นายกฯ สั่งลุยปราบอาชญากรรมออนไลน์ เรียกหน่วยงานความมั่นคง 23 มิ.ย.นี้ หลังพบชายแดน ฝั่งตะวันออกหนักข้อขึ้นปรับรูปแบบเดินทางของแก๊ง หลังปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน ขณะที่ “บัวแก้ว-ศบ.ทก.” ย้ำไม่ได้ลดความสัมพันธ์ทางการทูต-ผลักดันแรงงานเขมร ส่วน “พาณิชย์” เร่งช่วยผู้ค้ารายย่อยตามแนวชายแดนที่ค้าขายหยุดชะงัก สั่งการพาณิชย์จังหวัดจัดหาพื้นที่ทดแทนให้ขายของ ด้าน มทภ.2 ยัน สถานการณ์ชายแดนยังสงบ ย้ำไร้ปัญหาขัดแย้งกับนายกฯ เป็นเพียงความเข้าใจผิด ไม่มีผลกระทบต่อการ ทำงานของกองทัพ ขณะเดียวกัน “ฮุน เซน” เปิดฉากอีก ประณามข้อเรียกร้องฝ่ายค้านไทย หยุดขายน้ำมันให้กัมพูชา ชี้จะเป็นการนำไปสู่การทำลายล้างตัวเอง

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ไทยยังคงมาตรการปรับเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนในพื้นที่ 7 จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชา ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ต่อเนื่องเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม ส่งผลถึงการค้าชายแดนระหว่างกันยิ่งเงียบเหงา ขณะเดียวกันทางการกัมพูชายังคงออกมาตรการตอบ โต้ไทยมาอย่างต่อเนื่อง

กต.แจงเรียกทูตกลับแค่มาหารือ

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวกระทรวงการต่างประเทศของไทยเรียกทูตไทยประจำประเทศกัมพูชากลับประเทศ เพื่อลดระดับความสัมพันธ์นั้น ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องนี้ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญทูตกลับมาเพื่อหารือข้อราชการตามปกติ ไม่ได้มีการตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า สำหรับการเชิญทูตมาประชุมนี้ เป็นการเชิญนายตุลย์ ไตรโสรัส เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ มาหารือเพียงคนเดียว ขณะที่งานส่วนอื่นได้ดำเนินการตามปกติ ไม่ได้มีการลดระดับความสัมพันธ์ตามกระแสข่าวแต่อย่างใด

...

ไม่มีการผลักดันแรงงานเขมร

นอกจากนี้ กรณีสมเด็จฮุน เซน ออกมาย้ำให้พลเมืองกัมพูชาที่มาทำงานในไทยกลับประเทศก่อนถูกเนรเทศนั้น ต่อมาศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้จัดทำประกาศ 2 ภาษา ทั้งไทยและกัมพูชาชี้แจงว่า ประเทศไทยไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ และยังคงยึดมั่นในการดำเนินการบนพื้นฐานของมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง

“ฮุน เซน” ประณามข้อเสนอฝ่ายค้าน

วันเดียวกัน สำนักข่าวขแมร์ไทม์สของทางการกัมพูชารายงานว่า สมเด็จฮุน เซนได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 มิ.ย. ประณามข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านไทยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดขายน้ำมันให้กัมพูชา เพื่อเป็นการตอบโต้และกดดันให้กัมพูชายอมจำนน มองว่าเป็นเกมอันตรายที่อาจนำไปสู่การทำลายล้างตัวเอง บริษัท ปตท.ของไทยต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องล่มสลาย หากตั้งใจจะให้บริษัท ปตท.ตกที่นั่งลำบากก็เชิญดำเนินการตามแผนต่อไป พร้อมประกาศกร้าวด้วยว่ากัมพูชาจะไม่มีวันล้ม เพราะว่าไม่ได้นำเข้าน้ำมันจากไทย

กระตุ้นคนเขมรลดพึ่งพาไทย

สมเด็จฮุน เซน ยืนยันอีกว่ากัมพูชาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการรับมือสถานการณ์ที่ฝ่ายไทยข่มขู่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการตัดอินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า และแรงงาน ตอนนี้ยังนำเอาเรื่องน้ำมันมาเป็นอาวุธต่อสู้กับกัมพูชาอีก ขณะที่ยังย้ำคำพูดเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนลดการพึ่งพาประเทศ ไทย รวมทั้งได้แนะนำรัฐบาลกัมพูชาควรระงับการ นำเข้าสินค้ากระป๋องทุกประเภทจากประเทศไทย รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มชูกำลังทุกชนิด ตลอดจนปลากระป๋องและเนื้อกระป๋องทุกประเภท และหันมาใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือนำเข้าจากประเทศอื่นแทนหากสถานการณ์ที่ด่านชายแดนยังไม่คลี่คลาย

นายกฯสั่งลุยปราบแก๊งคอลฯ

ต่อมานายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เร่งเดินหน้านโยบายแห่งชาติ ด้านปราบปรามคอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์-พนันออนไลน์ ในทุกรูปแบบ ถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ ยืนยันการแถลงผลการ
ปราบปรามของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เป็นผลจากมาตรการปรับการเปิดปิดด่านไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. พบว่าสถิติในทุกรูปแบบลดลงเป็นจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ประชาชนคนไทยไม่ถูกหลอกลวงจากบุคคลที่กำลังทำลายความมั่นคงของประเทศไทยได้ และรายงานข่าวที่กัมพูชาถูกระบุเป็นแหล่งอาชญากรรมทางไซเบอร์นั้น เป็นรายงานพิเศษของ UN agency map reveals Cambodia as global scammer hub เป็นข้อเท็จจริงจากรายงานขององค์การสหประชาชาติเมื่อไม่กี่สัปดาห์

นัดประชุม 23 มิ.ย.แก้ทั้งระบบ

นายจิรายุกล่าวว่า สำหรับการแก้ปัญหาของประเทศไทยในรายงานผลกระทบและการปราบปรามวิกฤติในประเทศไทยในฝั่งตะวันตกพบว่ามีตัวเลขลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในฝั่งตะวันออกกลับมีแนวโน้มว่าจะกลับมาหนักข้อมากขึ้น เนื่องจากมีการปรับรูปแบบของกลุ่มคนเหล่านี้ คนไทยที่เดินทางไปทำงานกับกลุ่มเหล่านี้ถือว่าเป็นการทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง ทั้งนี้ รัฐบาลได้เร่งดำเนินการแก้ไขให้เป็นวาระแห่งชาติ จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายความมั่นคงของชาติ และหลอกลวงคนไทยแบบนี้อีกต่อไป วันที่ 23 มิ.ย.นายกฯ ได้เรียกประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมตามแนวชายแดนทั้งระบบที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ อาทิ ยาเสพติด การฟอกเงินข้ามชาติ เทคโนโลยี การค้ามนุษย์ รวมทั้งอาชญากรรมตามแนวชายแดน

แฉเปลี่ยนวิธีพาคนข้ามแดน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า ล่าสุดฝ่ายความมั่นคงได้รับรายงานมาจากชายแดนฝั่งตะวันออก ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน ทำให้กระบวนการเหล่านี้ มีคนไทยส่วนหนึ่งที่เคยเดินทางเข้าออกด้วยบัตรผ่านแดน หลบเลี่ยงไปใช้วิธีทำพาสปอร์ต และเดินทางโดยเครื่องบินไปยังสนามบินเมืองใกล้เคียง เช่น เสียมราฐ พนมเปญ และจะมีขบวนการเหล่านี้ไปรับถึงสนามบินให้กลับมาทำงานตามชายแดน ประเทศ ไทยจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องประชาชนคนไทยจากอาชญากรรมเหล่านี้ต่อไป หลังที่ประชุมในวันที่ 23 มิ.ย. จะมีมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาโจรออนไลน์ออกมาอีกครั้ง

สกัดมันเขมรคุณภาพต่ำทะลัก

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรไทย หลังกัมพูชาห้ามนำเข้าผักผลไม้จากไทย แต่มีการนำมันสำปะหลังจากกัมพูชาเข้ามาเป็นจำนวนมาก ว่า ได้สั่งให้กรมการค้าต่างประเทศเพิ่มความเข้มงวดควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชา หลังพบความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าชายแดน เพื่อป้องกันสินค้าคุณภาพต่ำทะลักเข้าสู่ตลาดในประเทศ อันอาจส่งผลกระทบต่อราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรไทยได้รับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งได้กำหนดมาตรการควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลัง กำหนดจุดที่อนุญาตให้นำมันสำปะหลังเข้ามาจากกัมพูชาใน 5 จังหวัด 6 ด่าน ได้แก่ 1.จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จ.จันทบุรี 2.จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน และจุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา จ.สระแก้ว 3.ด่านศุลกากรคลองใหญ่ จ.ตราด 4.ด่านศุลกากรช่องจอม จ.สุรินทร์ 5.ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ พร้อมทั้งกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องขึ้นทะเบียน แจ้งข้อมูลการนำเข้าล่วงหน้า และมีสถานที่จัดเก็บแยกจากมันสำปะหลังที่รับซื้อในประเทศ พร้อมรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

16 จว.คุมเกิน 10 ตันห้ามขนย้าย

นายพิชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้สั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่กรมการค้าต่างประเทศทั้ง 6 ด่าน เพื่อสุ่มตรวจมาตรฐานมันเส้นที่นำเข้า หากพบว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด จะพักใช้ทะเบียนนำเข้าทันที จนกว่าจะปรับปรุงคุณภาพให้ได้มาตรฐาน ขณะเดียวกัน กรมการค้าภายในยังมีมาตรการควบคุมการขนย้ายมันสำปะหลังสดและมันเส้น โดยห้ามขนย้ายในปริมาณตั้งแต่ 10,000 กิโลกรัมขึ้นไป เข้าหรือออกจากพื้นที่ควบคุม 60 อำเภอใน 16 จังหวัด เว้นแต่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เน้นขายผลผลิตในประเทศ

ด้านร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหลังประชุมร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 7 จังหวัด ที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า กรณีที่กัมพูชาไม่อนุญาตให้ขนส่งผักและผลไม้จากฝั่งไทยผ่านเข้าไปยังกัมพูชานั้น รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เร่งกระจายผลผลิตไปสู่ผู้บริโภคภายในประเทศหลากหลายช่องทาง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

เร่งหาตลาดขายสินค้าทดแทน

นอกจากนี้ กรณีผู้ค้ารายย่อยหรือชาวบ้านที่ขายผักผลไม้ สินค้าพื้นเมือง และสินค้าอื่นๆที่ได้รับผลกระทบ ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดที่รับผิดชอบ จัดหาพื้นที่หรือจุดจำหน่ายทดแทน โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานจังหวัด องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก หรือห้างท้องถิ่น ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงพาณิชย์พร้อมดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการทำมาค้าขายได้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยที่สุด

2 ด่านเมืองจันท์เงียบสนิท

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ด่านถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี หลังมีมาตรการสั่งห้ามรถบรรทุกมันสำปะหลังจากกัมพูชาเข้าไทย ปรากฏว่าบรรยากาศหน้าด่านเงียบเหงาทันตา เนื่องจากไร้กลุ่มรถบรรทุกมันสำปะหลัง เข้า-ออกคงเหลือเพียงรถเทรเลอร์สินค้าที่ยังเดินทางออกส่งสินค้าอยู่ และส่วนด่านบ้านแหลม ฝั่งกัมพูชา ปิดประตูใหญ่ ไม่มีการขนส่งสินค้าทุกประเภท กลุ่มท่องเที่ยว เว้นไทยกับกัมพูชา นอกนั้นมีการเข้าออกปกติ

ให้คนเดินทางเข้าออกได้

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กข่าวจันทบุรี ของสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.จันทบุรี เผยแพร่การรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน ของนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผวจ.จันทบุรี ยืนยันว่าแม้จะได้รับผลกระทบบางประการจากสถานการณ์ระดับประเทศ แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง จ.จันทบุรี กับ จ.พระตะบอง และ จ.ไพลิน ของกัมพูชา ยังคงดำเนินไปตามปกติ ไม่พบการกระทบกระทั่งหรือความขัดแย้งในระดับพื้นที่ ด้านเศรษฐกิจและการค้า การนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศผ่านแนวชายแดน ยังคงดำเนินการได้เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นบางกรณี โดยเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ขณะนี้ปิดให้บริการสำหรับรถขนส่งสินค้า แต่ยังอนุญาตให้ประชาชนเดินผ่านเข้า-ออกได้ตามปกติ

ขนส่งสินค้าทั่วไปตามปกติ

ส่วนจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จุดผ่อนปรนสวนส้ม และซับตารี การขนส่งสินค้ายังดำเนินการได้ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทั่วไป อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับ “ผักและผลไม้” ปัจจุบันทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาเห็นพ้องร่วมกันให้งดการนำเข้า-ส่งออกชั่วคราว เพื่อความเป็นธรรมทางการค้าและลดความขัดแย้ง ส่งผลให้ทุกด่านชายแดนต้องชะลอการเคลื่อนย้ายผักและผลไม้ในช่วงนี้ แม้จะต้องใช้เส้นทางอ้อมและมีระยะทางไกลขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังสามารถปรับตัวและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้

ไทยไม่ตัดไฟแต่เขมรระงับใช้เอง

ในส่วนของการใช้พลังงานไฟฟ้า ฝั่งไทยไม่ได้มีการตัดกระแสไฟไปยังฝั่งกัมพูชาแต่อย่างใด จ.จันทบุรี มีจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าทั้งหมด 3 จุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่ฝั่งกัมพูชาได้ระงับการใช้ไฟฟ้าฝั่งไทยชั่วคราว เป็นการตัดสินใจภายในของฝั่งกัมพูชาเอง ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวและการเดินทาง ประชาชนยังสามารถเดินทางข้ามแดนเพื่อทำงานได้ตามปกติ มีการตรวจเข้ม แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระดับประเทศ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ต้องการเดินทางข้ามแดนเพื่อท่องเที่ยวในช่วงนี้

ทุกอย่างยังปกติแต่ไม่ประมาท

ด้านความมั่นคง ไม่มีรายงานการเคลื่อนไหวของกำลังพลหรือการเสริมกำลังทางทหาร อาวุธ ยุทโธปกรณ์ มีเพียงการเพิ่มรอบการลาดตระเวน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่ประชาชนบริเวณแนวชายแดนราว 10,000 คน ได้รับการแจ้งเตือนและฝึกซ้อมการอพยพตามแผนที่จัดไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน มีการเตรียมพื้นที่รองรับ เช่น โรงเรียนประจำอำเภอ 3 แห่ง ที่ว่าการอำเภอ 1 แห่ง รวม 4 แห่ง และโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง พร้อมดำเนินการตามแผนอพยพในทันทีหากมีสัญญาณเตือน

สัมพันธ์ระดับท้องถิ่นยังแน่น

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างแดน นายมนต์สิทธิ์ ผวจ.จันทบุรี ย้ำว่า หลังจากที่ได้พูดคุยหลายครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่าง จ.จันทบุรี กับ จ.พระตะบอง และ จ.ไพลิน ไม่เคยเกิดเหตุปะทะหรือความขัดแย้งแม้ในช่วงปี 2554 ที่สถานการณ์ตึงเครียดมากกว่าปัจจุบัน และในครั้งนี้ก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่น เพียงแต่สถานการณ์ระดับประเทศบานปลาย ทำให้ทุกฝ่ายต้องเฝ้าระวัง เตรียมพร้อม และปรับตัวทั้งด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัย

ทร.ประท้วงเขมรโดรนล้ำแดน

ส่วนกรณี ผู้ว่าฯพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ส่งตัวแทนนำหนังสือปิดผนึกส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ขอให้ตรวจสอบกรณีพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ไม่ทราบฝ่าย บินล่วงล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตย ไม่ได้รับอนุญาต เข้ามาในพื้นที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงวันที่ 16-17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในระดับความสูงเฉลี่ยประมาณ 100-300 เมตร ในช่วงเวลากลางคืน ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ฝ่ายไทยได้ทำการประท้วงไปทางกัมพูชา กรณีโดรนข้ามล้ำแดนมาฝั่งไทยเช่นกัน ส่วนมาตรการจะประเมินจากท่าทีของโดรนเป็นหลัก หากมีโดรนเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามทางทหาร หรือมีเจตนาชัดเจนในเรื่องการปฏิบัติทางทหาร จะมีมาตรการต่อต้านโดรน (Anti-Drone) อย่างเด็ดขาด

เขมรโผล่ 2 ปราสาทยั่วยุรายวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่ากรณีมีชาวกัมพูชาขึ้นมาร้องเพลงที่ตัวปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทหารพรานไทยที่ประจำการอยู่บริเวณปราสาทตาควาย เข้าไปห้ามและเตือนให้หยุดการกระทำดังกล่าว และวันที่ 19 มิ.ย.เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก มีชายชาวกัมพูชาแต่งชุดธรรมดา นำคณะพระสงฆ์ 15 รูป และชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่ง มายืนที่จุดจีพีเอสและขวางประตูทางเข้าตัวปราสาทตาเมือนธม พยายามจะมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ และพูดใส่คนไทยที่เข้าเที่ยวชมปราสาทไม่ให้เข้าและข้ามผ่านหลักจีพีเอสไป ทั้งที่เป็นพื้นที่ของไทย ทำให้ทหารและฝ่ายปกครองของอำเภอพนมดงรัก ที่ปฏิบัติการที่ปราสาทตาเมือนธม เข้าไปแจ้งเตือนและให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที โดยมีทหารไทยและทหารกัมพูชา พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอพนมดงรักร่วมกันเจรจา พร้อมให้ชายดังกล่าวและคณะกลับลงไปฝั่งกัมพูชาทันที

ผู้ค้าเขมรครวญใกล้อดตาย

ขณะที่บรรยากาศการค้าชายแดน ตลอดวันที่ 21 มิ.ย.โดยเฉพาะที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซบเซาหนัก แทบไม่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าไปซื้อของ ทำให้ผู้ค้าทั้งชาวไทยและกัมพูชาเดือดร้อนหนัก ต้องแบกรับ ภาระค่าเช่าร้านค้า ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่ากินในแต่ละวันแทบจะไม่พอ บางรายแทบจะไม่มีเงินกินข้าว เนื่องจากขายของไม่ได้ ชาวกัมพูชาที่มาค้าขายที่ฝั่งไทยต่างขอวิงวอนให้รัฐบาลกัมพูชา เร่งเจรจาหาทางออกกับ รัฐบาลไทยให้คลี่คลายโดยเร็ว ชาวกัมพูชาที่หาเช้า กินค่ำและอยู่ตามแนวชายแดนกำลังจะอดตาย

มทภ.2 ยันสถานการณ์ยังสงบ

ด้านพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ ที่วัดสว่างสุวรรณาราม เทศบาลเมืองนครพนม จ.นครพนม หลังเป็นประธานประกอบพิธีถวายพระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร ทองสำริด หน้าตัก 29 นิ้ว สูงประมาณ 1.2 เมตร ว่าไม่มีนัยสำคัญ เป็นการทำบุญตามปกติ ส่วนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงสงบ ไม่มีเหตุรุนแรงหรือการขยับกำลังทหารที่น่าเป็นห่วง แม้กองกำลังทั้งสองฝ่ายยังคงประจำการตามเดิม แต่การเจรจาและการประสานงานระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชายังคงดำเนินอยู่ ทางฝ่ายกัมพูชายังคงอยู่ในเขตแดนของตน ไม่มีการรุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทย ความตึงเครียดส่วนใหญ่เกิดจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทยมากกว่า ซึ่งทางกองทัพจะยังคงมุ่งเน้นการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ การเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในประเทศ ไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพในการดูแลรักษาชายแดน ความกังวลเกี่ยวกับการปะทะนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาเป็นสำคัญ

ยันขอโทษกับนายกฯแล้ว

แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่าส่วนกรณีที่มีกลุ่มชาวกัมพูชาร้องเพลงสรรเสริญที่ปราสาทตาควายนั้น กองทัพไทยได้ประสานงานกับทางการกัมพูชาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางทหารโดยตรง กองทัพไทยขอให้ประชาชนมั่นใจในความสามารถและความมุ่งมั่นในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และขอให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ทางกองทัพยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่โดยคำนึงถึงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ส่วนกรณีข่าวความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีกับแม่ทัพนั้น เป็นเพียงความเข้าใจผิดและได้มีการชี้แจงและขอโทษกันแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของกองทัพแต่อย่างใด

เขมรแห่ขับรถเข้าไทย

สำหรับที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งแต่เช้า หลังกัมพูชาเปิดประตูด่านพรมแดนปอยเปต ฝั่งกัมพูชา ซึ่งเปิดช้ากว่าด่านพรมแดนคลองลึก ประมาณ 1 ชม.มีชาวกัมพูชาที่มีร้านค้าอยู่ในตลาดโรงเกลือฝั่งไทยกว่า 1,000 คน รีบเดินทางเข้าไทยเพื่อเปิดร้านค้าในตลาดโรงเกลือจนเนืองแน่นเต็มหน้าอาคารขาเข้าราชอาณาจักร ด่าน ตม.อรัญประเทศ โดย พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จ.สระแก้ว จัดกำลังเจ้าหน้าที่ ตม. มาร่วมอำนวยความสะดวก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าวันนี้ คนไทยที่ทำงานอยู่ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาเดินทางกลับเข้ามาน้อยมาก ทำให้หลังเวลาเปิดด่าน บริเวณหน้าด่านพรมแดนคลองลึกจึงเกิดความคึกคักเป็นอย่างมาก แต่เพียงแค่ 30 นาที คนก็เริ่มเบาบาง แต่กลับมาคึกคักบนถนนเนื่องจากมีชาวกัมพูชาจำนวนมากขับรถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 100 คัน ขับข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จากฝั่งปอยเปตเข้ามาในประเทศไทยทำให้จราจรติดขัดบริเวณหน้าจุดตรวจบุคคลประจำยานพาหนะ ด่าน ตม.อรัญประเทศ

เร่งตุนน้ำมันเชื้อเพลิง

จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา นอกจากกระแสไฟฟ้าติดๆ ดับๆ และกระแสไฟตกบ่อย ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดความเสียหาย ชาวกัมพูชาในปอยเปตต่างหันมาใช้เครื่องปั่นไฟแทน ทำให้เกิดความต้องการน้ำมันใช้กับเครื่องปั่นไฟจำนวนมาก อีกทั้งปัญหาน้ำมันในฝั่งปอยเปต นอกจากมีราคาสูงมากแล้ว ยังขาดแคลนทำให้ชาวกัมพูชาต้องขับรถยนต์เข้ามาเติมน้ำมันฝั่งไทย แล้วนำกลับไปถ่ายลงถัง 200 ลิตรในฝั่งเขมรเพื่อตุนน้ำมันไว้ ตอนนี้ในเขมรมีรายงานว่าบริเวณหน้าบ้านคนมีเงิน จะมีถัง 200 ลิตร ตั้งเรียงหลายใบเพื่อใส่น้ำมันตุนไว้ โดยชาวกัมพูชาบอกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ฝั่งไทยขายราคาลิตรละ 41.54 บาท แต่ฝั่งเขมรขายลิตรละ 48-50 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล ฝั่งไทยขายลิตรละ 31.94 บาท แต่ฝั่งเขมรขายลิตรละ 38-40 บาท

บ่อนปอยเปตจ่อปิดชั่วคราว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจาก นายนวย อายุ 43 ปี คนไทยซึ่งทำงานเป็นพนักงานของบ่อนกาสิโนแห่งหนึ่งในฝั่งปอยเปต บอกว่าในบ่อนปอยเปต ทั้ง 10 บ่อนตอนนี้เงียบเหงามาก ไม่มีทั้งนักพนันและพนักงาน ขณะนี้พนักงานที่ยังทำงานอยู่ในกาสิโนทั้ง 10 บ่อนมีประมาณแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นกลับเข้าไทยหมดแล้ว และบอสของตนได้แจ้งมาว่าสิ้นเดือนนี้จะจ่ายเงินเดือนให้เป็นงวดสุดท้ายและบ่อนทั้งหมดจะปิดชั่วคราว เพราะบ่อนไม่มีรายได้แล้ว และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สถานการณ์จะกลับมาปกติ ต้องรอดูไปก่อน

ม็อบโคราชรวมพลังไล่ “อิ๊งค์”

วันเดียวกัน ที่บริเวณข้างลานอนุสาวรีย์ท้าว สุรนารี (ย่าโม) นครราชสีมา ภาคีประชาชนคนโคราชในการปกป้องอธิปไตยของไทยและสนับสนุนกองทัพไทย นำโดยนายสุพจน์ พิริยะเกียรติ แกนนำภาคีเครือข่ายประชาชนชาวโคราชผู้รักชาติ พร้อมนายธนภัทร ชองรัมย์ ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายประชาชนชาวโคราชผู้รักชาติ นางเสาวรีณีย์ เที่ยงตรง หรือ “เจ้เป้า” ร้านเจ๊น้อยกระโทก รวมทั้งแนวร่วมเครือข่ายฯกว่า 200 คน นัดสำแดงพลังจัดกิจกรรม “พี่น้องผู้รักชาติ รักแผ่นดิน ร่วมส่งกำลังใจให้พลโทบุญสิน พาดพลาง แม่ทัพภาคที่ 2” ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงวัยมายืนโบกธงชาติ พร้อมส่งเสียงรักชาติตลอดเวลา และชูป้ายข้อความ “รัฐบาลเพื่อไทยขายชาติ ออกไป-ออกไป-ออกไป” ชาวโคราชจะไม่ยอมเสียแผ่นดิน อิ๊งค์ออกไป ไปอยู่เขมรเลยไป” “ชาวโคราชส่งกำลังใจกองทัพภาคที่ 2 และนักรบแนวหน้า สู้สู้” รวมทั้งมีการร้องเพลง “หนักแผ่นดิน” พร้อมกับตะโกน “อิ๊งค์ออกไปๆ” โดยมีตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงทั้งในและนอกเครื่องแบบสนธิกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุไม่สงบ ต่อมานายธนภัทร ผู้ประสานงานฯ เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกฯ “อิ๊งค์” แพทองธารต้องลาออกเท่านั้น

นัดเข้ากรุงร่วมชุมนุม 28 มิ.ย.นี้

นายสุพจน์ แกนนำภาคีเครือข่ายประชาชนชาวโคราชผู้รักชาติ กล่าวว่า ประชาชนทุกหมู่เหล่าในโคราช ขอให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 และนักรบแนวหน้าที่ปกปักษ์รักษาดินแดนไทยไว้ให้ลูกหลานมีที่ยืน มีที่ทำมาหากิน ที่สำคัญอย่าลืมในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ แนวร่วมท่านใดสนใจร่วมเดินทางไปชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ ขอให้แจ้งชื่อรวมพลเพื่อจัดสรรรถโดยสารเดินทาง

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่