พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ ประจำปี 2568 ในพระบรม มหาราชวัง ขณะที่หลายพื้นที่ทั่วประเทศยังสาดน้ำกันชุ่มฉ่ำ “ถนนข้าวสาร-สนามหลวง” คนแห่เล่นน้ำส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์เนืองแน่น รมว.การท่องเที่ยวฯปลื้มโชว์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมาช่วงสงกรานต์ปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.61 “มาเลย์-จีน-อินเดีย-รัสเซีย-อังกฤษ” ติด 5 อันดับแรก ส่วน 4 วันของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” อุบัติเหตุทางถนนคร่าชีวิตแล้ว 138 ศพ เกิดอุบัติเหตุรวม 1,000 ครั้ง บาดเจ็บรวม 1,002 คน กทม.แชมป์ตายสะสม-คดีเมาแล้วขับ

เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ไทย หรือวันเถลิงศก ในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เมษายน ผู้คนจะพากันเข้าวัด ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ รดน้ำดำหัว ขอพรผู้สูงอายุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเดินทางกลับมาทำงานตามปกติ

“ในหลวง-ราชินี” ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล

เมื่อเวลา 09.03 น. วันที่ 15 เม.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราช ดำเนิน โดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ ณ หอพระสุราลัยพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ หอพระธาตุมณเฑียร และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงหอพระสุราลัยพิมาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายสรงพระพุทธรูปสำคัญต่างๆ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศ และทรงสรงพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จฯ ไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศถวายราชสักการะ ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ ทรงสรงน้ำพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ทั่วทุกพระโกศ เสร็จแล้วเสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

ถวายภัตตาหารสมเด็จพระสังฆราช

เมื่อเสด็จฯ ถึงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร รัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา จากนั้นสมเด็จพระอริย วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีลและถวายพรพระ จบแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนที่พนมข้าวบิณฑ์หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา แล้วเสด็จฯ ไปทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชวงศ์ องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทรงประเคน และประเคนแด่พระสงฆ์จนครบ 77 รูป ตามลำดับ เสร็จแล้วเจ้าพนักงานเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และพระโกศพระอัฐิ ออกประดิษฐานบนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร และบนพระที่นั่งกง พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาท

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะและเครื่องทองน้อย ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ แล้วเสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าคู่ถวายพระสงฆ์ จำนวน 4 เที่ยวเที่ยว ละ 18 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา จากนั้นเสด็จฯไปทรงกราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวารรัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบพระบรมอัฐิ และพระอัฐิที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ

4 วันสงกรานต์ตายพุ่ง 138 ศพ

ขณะที่เวลา 10.30 น. ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 (ศปถ.) แถลงข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำวันที่ 14 เม.ย. เป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 241 ครั้ง บาดเจ็บ 249 คน เสียชีวิต 34 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วกับดื่มแล้วขับ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ จ.เชียงราย เกิดอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บสูงสุด 11 ครั้ง และ 13 คนตามลำดับ จ.สระแก้ว มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 6 ราย สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมช่วง 4 วัน (วันที่ 11-14 เม.ย.2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,000 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,002 คน ผู้เสียชีวิตรวม 138 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มี 24 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง 36 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง 40 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร13ราย

คดีเมาขับช่วงสงกรานต์ลดลง

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงการติดตามมาตรการคุมเข้มในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า วันที่ 14 เม.ย. ศาลมีคำสั่งคุมความประพฤติ 1,718 คดี แบ่งเป็นขับรถขณะเมาสุรา 1,674 คดี ติด EM 15 ราย ขับซิ่ง 1 คดี ร้อยละ 0.06 ขับเสพ 43 คดี (ร้อยละ 2.50) ติด EM 1 ราย ยอดคดีสะสมช่วงควบคุมเข้มข้น 11-14 เม.ย. รวม 3,297 คดี ติดอุปกรณ์ EM รวม 25 ราย จังหวัดที่มี คดีเมาขับสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 295 คดี นนทบุรี 242 คดี และสมุทรปราการ 226 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่การคุมความประพฤติวันที่ 4 ของปี 2567 พบว่า มีคดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 2,106 คดี และปี 2568 มีจำนวน 1,674 คดี ลดลง 432 คดี

จับขับรถเร็วกว่า 9.1 หมื่นราย

ส่วนที่ชั้น 20 ศปก.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ชัช สุกแก้วณรงค์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568 ว่า สถิติเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางถนน ในสงกรานต์ปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ลดลงทุกยอด โดยจำนวนการเกิดอุบัติเหตุรวม 4 วัน ลดลง 274 ครั้ง คิดเป็นลดลงร้อยละ 21.51 สถิติผู้เสียชีวิต 4 วัน ลดลง 50 ราย คิดเป็นลดลงร้อยละ 26.60 ผู้บาดเจ็บ 4 วัน ลดลง 279 คน คิดเป็นลดลงร้อยละ 21.78 สำหรับสถิติการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลักด้านความปลอดภัยทางถนน รวม 4 วัน (วันที่ 11-14 เม.ย.) 361,342 ราย ข้อหาสำคัญ ได้แก่ เมาแล้วขับ 15,514 ราย ขับรถเร็ว 91,257 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 88,205 ราย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย 19,623 ราย และย้อนศร 8,688 ราย

รัฐคุมเข้มช่วยลดอุบัติเหตุ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานถึงสถิติการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์พบว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตลดลงมากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 นายกฯขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ดูแลประชาชนในทุกมิติ รวมถึงการกวดขันและรณรงค์อย่างเป็นรูปธรรม จนทำให้สถิติลดลง ขอให้ดูแลประชาชนจนกว่าจะจบเทศกาลสงกรานต์ในแต่ละพื้นที่ รัฐบาลยังคงเน้นย้ำมาตรการ ให้ดูแล ควบคุมเข้มข้นอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชน ไม่ดื่มแล้วขับ เคารพกฎจราจร เพื่อร่วมกันลดความสูญเสียในช่วงสงกรานต์ ขอให้ตระหนักว่า เพียงเสี้ยววินาทีแห่งความประมาท อาจหมายถึงการสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืนได้

เชียงใหม่ยังสาดน้ำฉ่ำ

สำหรับบรรยากาศตลอดในวันที่ 15 เม.ย. วันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ หลายพื้นที่ยังคงจัดให้มีการเล่นน้ำเป็นการส่งท้าย โดยที่บริเวณรอบคูเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะถนนท่าแพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมารวมตัวกันเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนานตั้งแต่ช่วงสาย รถกระบะที่เข้ามาวิ่งรอบคูเมืองให้ลูกหลาน และครอบครัว รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวนั่งหลังรถและสาดน้ำใส่กัน ทำให้รถที่เข้ามาตามเส้นทางรอบๆคูเมืองเชียงใหม่ติดแน่นขนัดหลายกิโลเมตร การวนรถรอบคูเมืองแต่ละรอบใช้เวลา ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ยังคงให้ เล่นน้ำสงกรานต์ถึงวันที่ 16 เม.ย.

เข้าวัดทำบุญก่อนกลับ

ส่วนที่ จ.ขอนแก่น ตามวัดวาอารามต่างๆ ตลอดช่วงเช้าวันที่ 15 เม.ย.คลาคล่ำไปด้วยผู้คนในพื้นที่และใกล้เคียง เข้ามาทำบุญเนื่องในวันเถลิงศก หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยที่วัดหนองแวงพระอารามหลวง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น มีการอัญเชิญพระพุทธมหาจักรแก่นนคร ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในพระมหาธาตุแก่นนคร ลงมาประดิษฐานให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมสรงน้ำ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนแยกย้ายกันกลับไปทำงาน ทำให้บรรยากาศการทำบุญคึกคักอย่างมาก ขณะที่การเล่นน้ำสงกรานต์ในงานสุดยอด สงกรานต์ถนนข้าวเหนียว วันที่ 15 เม.ย.ซึ่งเป็นวันสุดท้าย นายจักรกฤษณ์ ศิริพานิชย์ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกว่า 1 แสนคนมาเล่นสงกรานต์ในวันสุดท้ายนี้

หอบสัมภาระกลับมาทำงาน

จากนั้นตั้งแต่ช่วงเที่ยงเป็นต้นมา ตามถนนสายหลัก ฝั่งขาล่อง มีปริมาณรถเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เลือกเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยว เพื่อเตรียมกลับมาทำงานตามปกติในวันที่ 17 เม.ย.นี้ โดยที่สถานีขนส่งนครราชสีมา แห่งที่ 2 อ.เมืองนครราชสีมา ประชาชนที่มาจากอำเภอต่างๆ และจังหวัด ใกล้เคียง ทยอยเดินทางไปซื้อตั๋วรถทัวร์โดยสารสายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ และไปจังหวัดภาคตะวันออกอย่างคึกคัก หลายคนหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระ อุ้มลูก จูงหลาน และลากกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยอาหาร อาทิ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ข้าวสาร ข้าวเหนียว พริกแห้ง ปลา หมู เนื้อแดดเดียว ปลาร้าสุก ปลาร้าบอง เป็นต้น โดยเฉพาะจุดขายตั๋วรถปรับอากาศชั้น 1 สายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ ประชาชนมายืนรอต่อคิวซื้อตั๋วอย่างหนาแน่น รวมถึงเส้นทางไป จ.ชลบุรี จันทบุรี และระยอง ขณะที่การจราจรบนถนนมิตรภาพ บริเวณถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา กลุ่มใช้รถส่วนตัวเลือกมาใช้เส้นทาง มอเตอร์เวย์ M6 อย่างต่อเนื่อง

คนอีสานกลับไปทำงานฝั่ง ตอ.

ส่วนที่ถนนสาย 304 ตลอดวัน มีปริมาณรถเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน หลังหมดช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จากการสอบถามผู้ใช้เส้นทางต่างระบุเหมือนกันว่าออกจากบ้านเกิดในภาคอีสานตั้งแต่ช่วงเช้า และเข้ามาในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ในช่วงบ่าย และบางส่วนเดินทางต่อไปยังภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ระยอง พื้นที่เขตอุตสาหกรรม ส่วนที่รีบเดินทางกลับ เนื่องจากทุกคนกลัวว่าหากเดินทางในวันที่ 16 เม.ย. เป็นหยุดวันสุดท้ายจะมีผู้ใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก ส่งผลรถติดเป็นระยะทางยาว

ขาล่องจากเหนือกลับมาแน่น

ขณะที่ถนนพหลโยธินหมายเลข 1 ขาล่อง นครสวรรค์-กำแพงเพชร ปริมาณรถมากขึ้นตั้งแต่ช่วงสาย บริเวณแยกเดชาติวงศ์ มีรถขาล่องมาไม่ขาดสาย หลังจากช่วงเย็นเป็นต้นไปปริมาณรถหนาแน่นขึ้น ด้าน พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 1 กองบังคับการ ตำรวจทางหลวง แนะนำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง หรือใช้ถนนเลี่ยงเมืองหมายเลข 122 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรในตัวเมืองนครสวรรค์ และเบื้องต้นหากปริมาณรถมากขึ้น จะเปิดช่องทางพิเศษบนถนนพหลโยธินหมายเลข 1 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 332-321 ขาล่อง เป็นระยะทาง 8-11 กิโลเมตร เพื่อช่วยระบายรถให้คล่องตัวขึ้น ในขณะบรรยากาศที่สถานีขนส่งนครสวรรค์ เป็นไปด้วยความคึกคัก เมื่อประชาชนมารอขึ้นรถกลับเข้ากรุงเทพฯ อย่างไม่ขาดสายเช่นกัน

ทยอยถึงเมืองกรุงโดยสวัสดิภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานตั้งแต่ช่วงเช้าจดค่ำ ที่สถานี ขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ หรือหมอชิต 2 ประชาชนจาก จังหวัดต่างๆทยอยเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มาจากจังหวัดในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก อาทิ เลย อุบลราชธานี สุรินทร์ นครราชสีมา เชียงใหม่ ระยอง ตราด ฯลฯ ทุกคนต่างบอกตรงกันว่าที่เลือกเดินทางมาตั้งแต่วันนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและกลับพักผ่อนอีก 1 วัน ก่อนเริ่มทำงานวันแรก ในวันที่ 17 เม.ย. และเป็นที่น่าสังเกตว่าหลายคนหอบหิ้วสัมภาระจำพวกอาหารแห้งกลับมาด้วย

แห่เล่นน้ำวันสุดท้ายแน่นขนัด

สำหรับใน กทม.สถานที่จัดงานสงกรานต์ยอดนิยมอย่างถนนสีลมที่ยุติการเล่นน้ำไปแล้ว กทม.สรุปยอดผู้เข้ามาในช่วง 3 วัน (12-14 เม.ย.2568) มีถึง 256,667 คน และถนนข้าวสาร ช่วง 3 วัน มีคนเข้ามาร่วมเล่นสงกรานต์ 394,628 คน รวม 2 จุด จำนวน 651,295 คน แต่ในวันที่ 15 เม.ย.ถนนข้าวสารยังคงเปิดให้เล่นน้ำอย่างจุใจจนถึงเวลา 22.00 น. ทำให้ตลอดช่วงบ่ายยันค่ำ มีคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าไปเล่นน้ำหนาแน่นกว่าปกติ โดยถนนข้าวสาร ถนนรามบุตรี และถนนรอบนอกเนืองแน่นด้วยผู้คนจนแทบไม่มีที่เดิน แม้มีฝนตกลงมาอย่างหนักในเวลา 18.00 น.แต่คนยังหลั่งไหลผ่านด่านคัดกรองบริเวณทางเข้าถนนจักรพงษ์ ข้าง สน.ชนะสงครามและฝั่งวัดบวร ไม่ขาดสาย ส่วนงานมหาสงกรานต์ “Maha Songkran World Water Festival 2025” ที่ท้องสนามหลวง จัดถึงเวลา 23.00 น. นักท่องเที่ยวทยอยเข้ามามากในช่วงบ่ายถึงค่ำ ต่างสนุกสนานไปกับลานสงกรานต์ 5 ภาค เวที EDM และจุดเล่นน้ำที่สถานีถังน้ำล้น เป็นที่ถูกอกถูกใจทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ เล่นน้ำกันชุ่มฉ่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงค่ำได้ร่วมกันส่งท้ายงานมหาสงกรานต์กับดนตรี 4 วงดัง สแล็ปคิสต์, ยัวร์มู้ด, คาราบาว, บอดี้สแลม และการแสดงโดรน 1,200 ลำ

ท่องเที่ยวปลื้มคนมาสงกรานต์เพิ่ม

วันเดียวกัน นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะในปีนี้ที่ภาครัฐจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ทั้งในกรุงเทพฯ อาทิ Maha Songkran World Water Festival 2025 และกิจกรรมในส่วนภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.61 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน และอินเดีย ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นจากการปิดภาคเรียนในหลายประเทศของภูมิภาคยุโรป อาทิ เยอรมนี และฝรั่งเศส ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์นี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 666,180 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 64,564 คน หรือร้อยละ 10.73 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย เฉลี่ยวันละ 95,169 คน

มาเลย์เที่ยวไทยเยอะสุด

นายสรวงศ์กล่าวอีกว่า 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย 102,106 คน จีน 82,274 คน อินเดีย 55,158 คน รัสเซีย 40,283 คน และสหราชอาณาจักร 32,119 คน โดยนักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย มาเลเซีย และรัสเซีย มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าร้อยละ 28.20 ร้อยละ 23.56 ร้อยละ 10.67 และร้อยละ 8.40 ตามลำดับ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวสหราช อาณาจักร ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าร้อยละ 8.49 สําหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลง เป็นแนวโน้มปกติหลังสิ้นสุดการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สรุปภาพรวมการท่องเที่ยวในสัปดาห์นี้ ข้อมูล ณ วันที่ 14 เม.ย. พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-13 เม.ย. ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 10,738,424 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 516,589 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 1,470,834 คน มาเลเซีย 1,333,596 คน รัสเซีย 801,532 คน อินเดีย 631,820 คน และเกาหลีใต้ 533,752 คน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่