วันนี้ผมขอชื่นชมนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ “กล้าหักดิบ” กับ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกคำสั่งแต่งตั้ง “คณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” ขึ้นมาจัดหาวัคซีนแทน กระทรวงสาธารณสุข มี ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน โดยไม่มีชื่อ คุณอนุทิน รมว.สาธารณสุข ร่วมในคณะทำงาน แต่ได้แต่งตั้ง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการ อย. ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผอ.องค์การเภสัชกรรม ตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน เช่น ศ.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน นพ.บุญ วนาสิน พญ.เจรียง จันทรโกมล เป็นคณะทำงานแทน
ที่ผ่านมา โรงพยาบาลเอกชนก็ขาดแคลนวัคซีน ไม่มีวัคซีนฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาล ได้ออกมาเรียกร้องขอซื้อวัคซีนเองหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับอนุญาต
ในคำสั่ง ให้อำนาจหน้าที่คณะทำงาน 3 ข้อ 1.เสนอแนวทางและมาตรการในการ จัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และ วัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาใช้ในสถานพยาบาลเอกชน 2.ติดตามสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการจัดหาวัคซีน 3.ดำเนินการอื่นๆตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
คำสั่ง 3 ข้อนี้ชัดเจนว่า คณะทำงานจัดหาวัคซีนชุดใหม่ขึ้นตรงกับนายกฯ ไม่ผ่าน คุณอนุทิน รองนายกฯ รมว.สาธารณสุข เพื่อเร่งจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ แก่ โรงพยาบาลรัฐ และ โรงพยาบาลเอกชน ที่ผ่านมาเป็นปี กระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนได้เพียง 63 ล้านโดส ซึ่งไม่เพียงพอ ในขณะที่ โรงพยาบาลเอกชนข่าวว่าสามารถหาวัคซีนได้หลายล้านโดส แต่นำเข้าไม่ได้ เพราะต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข
...
เรื่องนี้ คุณอนุทิน ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กถึง “คณะทำงานจัดหาวัคซีนชุดใหม่” ว่า ไม่ใช่การแย่งงานกันทำ แต่เป็นการแบ่งงานกันทำ และชี้แจงว่า ช่วงที่ผ่านมา สธ.สั่งซื้อวัคซีนมาให้ประชาชนแล้ว 63 ล้านโดส ขณะนี้ถึงประเทศไทยแล้ว 2.117 ล้านโดส ตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไปจะมีวัคซีนให้บริการประชาชนเดือนละ 5–10 ล้านโดส จนครบ 63 ล้านโดส (ก็เป็น “ข้อมูลเก่า” ที่ไม่มีอะไรคืบหน้า) คุณอนุทิน ระบุว่า ปีนี้เราต้องใช้วัคซีน 80 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชน 40 ล้านคน สั่งซื้อมาแล้ว 63 ล้านโดส ต้องสั่งซื้อเพิ่มอีก 17 ล้านโดส (แต่ถ้า ฉีดให้คนไทย 68 ล้านคน ยังขาดวัคซีนอีก 73 ล้านโดส ไม่ใช่ 17 ล้านโดส) นายกฯเลยตั้ง คณะทำงานชุดใหม่เพื่อเร่งจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ
คุณอนุทิน อ้างเหตุผลที่ไม่ซื้อวัคซีนมาสำรองว่า วัคซีนมีอายุใช้งานเพียง 6 เดือน หากฉีดไม่ทันจะสิ้นเปลืองงบประมาณ (ฉีดวัคซีนไม่ทัน ถือว่าทำงานบกพร่องควรถูกลงโทษ ไม่ใช่ไม่ซื้อแล้วให้ประชาชน รับเคราะห์) หากเชื้อโรคกลายพันธุ์ ต้องใช้วัคซีนใหม่ ก็ต้องซื้อวัคซีนสูญเสียงบประมาณอีก ไม่น่าเชื่อ คนเป็นรัฐมนตรีคิดอย่างนี้ได้อย่างไร วันนี้คนตกงานไม่รู้กี่ล้านคน เศรษฐกิจเสียหายไม่รู้กี่ล้านๆบาท รัฐมนตรีกลับมีความคิดแบบนี้ เงินซื้อวัคซีนให้คนไทยทุกคน 68 ล้านคน 136 ล้านโดส น้อยกว่าเงินที่ถูกคอร์รัปชันไปในแต่ละปีไม่รู้กี่เท่า
ผมขอยกตัวอย่าง อังกฤษ มีประชากร 67 ล้านคนใกล้เคียงไทย อังกฤษฉีดวัคซีนไปแล้ว 32 ล้านคน แต่ซื้อวัคซีนตุนไว้ถึง 457 ล้านโดส ฉีดได้ถึง 228 ล้านคน จาก 8 ยี่ห้อ มียี่ห้อที่อังกฤษรับรองเพียง 3 ยี่ห้อ คือ แอสตราเซเนกา 100 ล้านโดส ไฟเซอร์ 40 ล้านโดส โมเดอร์นา 17 ล้านโดส อีก 5 ยี่ห้อยังไม่รับรอง แต่อังกฤษก็ซื้อเผื่อไว้ 300 ล้านโดส ฉีดไม่หมดก็ทิ้งไป ชีวิตประชาชนสำคัญกว่า ทำไม รัฐบาลไทย นายกฯไทย รัฐมนตรีไทย จึงไม่คิดอย่าง รัฐบาลอังกฤษ นายกฯอังกฤษ รัฐมนตรีอังกฤษ ช่วยตอบทีเหอะ คิดอะไรกันอยู่???
“ลม เปลี่ยนทิศ”