นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากประตูและหน้าต่างภายในพระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ประดับด้วยบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นงานสั่งทำเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น ได้เสื่อมสภาพ โดยสำนักช่างสิบหมู่ และกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์งานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น จากสถาบันวิจัยมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หรือ TNRICP ดำเนินโครงการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม โดยใช้พื้นที่ภายในวัดราชประดิษฐ์เป็นห้องปฏิบัติการอนุรักษ์ ระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2564-2568อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า คณะทำงานได้เริ่มถอดบานไม้ตามแผนงานเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 27 ชิ้น จากนั้นได้ดำเนินขั้นตอนต่างๆ ประกอบด้วย ผนึกพื้นผิวชั่วคราวด้วยกระดาษสาบางและกาวแป้ง กำหนดรหัสชิ้นงานแต่ละชิ้น การสแกนค้นหาตำแหน่งนอตโลหะที่ซ่อนอยู่ภายใน แล้วถอดนอตนำชิ้นงานบรรจุลงกล่องที่ออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมตามมาตรฐานงานพิพิธภัณฑ์ จากนั้นทำการถ่ายภาพก่อนอนุรักษ์แต่ละชิ้น โดยเน้นในบริเวณชำรุดทั้งด้านหน้าและหลัง แล้วจึงตรวจสอบสภาพอย่างละเอียดทำทะเบียน จัดทำแผนผังการเสื่อมสภาพ เก็บตัวอย่างแมลงที่พบ การทดสอบและอบกำจัดแมลงภายใต้สภาวะไร้ออกซิเจน ด้วยก๊าซไนโตรเจนประมาณ 1 เดือน รวมถึงทดสอบตัวทำละลายที่จะใช้ในการอนุรักษ์กับยางรักญี่ปุ่น โดยขณะนี้ชิ้นงานที่ถูกถอดลงทั้งหมดอยู่ระหว่างขั้นตอนการอบกำจัดแมลงและมีเป้าหมายอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกและแผ่นไม้ประดับรักลายนูนในส่วนที่ชำรุดและเสื่อมสภาพ จำนวน 94 แผ่น.