ได้สั่งการให้กองโบราณคดี สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และสำนักศิลปากรที่ 1-12 ซึ่งดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุและศิลปวัตถุในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จัดทำหนังสือแจ้งแนวทางปฏิบัติและหน้าที่ของผู้ครอบครองโบราณสถาน โบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ไปยังผู้ครอบครองทั่วประเทศ

นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการรื้อถอน ทำลาย โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ทั้งที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ เอกชน และศาสนสถานต่างๆ รวมถึงประชาชน ด้วยปัจจัยหลายประการ รวมถึงไม่ได้มีการขออนุญาตดำเนินการใดๆจากกรมศิลปากร ทำให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถาน ทั้งในเชิงการอนุรักษ์และพัฒนา ในเรื่องดังกล่าวตนเห็นว่ามีความสำคัญที่กรมศิลปากรต้องเร่งกวดขันและทำความเข้าใจกับผู้ครอบครอง จึงได้สั่งการให้กองโบราณคดี สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และสำนักศิลปากรที่ 1-12 ซึ่งดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุและศิลปวัตถุในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จัดทำหนังสือแจ้งแนวทางปฏิบัติและหน้าที่ของผู้ครอบครองโบราณสถาน โบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ไปยังผู้ครอบครองทั่วประเทศ

นายประทีปกล่าวอีกว่า จากการสอบถามกับเจ้าของหรือผู้ครอบครอง โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ได้รับทราบคำตอบที่น่าตกใจ เพียงไม่เคยทราบว่าทรัพย์สินของตนเองเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ รวมทั้งไม่เคยได้รับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่ตามกฎหมายของเจ้าของหรือผู้ครอบครองโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุจากกรมศิลปากร ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรเทาและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอีกทางหนึ่งควบคู่ไปด้วย จึงได้สั่งการให้กองโบราณคดีและสำนักศิลปากรทั่วประเทศเร่งส่งบัญชีรายชื่อโบราณสถานที่มีความสำคัญและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในแต่ละพื้นที่ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพื่อดำเนินการจัดทำเป็นประกาศรายชื่อ และจะจัดส่งบัญชีรายชื่อที่ได้ประกาศแล้วให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองได้รับทราบถึงสิทธิต่างๆ รวมถึงข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้จัดทำประกาศรายชื่อรอบแรกภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ และจะเร่งดำเนินการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศต่อไปเป็นระยะ ทั้งนี้ หากมีการแจ้งผู้ครอบครองไปแล้วยังกระทำการใดๆที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีอย่างจริงจัง โดยไม่มีข้อยกเว้น

...

“เราได้บทเรียนกรณีการรื้อถอนอาคารสำนักงานบริษัทบอมเบย์ เบอร์มา เทรดดิ้ง จ.แพร่ ซึ่งกระทำการโดยไม่ขออนุญาต จึงได้มอบนโยบายเชิงรุก ต่อจากนี้ให้ทุกหน่วยงานของกรมศิลปากรลงพื้นที่ชี้แจง ให้ความรู้ ความเข้าใจ ถึงแนวปฏิบัติต่อโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่ได้ประกาศขึ้นทะเบียนแล้วและยังไม่ได้ประกาศขึ้นทะเบียน ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองได้ทราบทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ว่าทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองดูแลนั้น ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโบราณสถานฯ ในฐานะเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติที่มีคุณค่า ควรแก่การอนุรักษ์และสืบทอด และยังเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาแก้ไขปัญหาการรื้อถอนทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้ลดจำนวนลงได้” อธิบดีกรมศิลปากรกล่าว.