นาย กิตติพงษ์ ณ ระนอง ขณะเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งอังกฤษ
ตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญตำแหน่งหนึ่งในราชการงานเมืองที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศคือ เอกอัครราชทูต
สิ้นปีงบประมาณนี้มีเอกอัครราชทูตที่รับราชการประจำการอยู่ต่างประเทศถึงเวลาเกษียณอายุราชการ 10 กว่าคน
ด้วยผลงานที่สร้างสรรค์ให้ปรากฏในการเป็นตัวแทนของไทยบนเวทีโลก จึงจำเป็นต้องทำบันทึกถึงท่านเหล่านั้นด้วยความคารวะใน เกียรติคุณ ประกอบด้วย
รายแรกคือ นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส โดยท่านทูตกิตติพงษ์ขึ้นเป็นอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 2546 แล้วปี 2549 ไปเป็นทูตฮานอย เวียดนาม ปี 2552 กลับมาเป็นอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก พอปี 2553 ได้เป็น เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา อันถือได้ว่าเป็นสถานทูตอันดับหนึ่ง
แต่แล้วในปี 2555 รัฐบาลสมัยนั้นได้ย้ายท่านทูตกิตติพงษ์มาเป็น เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ก็ยังพอทำเนาแล้วปีถัดมาคือ ปี 2556 รัฐบาลเดียวกันนั้นสั่งย้ายไปเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี รัฐลิเบีย อันเป็นสถานทูตสำหรับมือใหม่หัดขับ
จนถึงปี 2557 ในยุครัฐบาล คสช.จึงได้รับความเป็นธรรมคืนมาโดยย้ายไปเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ แล้วปี 2559 ย้ายอีกทีไปเกษียณที่เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ท่านทูตกิตติพงษ์ เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและเป็นบทพิสูจน์ความอดทนของ คนจริง ในขณะที่รัฐบาลที่สร้างความไม่เป็นธรรมต้องพังทลายไปตามชะตากรรมและประสบความทุกข์เข็ญอยู่ในขณะนี้
คนที่ถูกกระทำย่ำยีกลับกำลังรอเวลาเกษียณอายุราชการด้วยความภาคภูมิในเกียรติยศและผลงานที่ฝากไว้
...
ท่านทูตรายที่สองที่ควรต้องเอ่ยถึงในวาระที่จะเกษียณอายุราชการนี้คือ นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา
ถ้าจะถามกันว่าในกระทรวงการต่างประเทศมีข้าราชการคนใดมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศกัมพูชา หรือเขมร มากที่สุด คำตอบก็คือ ท่านทูตณัฏฐวุฒิ นั่นเอง
ด้วยประสบการณ์การทำงานในสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญถึงสามครั้งสามคราในตำแหน่งหน้าที่ต่างกันคือ ครั้งแรกเป็นเจ้าหน้าที่ระดับต้น ครั้งที่สองเป็น อัครราชทูต เบอร์สองของสถานทูต แล้วย้ายไปรับตำแหน่งที่อื่นตามเส้นทางการเจริญเติบโต เช่น กงสุลใหญ่นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำรัฐอิสราเอล (กรุงเทลอาวีฟ) แล้วเข้ามาเป็นรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นมือประสานสิบทิศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสู้คดีพิพาทดินแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาในศาลโลก
แล้วช่วงสุดท้ายของชีวิตราชการก็ได้ไปเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำราชอาณาจักรกัมพูชา (พนมเปญ) เมื่อต้นปี 2558 และกำลังจะเกษียณอย่างสมศักดิ์ศรี สิ้นเดือนกันยายนนี้
ยังมีเอกอัครราชทูตอีกหลายคนที่จะต้องทำบันทึกถึงในโอกาสเดียวกัน.
“ซี.12”