พอลงสมรภูมิเลือกตั้งมันไม่มีใครกลัวใครสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกผู้มีนิกเนมว่า “เฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีสไตล์ทำงานการเมืองถึงลูกถึงคน ตอนนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษถึงความเคลื่อนไหวในแต่ละจังหวะล่าสุดคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าวหรือนอมินี คณะอนุกรรมการส่งเสริม ยกระดับ SME ไทยและแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศโดยปัญหาสินค้านำเข้าและธุรกิจนอมินีสะสมในประเทศไทยมายาวนานกว่า 10 ปี สาเหตุหลักมาจากกฎหมายไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบการค้าโลก ไม่สามารถเอาผิดบริษัทนอมินีที่คนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากข้อมูลพบบริษัทกลุ่มเสี่ยงกว่า 46,918 รายแต่ “รมต.เฮ้ง” ยังไม่เห็นคำสั่งแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาฯ รอคำสั่งประกาศออกมาตูมก็สามารถบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที เป็นไปตามคำสั่งของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ดำริให้ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา มีกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจนอมินี มีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธาน บังเอิญจังหวัดที่ผมอยู่ในโซนภาคตะวันออก มีปัญหาเหล่านี้เยอะ เลยเอาผมเข้ามาด้วยคงต้องจัดลำดับบริษัทนอมินีที่มันเสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย ผมทำอะไรต้องรายงานนายนภินทร และนายพิชัย เพื่อที่คณะกรรมการชุดใหญ่สรุปภาพรวม นำเรียนนายกฯที่ให้ความสำคัญและห่วงใยปัญหานี้เมื่อเป็นรัฐมนตรีมีบทบาทโดดเด่นในภาคตะวันออก ต่อไปการเมืองระดับชาติในภูมิภาคนี้จะเป็นอย่างไร นายสุชาติ บอกว่า เรามีพันธมิตร มีกัลยาณมิตรในหลายจังหวัด ยืนการเมืองแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยให้เติบโตขึ้นทุกครั้ง รวมถึงพื้นที่ชลบุรี ทำงานร่วมกับสส.ที่มีอุดมการณ์เหมือนกันรักษาพื้นที่ สส.เดิมพร้อมขยายให้มี สส.เพิ่มขึ้นขณะนี้ในภาคตะวันออกมีผมเป็นรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ส่วนนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ เพิ่งเข้ามาสมัยนายกฯอิ๊งค์ ในอนาคตอาจมีรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น 3-4 คน ขึ้นอยู่กับความสามารถ การร่วมมือในทางการเมืองด้วยกัน แม้เป็นน้องใหม่ทางการเมือง แต่ก็ให้ความเคารพทุกคนขณะนี้นักการเมืองกำลังแต่งตัว สร้างบ้านใหม่ เตรียมพร้อมเลือกตั้งใหญ่ มองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายสุชาติบอกว่า หลังเลือกตั้งปี 66 จัดตั้งรัฐบาลมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ มาถึง “นายกฯอิ๊งค์” ผ่านมา 2 ปีครึ่งเทอมนักการเมืองทุกคนมองทะลุผ่านการเมืองในอดีตว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์รัฐบาลอยู่เกือบครบเทอมหรือครบเทอม ฉะนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะการเมืองต้องทำเป็นปีๆขึ้นไป ไม่ใช่แค่ 3 เดือน 6 เดือนส่วนนักการเมืองขยับไปอยู่พรรคไหน ตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ อาจถูกมองว่านักการเมืองเปลี่ยนพรรคบ่อยหรือไม่ ทำไมต้องทำพรรคขึ้นมาใหม่ มันอยู่ที่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปด้วยเช่น พรรคเก่าแก่ที่มีคนอยู่เยอะมาก แต่ปัจจุบันมีคนออกไปอยู่พรรคนั้นพรรคนี้ ถือเป็นความต้องการของแต่ละคน อยู่แล้วมีความสุขปรับเข้ากับสถานการณ์ได้ และภายใต้การย้ายพรรคต้องยึดตามกรอบรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมืองเป็นสมาชิกพรรคอย่างน้อย 90 วันถึงลงสมัครในนามพรรคใหม่ได้ แสดงว่ายังไม่มีสัญญาณยุบสภา เปิดประตูให้นักการเมืองย้ายบ้านย้ายค่ายให้เรียบร้อยก่อน นายสุชาติ บอกว่า......ไม่มีสัญญาณการยุบสภาแต่การทำงานการเมืองในภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ สภาพพื้นที่ทางการเมืองไม่เหมือนกัน ต้องแสวงหาจุดร่วมกับเพื่อนๆ บางคนอาจอยู่คนละพรรค คุยกันถูกคอก็มีสัญญาใจในอนาคตมาร่วมกันทางการเมือง เป็นการชักชวนในฐานะเป็นพี่เป็นน้องกรอบเป็นสมาชิกพรรคใหม่อย่างน้อย 90 วัน เป็นอุปสรรคต่อกลุ่ม 20 สส.ที่มีรัฐมนตรีเป็นแกนนำอย่างไร นายสุชาติบอกว่า หลายคนมองว่าผมมี สส.แค่ 5-6 คน ที่เหลือเป็นนักการเมืองสอบตก ความจริงไม่ใช่ ทั้งหมดในกลุ่มเป็น สส.ยุคปัจจุบัน แต่พูดไม่ได้ บางคนยังไม่ต้องการให้รู้ว่าไปทางไหน แต่เมื่อถึงเวลาต้องชัดเจน“ตัวผมบางทีอยู่บ้านของคนอื่น อาจไม่ตอบโจทย์ของเราทั้งหมด แม้ที่อยู่มาตลอดถือว่าเป็นบ้านที่ดีที่สุดหลังหนึ่งแต่ถ้าวันนี้มีโอกาสอาจสร้างบ้านขึ้นมาเอง ชวนเพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองด้วยผมไม่ได้ไปอยู่กับคนอื่นแบบที่มีกระแสข่าว การรู้จักสนิทกับทุกพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่สนิทแล้วต้องไปอยู่กับเขา”ที่พูดหมายถึง “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) นายสุชาติ บอกว่า ร.อ.ธรรมนัส นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย สนิทกันหมดรักกัน ใครที่รักเรา มีความต้องการเรา หรือยินดีกับเรา ขอขอบคุณทุกคนแต่วันนี้ขอดูพื้นที่ที่เหมาะสม อาจสร้างบ้านเองสร้างบ้านใหม่ถูกพูดถึง 2 ครั้งเหมือนต้องการสร้าง “พรรคโอกาสใหม่” นายสุชาติ บอกย้ำคำพร้อมหัวเราะร่วนว่า โอกาสใหม่ๆวันนี้พูดไปจะเสียมารยาท เพราะเป็นรัฐมนตรีในโควตาพรรค รทสช.อะไรที่เกิดขึ้นในวันข้างหน้าหรือการปรับ ครม. เราต้องยอมรับความเป็นจริงทุกเรื่อง ขอพูดตรงๆ มีเพื่อนหลากหลายจังหวัดที่มาร่วมอุดมการณ์เดียวกัน บางทีอยากอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมาเองพรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม พรรคเส้นด้ายที่กำลังรีโนเวทบ้านเป็น “พรรคโอกาสใหม่” ทำไมจังหวะการเมืองเต้นไปในทิศทางเดียวกัน นายสุชาติ บอกว่า ต้องยอมรับทางการเมืองต้องแข่งกับพรรคประชาชน ซึ่งมีอุดมการณ์ต่างกันชนิดเป็นขั้วบวกขั้วลบพรรคกล้าธรรมเน้น 14 จังหวัดภาคใต้ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคอีสานในพื้นที่ที่ไม่ใช่ของพรรค เพื่อไทย และภาคตะวันออก บ้านหลังใหม่ของรัฐมนตรีเน้นพื้นที่ไหนเป็นพิเศษ นายสุชาติ บอกว่า ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคกลางและภาคใต้ ซึ่งมี สส.ภาคใต้อยู่ในกลุ่มด้วยอย่าลืมชลบุรีมี 10 เขต ไม่ใช่มีคนมีความสามารถพอทั้ง 10 เขต บางทีมี สส.ภาคใต้บางเขต บางจังหวัด แต่ไม่ได้มี สส.ยกจังหวัด แต่เราส่งหมดทุกเขต เดี๋ยวหาว่า “ซูเอี๋ย” กันเราเน้นสนามที่มั่นใจชนะต้องสู้เต็มที่ บางสนามมั่นใจแค่เก็บคะแนน ต้องเล่นเก็บคะแนน เพราะมีอาวุธยุทโธปกรณ์จำกัด รบ 400 เขตไม่ได้ สมการการเมืองรักษากลุ่ม สส.20-25 คน ก่อนเจาะเพิ่มการจัดทัพขยับขยายทางการเมืองท่ามกลางสมรภูมินิติสงคราม หลายพรรคเจอชนักปักหลังด้วยคดียุบพรรค กระทบ กระเทือนต่อการจัดทัพของกลุ่มรัฐมนตรีอย่างไร นายสุชาติ บอกว่า ไม่มีผล เพราะไม่ได้อยู่ในวงนิติสงคราม แต่ทุกอย่างทางการเมืองคุยกันได้หมด เพราะทุกคนเป็นนักการเมืองมาจากประชาชนฉะนั้นที่มองดูภาพรุนแรง แต่เชื่อว่าทุกอย่างคุยกันได้ทิศทางการเมืองสำหรับการเลือกตั้งต้องเข้มข้นเมื่อ ร.อ.ธรรมนัส สนิทกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รัฐมนตรีก็สนิทกับนายทักษิณ นายสุชาติ บอกว่า เหมือนมีเป้าหมายทำงานการเมืองแบบมืออาชีพโดยมืออาชีพของนักการเมืองต้องรักษาฐานการเมืองให้แข็งแรง เพื่อให้ประชาชนเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนเข้าทำหน้าที่ เราไม่ได้เล่นการเมืองเพื่อกระแส แต่เล่นการเมืองเพื่อความยั่งยืนในอนาคตมี 3 ขั้วการเมืองใหญ่ พรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม พรรคโอกาสใหม่-พรรคประชาชน-พรรคภูมิใจไทย สมรภูมิเลือกตั้งครั้งต่อไปดุเดือดกว่าปี 66 อย่างไร นายสุชาติ บอกว่า ตอนนี้พูดมันเร็วไป ต้องมองสถานการณ์ วันนี้ยังเป็นรัฐมนตรีโควตาพรรครทสช.แต่การเมืองต้องเตรียมพร้อมตลอดเหมือนออกสนามรบชิงพื้นที่ใครพื้นที่มันเป็นหลักก่อน ซึ่งคงดุเดือดเหมือนเดิม.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม