เห็นกันในยามวิกฤตินี้แหละว่า...หน้าไหนมีความรับผิดชอบต่อสังคม? ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทุกคนได้รับผลกระทบ ได้รับความลำบาก ไม่แบ่งแยกยากดีมีจน รับไปเท่าๆกันอย่างเสมอภาค

ณ วันนี้ไม่ต้องไปเที่ยวกล่าวหาใครว่า เป็นต้นตอของโรค เพราะมันมาจากทุกทิศทุกทาง

แม้แต่คนที่ใช้ชีวิตเสี่ยงต่ำ ไม่เที่ยวไม่เล่นก็พานติดเชื้อกันมาหมดแล้ว?!

ถึงเวลาหรือยังที่จะเลิกโทษกัน แล้วกลับมาป้องกันตัวเอง ลดความเสี่ยง?

แต่ยังมีมนุษย์บางจำพวก ขนาดหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว นัดสุมหัวกินเหล้าเสพยาชนิดไม่สนโลกอันนี้ตำรวจต้องเคร่งครัดเป็นอันดับแรก?!

หนักกว่านั้น มีอีกพวกที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองติดเชื้อโรคร้ายแล้ว ยังใช้ขนส่งสาธารณะเดินทาง ชนิดไม่สนใจว่าจะเอาเชื้อร้ายไปติดใครบ้าง?

มนุษย์พวกนี้แหละที่น่ากลัว...อย่างที่มีข่าวว่า คู่รักรู้ตัวว่าติดโควิด-19 ขึ้นเครื่องบินเดินทางจากกรุงเทพฯ ไป จ.นครศรีธรรมราช สร้างความวุ่นวายขายปลาช่อน ทำให้ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ถูกกักตัวตรวจสอบโรคหลายสิบคน!

ประเภทนี้ต้องจับดำเนินคดีซะให้เข็ด นอกจาก พ.ร.บ.โรคติดต่อแล้ว ยังมีความผิดทางอาญา?

ว่าที่ พ.ต.ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง กก.พัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ชี้ช่องว่าทางอาญาอาจถือได้ว่า เจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่น กระทำโดยรู้สำนึกโดยประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลว่า จะทำให้ผู้โดยสารอื่นอาจติดเชื้อโรคโควิด-19

เพราะตนเองรู้ดีอยู่แล้วว่าติดเชื้อ สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ถ้าทำให้ผู้โดยสารอื่นป่วยรุนแรงถึงขั้นสาหัสหรือตาย โทษจะหนักขึ้นตามผลการกระทำ!

ส่วนทางแพ่ง ถือว่าผู้กระทำผิดจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย ถือเป็นการกระทำละเมิดผู้เสียหายทุกคน มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดชดใช้ค่าเสียหายได้...

...

ช่องกฎหมายก็มีแล้ว เหลือว่าจะมีใครแจ้งความเอาผิดเมื่อไหร่?

สหบาท