40 ส.ว.รุมสับรายการตอบโจทย์แอบแฝงล้มสถาบัน จี้ผู้รักษากฎหมายดำเนินการ

ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม กลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา หารือว่า ขอบคุณสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสที่งดรายการตอบโจทย์ประเทศไทยฯ ที่จะออกอากาศวันที่ 15 มี.ค. แต่ตนได้ดูช่วงที่ออกอากาศวันที่ 13-14 มี.ค. เห็นว่าคนที่เป็นอาจารย์หากนำแนวคิดดังกล่าวไปสอนลูกศิษย์อีกมากมาย เชื่อว่าจะสร้างแนวคิดใหม่ให้เยาวชนไทยเป็นอันตรายกับประเทศอย่างยิ่ง สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยต่างกับประเทศอื่น เรามีแผ่นดินอิสระ มีความสุข เพราะกษัตริย์องค์ก่อนทรงกอบกู้ชาติ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แผ่นดินและพระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบัน ทรงช่วยเหลืออาณาประชาราษฎร์ด้วยโครงการพระราชดำริมากมาย พระราชดำรัสของพระองค์มีแง่คิด เป็นประโยชน์ เป็นข้อเท็จจริง

ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า รายการดังกล่าวเหยียบย่ำจิตใจและสร้างความโกรธแค้นแก่คนไทยที่ได้ดูรายการมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนำนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ มาเป็นวิทยากรร่วมดีเบตวิพากษ์สถาบันกษัตริย์ที่คนไทยให้ความเทิดทูน ออกรายการฟรีทีวี ไม่มีเรื่องอื่นหรืออย่างไร บอกว่าสถาบันไม่เป็นประชาธิปไตยโดยอ้างถึงประเทศอังกฤษ ทั้งที่บริบทของไทยและอังกฤษต่างกัน ดังนั้น ผอ.สถานีฯ ต้องรับผิดชอบร่วมกับคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหารที่อนุมัติรายการ โดยให้ประชาชนเสนอเรื่องผ่านอนุกรรมการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ตามมาตรา 46 และมาตรา 42 ของกฎหมายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย เจตนารมณ์ที่นำคนที่ต้องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้ง 2 คนมาดีเบตกัน ทั้งที่ควรเป็นผู้ที่เห็นต่างเพื่อความสมดุลแสดงถึงเจตนาแอบแฝงเบื้องหลังของผู้จัดรายการสถานี ไม่ควรใช้เงินภาษีประชาชน ปล่อยให้รายการออกอากาศเรื่องสถาบันที่กระทบจิตใจคนไทยทั้งชาติ และ กสทช.ต้องเข้ามาแก้ปัญหาทั้งกรณีนี้ และกรณีละครเหนือเมฆ 2

ส่วน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สถานีไทยพีบีเอสที่ใช้เงินภาษีประชาชน ต้องรอบคอบรัดกุม อย่าคิดว่าเอาภาษีประชาชนไปสนองความต้องการของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อยากถามคณะผู้บริหารไทยพีบีเอสว่า ไม่มีรายการอะไรหรือคิดรายการอะไรไม่ได้แล้วหรือ รู้หรือไม่ว่าทำรายการแบบนี้เป็นประโยชน์อะไรกับใคร หรือก่อสติปัญญาตรงไหน มีแต่ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ทำให้รัฐบาลโดนด่าฟรี ทั้งที่รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้อง คนทำหาเรื่อง หาเหาให้รัฐบาล สถานีเองก็เสียหาย ทำให้ประชาชนเข้าใจภาพลักษณ์สถานีผิด อย่าคิดว่าทำรายการแบบนี้แล้วดูก้าวหน้า ดูทันสมัย หรือดูเท่ส่วนตัวมองว่าหาเหาใส่หัวยังพอว่า แต่กรณีนี้เป็นการหาเห็บใส่หัว

พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ส.ว.สรรหา อดีต ผอ.ททบ.5 กล่าวว่า ดูเนื้อหารายการเป็นการกล่าวร้ายดูหมิ่นสถาบัน กรณีที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะการล่วงละเมิดดังกล่าวทางองค์การสื่อสารมวลชนแห่ง ประเทศไทย กสทช. และคณะกรรมการวิทยุกระจายเสียงเพื่อเผยแพร่สาธารณะ ควรเข้าไปตรวจสอบ ควบคุมและพิจารณาโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะจำเลยคนแรกคือสถานีโทรทัศน์ที่อนุมัติให้ออกอากาศ ส่วนผู้ร่วมรายการที่เกี่ยวข้อง สตช. และดีเอสไอ ต้องเร่งตรวจสอบ ดำเนินคดีกับผู้ดำเนินรายการ และผู้ให้สัมภาษณ์ด้วยข้อหาดูหมิ่น หมิ่นประมาท และกล่าวร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย ผู้รักษากฎหมายต้องดูแลและรักษาในความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ขอให้ประธานวุฒิสภาแจ้งและดำเนินการต่อไป เพราะไทยพีบีเอสรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลปีละ 2,000 ล้านบาท

ขณะที่ พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่าเนื้อหาของรายการถือว่าเข้าข่ายทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะมีการกล่าวถึงพระราชดำรัสอย่างไม่บังควรและปราศจากความเคารพ จึงขอหารือไปยังผู้บริหารไทยพีบีเอส ที่ใช้เงินภาษีประชาชน ควรมีนโยบายหรือดำเนินรายการให้ตรงกับวัตถุประสงค์ และแสวงหาคำตอบให้สังคมไทย เช่น โครงการจำนำข้าว ที่สร้างหนี้ให้ประเทศ พฤติกรรมของฝ่ายบริหารที่เสี่ยงจะเสียอำนาจหรือดินแดนซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกว่าการแก้ไขมาตรา 112 ที่กระทบคนเพียง 482 คน เพราะถึงไม่แก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่ได้ทำให้ชาติล่มจม ไม่เข้าใจว่าความเป็นนักวิชาการทำไมเรื่องธรรมดาเหล่านี้ถึงไม่เข้าใจ หรือมีเจตนาแอบแฝงอะไร.

...