แค่ 2 วันจากการใช้มาตรการปรับเวลาเปิดปิดด่านใน 7 จังหวัดติดชายแดนเขมร...สถานการณ์ตึงเครียดต่างๆ ก็พลันคลี่คลายลงอย่างรวดเร็วแบบเหลือเชื่อ
โดยเฉพาะที่บริเวณชายแดนด่านช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีที่เคยเครียดสุด เพราะกองกำลังฝ่ายกัมพูชาล่วงล้ำเข้ามามาขุด “คูเลต” หรือสนามเพลาะ จนเป็นเหตุให้มีการปะทะในบริเวณนี้ดังที่เป็นข่าว
จู่ๆทางฝ่ายกัมพูชาก็ติดต่อมายังกองกำลังสุรนารี เพื่อขอ “เจรจา” ในบางประเด็น ซึ่งต่อมาก็มีนายทหารระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่ายไปเจรจา และได้ข้อตกลงว่า กำลังทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะถอยกลับไปยังจุดที่เคยอยู่เมื่อ พ.ศ.2567
โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้ปิดกลบคูเลตปรับพื้นที่เข้าสู่สภาพเดิม ทำให้กองกำลังทั้ง 2 ฝ่ายได้ถอยกลับไปยังจุดเดิมเรียบร้อย และตกลงกันว่า จะมีตัวแทนมาพูดคุยในบริเวณนี้สัปดาห์ละครั้ง
ก็เอาเถอะเมื่อคลี่คลายไปในทางดี ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย และหวังว่าจะดียิ่งขึ้นไปอีกในทุกประเด็นที่กำลังขัดแย้งอยู่ขณะนี้
ผมเองได้กราบเรียนท่านผู้อ่านแล้วว่าเหตุที่เชียร์ให้ประเทศไทยส่งเสียงดังตอบโต้บ้าง ใช้วิธีแรงๆเท่าที่จะใช้ได้บ้างใช่ว่าเพราะบ้าสงครามหรือยุให้รบกัน แต่เพราะทราบอุปนิสัยทางฝ่ายโน้นดี ถ้ามัวแต่หน่อมแน้มอยู่เขาก็จะข่มขู่ไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าทุบโต๊ะส่งเสียงดังบ้างลงมือทำอะไรบางอย่างซะบ้าง ก็จะเป็นไปอย่างที่คาดไว้ คือทางฝ่ายเขาจะอ่อนลงทันที
ก็หวังว่าจะเป็นการเริ่มผ่อนคลายลงแบบจริงจังจริงใจ อันจะทำให้การเจรจาและการอยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง อะไรช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกันตามอัตภาพที่เกิดขึ้นมาตลอดในหลายๆปี หลังๆนี้จะดำเนินอยู่ต่อไป
หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าวที่ช่องบกดังกล่าวแล้ว ท่านรองฯ ภูมิธรรม เวชยชัย ก็ให้สัมภาษณ์ว่าเหตุที่คลี่คลายไม่ใช่แค่มาตรการปิดด่านเท่านั้น สิ่งสำคัญคือได้ประสานพูดคุยกับนายกฯกัมพูชา และนายฮุน เซน ที่อยากหาข้อสรุปที่เป็นสันติอยู่ด้วยเช่นกัน
...
ตัวคุณภูมิธรรมเองก็ประสานระดับรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา คงหมายถึงท่านพลเอก เตีย เซยฮา บุตรชายของอดีตรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในยุค ฮุน เซน อันได้แก่ ท่าน เตีย บัญ ที่คนไทยรู้จักดีนั่นเอง
เมื่อตอนเหตุการณ์ตึงเครียดหนักสัปดาห์ก่อน ผมยังบ่นหาท่าน เตีย บัญ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งบริหารใดๆแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน แม้จะเป็นมือ 2 รองจาก ฮุน เซน แต่ก็ทราบดีว่า นายฮุน เซน เกรงใจมาก
ท่าน เตีย บัญ ท่านมีเชื้อสายคนไทยเกาะกง เคยหลบคดีทางการเมืองในกัมพูชามาทำงานแถวๆ อ่างศิลา จังหวัดชลบุรี มีความเข้าใจและรำลึกถึงบุญคุณของคนไทยอยู่เสมอที่ให้ความอบอุ่น
เวลาเขมรมีเรื่องกับคนไทยก็ได้อาศัยท่านเตีย บัญ ในการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ผ่อนหนักเป็นเบาอยู่เสมอ
ผมเองมีโอกาสสัมภาษณ์ท่านหลายครั้ง เป็นภาษาไทยนี่แหละ ท่านพูดคล่องมากออกสำเนียงไปทางพี่น้องชาวตราดของเรา
ช่วงที่ผมไปสัมภาษณ์ท่านผมเองก็อายุกว่า 70 ปีแล้ว ถือว่าผ่านโลกและผ่านโรคมาพอสมควร พอที่จะอ่านอุปนิสัยใจคอของผู้คนได้อยู่...ซึ่งผมก็อ่านว่าท่านเป็นคนที่ “จริงใจ” กับประเทศไทยและคนไทยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่คนกัมพูชาเลือดร้อน กลุ่มหนึ่งมาเผาสถานทูตไทย และบริษัทการค้าไทยเมื่อ พ.ศ.2546 นั้นก็ได้อาศัยท่าน เตีย บัญ นี่แหละในการเจรจาทำความเข้าใจกับ ฮุน เซน และนำความเป็นธรรมมาสู่นักลงทุนชาวไทยในครั้งนั้น
ผมได้เห็นภาพของ เตีย เซยฮา ที่แต่งชุดพรางมาประชุมกับท่านรองฯอ้วน ภูมิธรรม เมื่อ 2 วันก่อน
ดูหน้าตาก็ละม้ายคล้ายคลึงกับท่าน เตีย บัญ อย่างมาก...หวังว่าจะเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ได้รับมรดกด้านอุปนิสัยใจคอที่จริงใจ กับคนไทยมาจากบิดาไม่มากก็น้อย
หวังว่าท่านคงจะมีบารมีเป็นที่เกรงใจของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตพอสมควรนะครับและขอฝากความหวังไว้ว่า ผู้ที่จะเชื่อมสัมพันธ์ไทยเขมรคนต่อไปก็คือท่านเตีย เซยฮานี่แหละ.
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม