาเสพติด ตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุเข้าเป็นตำรวจปี 55 หลังสอบข้อเขียนได้เข้าตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติด ผู้ก่อเหตุเพิ่งมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวยาเสพติดในช่วงที่เป็นตำรวจ สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู เพราะถูกย้าย มาจาก กทม. ส่วนอาการทางจิตยังไม่พบใช้เงินส่วนตัวซื้อปืนถูกต้องผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนสาเหตุความเครียดจากการขึ้นศาลหรือไม่นั้น ก่อนจะมาก่อเหตุไปขึ้นศาลได้พูดคุยกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการศาล มีแนวโน้มที่ดี ให้ไปหาความดีมาเป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะยาบ้ามีเพียงเม็ดเดียว อยู่ในเชิงบวกด้วยซ้ำ ส่วนที่ผู้ก่อเหตุมาก่อเหตุที่ศูนย์เด็กเล็กฯ อาจเป็นไปได้ว่าหลังกลับจากศาลแล้วไม่พบภรรยาและลูกที่บ้าน อาจมาตามหาที่ศูนย์เด็กเล็กฯเพราะลูกเรียนที่นี่ แต่ไม่ได้มาเรียนหลายสัปดาห์เพราะป่วย อย่างไรก็ตาม ต้องรอพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วย ตอนนี้ได้ข้อมูลจากแม่ภรรยาและเพื่อนบ้าน ขอเวลา ตำรวจทำงาน เริ่มรู้สาเหตุการคลุ้มคลั่งครั้งนี้ สำหรับอาวุธปืน คนร้ายใช้เงินส่วนตัวซื้อ มีใบอนุญาตถูกต้องจี้ ผกก.-ผบก.ลงพื้นที่ชุมชน“การเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต วันนี้ได้เตรียมเงินมาประมาณ 3 แสนบาท แต่ได้ปรึกษาหารือกันเพิ่มเติมว่า ในฐานะอดีตตำรวจมาก่อเหตุ จะเชิญชวนข้าราชการตำรวจร่วมบริจาคช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย เราจะเปิดบัญชีของ ตร.ไว้ ใครอยากร่วมบริจาคสามารถร่วมได้ ได้เงินเท่าไหร่ก็จะนำมาให้ ส่วนปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ได้มอบนโยบายไปแล้วตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งวันที่ 1 ต.ค. เพราะเกิดเหตุคลุ้มคลั่งเยอะ ตำรวจจะทำทุกมิติ นอกจากการปราบปราม บำบัด งานป้องกันก็จะไปช่วย นับแต่นี้เป็นต้นไป ผกก.ต้องไปเยี่ยมชุมชนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผบก.อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ตนก็จะไปเพื่อจะได้ใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาที่เกิดขึ้น เราต้องระมัดระวังกลุ่มสีแดง ครอบครัว ผู้นำชุมชน ตำรวจต้องรับรู้” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว ขับรถวนหาเมียทั่วหมู่บ้านผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อสันนิษฐานของ ผบ.ตร.ถึงมูลเหตุความหึงหวงและโมโหภรรยาของผู้ก่อเหตุดังกล่าว สอดคล้องกับภาพวงจรปิดอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในหมู่บ้านอุทัยเหนือ หมู่ 12 ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จับภาพรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน 6 กธ 6499 กรุงเทพมหานคร ของผู้ก่อเหตุขับวนไปเวียนมาในหมู่บ้านในช่วงเช้า คล้ายตามหาใครบางคน ผู้ก่อเหตุขับรถผ่านกล้องวงจรปิดของอู่ซ่อมรถถึง 3 รอบ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถไปศาลจังหวัดหนองบัวลำภู และมาก่อเหตุในช่วงเที่ยง ประกอบกับก่อนหน้านี้มีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุมีอาการหงุดหงิดและโมโหภรรยาที่ไม่ยอมเดินทางไปศาลด้วยกัน แฉ ตร.คลั่งเสพยา-ติดเหล้าขณะเดียวกัน ญาติของผู้ก่อเหตุไม่ขอเปิดเผยชื่อ-สกุล เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังอ้างว่า ก่อนจะเกิดเหตุ ในช่วงสาย เห็นผู้ก่อเหตุขี่รถ จยย.มีภรรยาซ้อนท้าย ผ่านถนนเส้นหลักของหมู่บ้านไปทาง อบต. อุทัยสวรรค์ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์สลดขึ้นตามที่เป็นข่าว ปกติผู้ก่อเหตุเป็นคนพูดจาดี ไพเราะ เมื่อก่อนแม่ของผู้ก่อเหตุมักจะบอกว่าลูกตัวเองเรียนเก่ง จบสูงเป็นตำรวจไว พอเป็นตำรวจกลับจาก กทม. มาอยู่บ้านเป็นระดับหัวหน้า แต่ความจริงกลับเสพยาบ้า ดื่มเหล้า เที่ยวเตร่ แต่ผู้ก่อเหตุปกติจะไม่ชอบร่วมวงสุรากับคนอื่น จะเก็บตัวดื่มอยู่คนเดียวอ้างโกรธนายก อบต.ไม่ช่วยญาติผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างต่อว่า ส่วนเหตุจูงใจ ปมแรก คิดว่าเป็นเรื่องของยาเสพติดที่ผู้ก่อเหตุชอบเสพยา ทำให้เกิดอาการหลอนคลุ้มคลั่งขึ้นตามที่เป็นข่าว ปมต่อมา ผู้ก่อเหตุไม่พอใจในหน้าที่การงานเพราะโดนไล่ออกจากราชการ ไม่มีงานทำ อยากจะขอให้นายก อบต.อุทัยสวรรค์ช่วยเรื่องงานตำรวจที่มีปัญหา อยากกลับไปเป็นตำรวจเหมือนเดิม ผู้ก่อเหตุพาแม่มาขอร้องนายก อบต.ให้ไปช่วยพูด ขอให้ไปเป็นพยานศาลยืนยันว่าเป็นคนดี แต่นายกอบต.ช่วยพูดให้ไม่ได้ ผู้ก่อเหตุก็บอกว่าถ้าไม่ได้กลับเข้าเป็นตำรวจ ขอให้ช่วยรับทำงานที่ อบต.อุทัยสวรรค์ได้หรือไม่ คาดว่าจะถูกปฏิเสธอีกเช่นกัน แต่ทั้งหมดนั้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของตนที่เคยเห็นพฤติกรรมและได้ยินมา“บิ๊กตู่” มอบเงินเยียวยาเหยื่อเวลา 14.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมคณะ ครม. ลงพื้นที่มาติดตามสถานการณ์และเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อเดินทางถึงหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ นายกฯพร้อมคณะวางดอกไม้และยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิต จากนั้นนายกฯมอบเงินช่วยเหลือของหน่วยงานภาครัฐให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลอย่างดีที่สุด กำชับให้หน่วยงานส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างใกล้ชิดให้เหมือนกับคนในครอบครัว ขอให้ทุกคนเข้มแข็งก้าวผ่านเหตุการณ์ความสูญเสียอันยิ่งใหญ่นี้ไปให้ได้ เยี่ยมคนเจ็บที่ รพ.หนองบัวฯจากนั้นนายกฯและคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ รพ.หนองบัวลำภู สอบถามอาการผู้บาดเจ็บจากแพทย์ นายกฯกล่าวกับแพทย์ว่า ติดขัดอะไรขอให้บอก รัฐบาลพร้อมสนับสนุน ขอให้รักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ต่อเนื่องให้พ้นขีดอันตราย โดยเฉพาะสภาพจิตใจ จากนั้นนายกฯกล่าวกับผู้ป่วย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครองให้หายป่วยไวๆ มีสุขภาพแข็งแรง วันนี้นำความห่วงใยจากคนไทยทั้งประเทศมาให้ อย่ากังวลเรื่องการรักษา นับเป็น พระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับทุกคนไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ ขอให้ทุกคนสบายใจ มีกำลังใจที่ดี จะได้หายไวๆ ขอให้พบแต่ความโชคดีกอดรูปถ่ายคนตายปล่อยโฮเวลา 14.50 น. ที่วัดศรีอุทัย ต.ท่า อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู รถกู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรม จ.อุดรธานี นำร่างผู้เสียชีวิต 11 ศพ เคลื่อนมาถึงศาลาข้างเมรุเผาศพที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ ท่ามกลางครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิตที่มารอรับศพยังทำใจรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทันทีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำโลงศพลงจากรถต่างปล่อยโฮร่ำไห้ออกมา พร้อมกอดรูปไว้แนบอกและเรียกชื่อผู้เสียชีวิตดังลั่น สำหรับวัดศรีอุทัย เป็น 1 ใน 3 วัดที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตมาตั้งบำเพ็ญกุศล ในจำนวนนี้มีศพภรรยาและลูกเลี้ยงของผู้ก่อเหตุถูกเคลื่อนมาตั้งที่วัดแห่งนี้ด้วย ชาวบ้านไม่ขอรับศพฆาตกรส่วนศพผู้ก่อเหตุ ชาวบ้าน 2 ชุมชนคือ ชุมชนท่าอุทัยและชุมชนอุทัยเหนือ ลงมติไม่ให้รับศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลในพื้นที่ ทำให้ต้องเก็บศพไว้ที่ที่ว่าการอำเภอนากลาง เพื่อรอการประสาน กับญาติอีกครั้ง เบื้องต้นอาจส่งกลับไปที่นิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี ขณะที่อีก 2 วัดคือ วัดเทพมงคลพิชัย มีร่างผู้เสียชีวิตมาตั้ง 6 ศพ และที่วัดหนองกุงศรี อีก 19 ศพ สำหรับทั้ง 36 ศพ จะตั้งไว้ที่วัดทั้ง 3 วัด เป็นเวลา 1 คืน เพื่อรอรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันรุ่งขึ้น ก่อนมอบร่างให้ครอบครัวนำไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาที่วัดใกล้บ้าน เผยนาทีขับรถชน-ฆ่าเหยื่อผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุปากซอยคุ้ม 3 บ้านท่าอุทัย ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู พบนายเกียรติศักดิ์ แสนคุ้ม อายุ 70 ปี ที่สูญเสียภรรยาเป็นอดีตครูวัยเกษียณที่เคยสอน ผู้ก่อเหตุเล่าว่า วันเกิดเหตุมีแม่ค้าขับรถพ่วงซาเล้งมาขายข้าวโพดกับลูกสาวและหลานชาย ระหว่างนั้นนางบัวสอน แสนคุ้ม อายุ 70 ปี ภรรยาของตนและเพื่อนบ้าน ได้ยืนคุยกับแม่ค้าข้าวโพดประมาณ 7-8 คน จู่ๆคนร้ายขับรถมาพุ่งชนกลางวงจนกระเด็น บางส่วนตะเกียกตะกายหนีตาย คนร้ายลงมาจากรถใช้ปืนจ่อยิงลูกสาวคนขายข้าวโพดเสียชีวิต แล้วใช้มีดพร้าฟันแม่ค้าข้าวโพดและหลานชายที่ศีรษะเจ็บสาหัส ขณะเดียวกันนายวรัญชัย ประภาสพงศ์ หรือตาน้อย อายุ 53 ปี เดินมาดูและถูกคนร้ายใช้ปืนยิงใส่ 1 นัด แต่กระสุนด้าน คนร้ายเลยคว้ามีดฟันศีรษะจนเสียชีวิตซิ่งทับครูเก่าสมัยประถมนายเกียรติศักดิ์กล่าวต่อว่า จากนั้นคนร้ายขึ้นรถกระบะถอยหลังทับร่างและขานางบัวสอน ภรรยาของตนบาดเจ็บสาหัสและยังหันปืนมาที่ตนจนต้องหนีเอาชีวิตรอด จากนั้นคนร้ายขับกระบะเข้าไปในซอยบ้านและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สำหรับ ผู้ก่อเหตุเคยเป็นลูกศิษย์ของภรรยาสมัยเรียนชั้นประถมปีที่ 6 ร.ร.บ้านท่าอุทัย ห่างจากบ้านตนไปแค่ 500 เมตร เป็นเด็กที่มีปัญหาครอบครัว พ่อแม่เลิกรากัน เป็นคนที่เรียนปานกลาง ไม่ชอบพูด นิ่งๆ ไม่ยุ่งกับใคร เมื่อย้ายโรงเรียนไปก็ไม่ค่อยเห็นหน้า ทราบว่าช่วงหลังมีปัญหาเรื่องเงินและยาเสพติดเท่านั้นที่แท้ลูกคนร้ายเป็นลูกพี่เมียนางรุ่งนภา อุตทามนต์ อายุ 57 ปี พี่สาวนายวรัญชัย ประภาสพงศ์ หรือตาน้อย ที่ถูกคนร้ายฟันศีรษะจนเสียชีวิตเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุน้องชายเข้าไปในซอยไปคุยเรื่องไก่ จากนั้นจะกลับบ้านจะไปเกี่ยวหญ้าให้ควายกิน ตนขี่รถ จยย.ตามหลังมาได้ยินเสียงปืนที่โรงน้ำเห็นคนถูกยิงเป็นผัวยายเบียร์ จากนั้นคนร้ายถอยรถทับ เริ่มเป็นศพแรกก่อนไป อบต.เพื่อไปฆ่าเด็ก คนร้ายขับรถไล่ชนชาวบ้านมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนประวัติคนร้ายมีภรรยาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และเลิกรากันไปได้ราว 2 ปี จากนั้นมารู้จักเมียใหม่ที่ถูกยิงตายที่ทั้ง 2 คน รู้จักกันเพราะสามีฝ่ายหญิงติดคุกและไปเยี่ยมจนรู้จักกับคนร้าย กระทั่งมาอยู่กินด้วยกัน ส่วนลูกชายที่เอามาเลี้ยงไม่ใช่ลูกติดภรรยา แต่เป็นลูกของพี่สาวฝ่ายหญิง ทราบว่าพ่อแท้ๆของเด็กเสียใจมาก กำลังติดต่อไปขอรับศพ สติแตกชักปืนไล่ฆ่าชาวบ้านนายธีรพันธ์ ผิวสว่าง อายุ 57 ปี มีบ้านอยู่ใกล้กับคนร้ายประมาณ 50 เมตร เล่าว่า วันเกิดเหตุขณะยืนคุยกันกับเพื่อน 4 คน เห็นคนร้ายขับรถมาจอดที่บ้าน จากนั้นเดินถือปืนมาทางกลุ่มตนและตะโกนบอกว่า “กูจะฆ่ามึง” ก่อนยิงใส่ 1 นัด ถูกนายอุดร อุตมะ อายุ 65 ปี ประธาน อสม. ล้มลงเสียชีวิต พวกตนวิ่งหนีเอาตัวรอด ขณะที่ น.ส.นิตยา อำภะวา อายุ 33 ปี รุ่นน้อง ผู้ก่อเหตุเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ 2-3 วัน เห็นคนร้ายมาซื้อของที่ร้านที่เปิดเป็นร้านขายของชำ บ้างครั้งพาแฟนมาหรือพาลูกมาด้วยดูเป็นปกติไม่มีอะไร แต่ชอบขับรถในหมู่บ้านด้วยความเร็วและเปิดเพลงเสียงดังไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุ ส่วนบ้านแม่ ผู้ก่อเหตุอยู่ห่างจากบ้านตนประมาณ 500 เมตรพ่อเลี้ยงเผยเป็นคนชอบเก็บตัวผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 115/1 หมู่ 1 บ้านท่าอุทัย ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู พบเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด พบนายสมทรง สระแก้ว 56 ปี พ่อเลี้ยงของผู้ก่อเหตุเล่าว่า ตนมาบวชอยู่ที่นี่ ได้รู้จักกับแม่ของผู้ก่อเหตุ สึกมาอยู่กินด้วยกัน 5 ปีแล้ว เจอลูกเลี้ยงไม่บ่อยนัก เพราะเป็นคนชอบเก็บตัว แม่เคยบ่นให้ฟังเรื่องลูกชายติดยาเสพติด แต่ลูกชายบอกว่าอย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัว ก่อนหน้านี้ช่วงเป็นตำรวจอยู่กรุงเทพฯ เป็นคนดีมีแฟนทำงานห้างสรรพสินค้า จะกลับมาเยี่ยมบ้านทุกปี หลังเลิกกับแฟนคนเก่ากลับมาอยู่บ้านได้ไปยุ่งเกี่ยวยาเสพติดจนมาก่อเหตุสลดดังกล่าวคนร้ายลั่นจะให้ดังกว่าโคราชนางนิภา ศรีหาวงศ์ ผช.ผญบ.หมู่ 7 บ้านหนองไพบูลย์ ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้น้องชายที่มีเพื่อนรู้จักกับผู้ก่อเหตุ ได้เล่าให้ฟังว่า เพื่อนของน้องชายเคยร่วมวงนั่งดื่มเหล้าด้วยกันเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุเคยพูดกับเพื่อนในวงเหล้าว่า “จะทำให้ดังกว่าโคราช” เพื่อนถามว่าจะทำอะไร ผู้ก่อเหตุไม่ตอบ บอกแค่ว่าคอยดูแล้วกัน แต่ตนไม่ยืนยันว่าเรื่องเล่าดังกล่าวจะเกี่ยวกับเหตุการณ์สลดในครั้งนี้หรือไม่