คกก.สืบสวนและไต่สวนฯ คดีฮั้ว สว. ขึ้นลิสต์ 150 คนพันคดีฮั้วเลือก สว.ปี 67 โยงถึง รมต.-อดีต รมต.-บิ๊กการเมืองพรรคใหญ่ระดับประเทศ ร่อนหมายเรียกลอตแรก 53 สว.รับทราบข้อกล่าวหา ขีดเส้นให้มาชี้แจงภายใน 19 พ.ค. ไม่มาถือว่าสละสิทธิ์ จนท.ดีเอสไอเดินสายแปะหมายหน้าบ้าน-ห้องพัก 6 สว.คนดัง “อลงกต” ตั้งแง่พร้อมไปแจงแต่กับ กกต. “โชคชัย” อ้างติดภารกิจจ่อขอเลื่อน “นันทนา” แซะประธานวุฒิฯควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอ-มท.ขบเหลี่ยมเดือด “อธิบดีกรมการปกครอง” ตั้งเงื่อนไขให้มีเอกสารยันตัวตนพนักงานสอบสวน สั่งฝ่ายปกครองยึดเสรีภาพประชาชน-พ.ร.บ.อุ้มหายเคร่งครัด “อธิบดีดีเอสไอ” ชงด่วนถึง ผบ.ตร. ขอความร่วมมือสนับสนุนการสอบสวนคดีพิเศษ “สมศักดิ์” ขออย่าชี้นำยับยั้งมติแพทยสภาฟัน 3 หมอช่วย “ทักษิณ” “โรม” ชี้ตอกย้ำปมชั้น 14 ป่วยทิพย์
การสืบสวนและไต่สวนคดีฮั้วเลือก สว.ปี 67 มีความคืบหน้าไปโดยลำดับ ท่ามกลางการขับเคี่ยวขบเหลี่ยมระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกมองเป็นการทำสงครามตัวแทนระหว่างฝ่ายขั้วสีน้ำเงินกับสีแดงที่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน ล่าสุดคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯออกหมายเรียก 53 สว.เพื่อให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมชี้แจงภายในวันที่ 19 พ.ค.
ร่อนหมายเรียก 53 รายคดีฮั้ว สว.
เมื่อเวลา 08.40 น.วันที่ 9 พ.ค.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังจากเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. ประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ที่มีเจ้าหน้าที่ กกต.และดีเอสไอรวม 7 คน ได้พิจารณาพฤติการณ์ของ สว.ที่เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ตามมาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 70 และมาตรา 77 มีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเส้นทางการเงินชัดเจนว่ามีเส้นเงินเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการจัดฮั้ว มีการโอนเงิน-รับเงินตามวันที่และเวลาสำหรับไทม์ไลน์การเลือก สว. อีกทั้งคำให้การของพยานสำคัญมีการซักทอดยอมรับว่า สว.เหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องโดยตรง มีการกระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยสุจริตเที่ยงธรรม หรือมาโดยการฮั้ว สว. โดยกลุ่มแรกมี 53 ราย ร.ต.อ.ชนินทร์จึงได้ออกหมายเรียกให้ สว.ดังกล่าวเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในวันที่ 19 พ.ค. ส่วนใหญ่เป็น สว.คนดัง มีภูมิลำเนาพักอาศัยในกรุงเทพฯ 6 จุด และต่างจังหวัด 47 จุด
...
ขึ้นลิสต์ไว้ 150 รายพ่วงบิ๊กการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุคคลที่อยู่ในลิสต์ถูกส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา มีทั้งสิ้น 150 ราย โดยนอกจาก สว.แล้ว ยังมีผู้เกี่ยวข้องเป็นนักการเมืองระดับรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี จากพรรคดังระดับประเทศด้วย เนื่องจากมีหลักฐานเส้นทางเงินโยงไปถึง จะทยอยส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าให้ชี้แจงภายใน 19 พ.ค.ไม่มาสละสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือเชิญ สว.ไปรับทราบข้อกล่าวหา ระบุว่าด้วยมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าท่านเป็นผู้มีสิทธ์ิเลือกระดับประเทศ กลุ่มที่... หมายเลข ... ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77 (1) และมาตรา 62 คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ ขอส่งบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหามายังท่าน เพื่อให้โอกาสแก่ท่านได้ทราบถึงข้อกล่าวหาและมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐาน รวมทั้งให้โอกาสให้ถ้อยคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามมาตรา 43 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ประกอบข้อ 54 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนการไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ 5 พ.ศ.2566 จึงขอให้ท่านไปให้ถ้อยคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในวันที่ 19 พ.ค.2568 เวลา 13.30 น. ที่สำนักงาน กกต. หากไม่ดำเนินการตามกำหนดดังกล่าวจะถือว่าท่านสละสิทธิ์ชี้แจงแสดงหลักฐาน หรือให้ถ้อยคำแก้ข้อกล่าวหา มีสิทธิ์ที่จะให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานและมีสิทธิ์ที่จะให้ทนายความบุคคลซึ่งไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงได้ 1 คน หากไม่สามารถนำบุคคลมาร่วมรับฟังชี้แจงได้ ไม่อาจนำมาเป็นเหตุในการเลื่อนชี้แจง
เผย 6 สว.คนดังใน กทม.ติดโผ
จากนั้นที่หน้าอาคารดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและ กกต.แบ่งงานจัดทีมนำหมายเรียกไปส่งที่บ้านพักอาศัยของ สว.ทั้ง 53 ราย ประกอบด้วย พื้นที่กรุงเทพฯ 6 จุด และพื้นที่ต่างจังหวัด 47 จุด พื้นที่กรุงเทพฯ คือนายอลงกต วรกี นำหมายเรียกไปส่งให้ที่บ้านพักย่านถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ แต่ไม่พบ ต่อมา 10.20 น. ไปที่คอนโดมิเนียม ALiSS Wongwianyai ปากซอยตากสิน 5 ถนนสมเด็จ พระเจ้าตากสิน แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กทม. ที่นายอลงกตเป็นเจ้าของห้องเลขที่ 49/19 มี น.ส.เอ (นามสมมติ) นิติคอนโดมิเนียม รับเรื่องทราบแจ้งแปะหมายแทน อีกจุดหนึ่งที่บ้านเลขที่ 123 ซอยวิภาวดี 62 เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ของนายจิระศักดิ์ ชูความดี สว. ประตูปิดเงียบ ไม่มีคนอยู่ จึงติดหมายไว้ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน
เดินสายติดหมายหน้าบ้าน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ กกต.และดีเอสไอได้เดินทางไปยังจุดที่ 3 บ้านพักเลขที่ 319 ในซอยลาดพร้าว 23 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ของนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. แต่ไม่พบตัว ติดหมายไว้ที่ประตูรั้วหน้าบ้านเช่นกัน ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่นำเอกสารหมายเรียกไปมอบให้นายโชคชัย กิตติธเนศวร เลขที่ 65/90 คอนโดมิเนียมแอสปาย สาทร-ตากสิน (Aspire Sathorn-Taksin) คอปเปอร์โซน ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ มีนิติบุคคลคอนโดฯ ตรวจสอบและพาเจ้าหน้าที่ขึ้นไปติดหมายหน้าห้องพัก นายโชคชัยแจ้งว่าเดินทางไปต่างจังหวัด ไม่ได้เข้ามาที่ห้องพักหลายวันแล้วและเจ้าหน้าที่นำหมายไปแขวนหน้าประตูบ้านนายพิศูจน์ รัตนวงศ์ ในซอยร่มรื่น แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ขณะที่นายพิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ บ้านอยู่ที่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 62 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ มีคนในบ้านมาแสดงตนรับเอกสารไว้แทน
ดีเอสไอช่วยส่งหมายเฉพาะใน กทม.
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การติดหมายที่หน้าบ้านกลุ่ม สว.ดังกล่าว กกต.ขอความร่วมมือมาที่กระทรวงยุติธรรม โดยกรม สอบสวนคดีพิเศษส่งเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนจังหวัดต่างๆส่วนหนึ่งได้ส่งไปรษณีย์ เป็นเรื่องของ กกต.กับตำรวจ จะมีการเรียกมาให้ปากคำเมื่อไร ไม่ทราบเพราะเป็นสำนวนของ กกต. รวมถึงหมายเรียกชุดถัดไปด้วยเป็นเรื่องของ กกต.เช่นกัน ดีเอสไอเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการที่ร่วมดำเนินการด้วย จะ เข้าไปร่วมสอบปากคำ เพราะ กกต.ได้ขอหลักฐานจากดีเอสไอไปด้วย ส่วนความคืบหน้าสำนวนของทางดีเอสไอในคดีฮั้ว สว. สำนวนคดีของดีเอสไอมีมากกว่าของ กกต.อยู่มาก แต่ได้นำเพียงแค่หลักฐานบางส่วนไปให้ ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องบ้าง ขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
“อลงกต” ตั้งแง่พร้อมไปแจงแต่กับ กกต.
นายอลงกต วรกี สว. กล่าวว่า ยังไม่ได้หมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือก สว. เพราะบ้านที่ตนอยู่ปัจจุบันกับที่อยู่ตามทะเบียนบ้านคนละหลังกัน ส่วนจะไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกหรือไม่ ต้องดูหมายออกภายใต้หมวกใคร ถ้าเป็น กกต.พร้อมไปชี้แจง แต่ถ้าเป็นหมวกดีเอสไอไม่ไป เพราะไม่มีอำนาจเหนือเรา ว่าไปตามหมวก เมื่อถามว่า หมายเรียกดังกล่าวออกโดยมติของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. ที่มี กกต. ดีเอสไอ และ ปปง.ร่วมเป็นคณะกรรมการ นายอลงกตตอบว่า ถ้าเป็นหมายของ กกต. ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องไปพบ เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ นายอลงกตตอบว่า สว.มีทั้งคนรัก และคนชัง อย่าไปซีเรียส ส่วนสว.คนอื่น รวมถึงประธานและรองประธานวุฒิสภา ได้หมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน
“โชคชัย” จ่อขอเลื่อนออกไปก่อน
นายโชคชัย กิตติธเนศวร สว. กล่าวว่า ยังไม่เห็นหมายเรียก เพราะเดินทางมาต่างจังหวัด ยืนยันไม่เคยมีเรื่องเส้นเงินที่เชื่อมกับการฮั้วเลือก สว. ไม่เคยจ่ายเงินให้ใคร หากได้รับหมายเรียกจริง และมาจาก กกต. ก็น่าจะต้องไป แต่อาจจะต้องขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาก่อน 1 ครั้ง เพราะติดภารกิจ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ เป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายโชคชัยตอบว่า ลองไปพิจารณาดู จะเอาเรื่องนี้มากลบอะไรในช่วงนี้หรือไม่ ตระกูลตนก็เป็นตระกูลการเมือง พี่ชายเป็นสส. 2 คน ตนเป็น สว. ขอให้พิจารณาดู
ประสานเสียงยังไม่ได้หมายเรียก
นายพิศูจน์ รัตนวงศ์ สว. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหมายส่งมา ส่วนถ้าได้รับหมายจริง จะเดินทางไปชี้แจงต่อ กกต.หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขอดูรายละเอียดอีกที แต่เชื่อว่าเป็นข่าวปล่อย เป็นเรื่องการเมือง
นายพิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ สว. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ต่างจังหวัด ยังไม่ทราบมีการออกหมายเรียกหรือไม่ แต่จะเรียกไปทำไม ตนไม่ได้ฮั้ว จะเรียกไปสอบเรื่องฮั้ว ก็ตอบไม่ถูก ยืนยันว่ายังไม่ทราบเรื่อง ขณะที่นายจิระศักดิ์ ชูความดี สว. กล่าวว่า ยังไม่ได้เห็นหมายเรียกดังกล่าว มองว่าเป็นการเรียกสุ่ม ยังไม่มีอะไร ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ขอดูรายละเอียดเมื่อได้รับหมายเรียกก่อน
แนะ ปธ.วุฒิฯให้หยุดทำหน้าที่
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่กล่าวว่า มองว่ากระบวนการค่อนข้างล่าช้า ได้ สว. ผ่านมาแล้ว 10 เดือน แต่อย่างน้อยถือว่าเริ่มต้นขึ้นแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นที่ประชาชนตั้งความหวังว่าสว.กลุ่มใหญ่ได้มาอย่างไรจะได้สิ้นสงสัย โดยมารยาทผู้ถูกหมายเรียก แม้ไม่ได้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ควรแสดงสปิริต ด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติมีความสำคัญมาก เป็นผู้ควบคุมการประชุม แต่ตัวเองถูกตรวจสอบ มีมูลถึงขั้นเรียกไปให้ข้อมูล ถึงแม้ยังไม่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่โดยมารยาทแล้วควรหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง จะทำให้งานวุฒิสภาสะดุดหรือไม่ ต้องดู สว.ถูกเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหามีเท่าใด กระบวนการตรวจสอบใช้เวลานานแค่ไหน ถ้าใช้เวลานานเกินไป การปฏิบัติหน้าที่ของ สว.อาจสะดุดได้ หน่วยงานที่ดำเนินการต้องเร่ง ไม่ให้กระบวนการวุฒิสภาสะดุด
บี้ สว.ไปรับชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. กล่าวว่า สว.ที่ถูกออกหมายเรียกควรปฏิบัติตามหมายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ อาจไปชี้แจงด้วยตนเองหรือเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่ไปตอบโต้ว่าหน่วยงานนั้นมีอำนาจหรือไม่ ทั้ง กกต.และดีเอสไอต่างมีอำนาจตามกฎหมาย จะมาบอกไม่ยอมรับอำนาจไม่ได้ สว.ไม่ได้อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายใด สว.มีศักดิ์และสิทธิเท่าประชาชนคนหนึ่ง เพียงแต่มีหัวโขน และได้รับความคุ้มครองส่วนหนึ่ง แต่จะอ้างความคุ้มครองคุ้มกันจากการทำผิดกฎหมายไม่ได้ สนับสนุน สว.ให้มาชี้แจง ต่อสู้คดีเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์
จี้ กกต.–ดีเอสไอลากคนผิดเข้าคุก
วันเดียวกัน นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าการออกหมายเรียก เพื่อดำเนินคดีสะสางปัญหาการฮั้ว สว. ต้องชัดเจนและรวดเร็ว ไม่ว่าจะ 6 คน 60 คนหรือมากกว่า 130 คน หากผิดต้องเอาออกจากตำแหน่ง ติดคุกให้หมด รวมทั้งคืนเงินที่รับไปแล้วด้วย การฮั้ว สว.ไม่ว่า กกต. ดีเอสไอและตำรวจ ต้องกล้าหาญ รับผิดชอบต่อหน้าที่ เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ การยึดสภา สว.ให้อำนาจไปอยู่กับคนบางกลุ่ม เท่ากับยึดอำนาจสูงสุดของประเทศ ส่งคนไปอยู่ใน สว.เพื่อตั้งองค์กรอิสระและหน่วยงานสำคัญๆ เป็นการยึดอำนาจสูงสุดของประเทศไปอยู่กับคนกลุ่มเดียว ต่อไปการตรวจสอบจะล้มเหลว คอร์รัปชันกันมโหฬาร ใช้อำนาจไม่มีขอบเขต และใช้อำนาจทำลายล้างฝั่งตรงข้าม บ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้ หากปล่อยให้คนกลุ่มเดียวครองเมือง ในที่สุดประชาชนจะลุกฮือ จำเป็นต้องเอาผิดคนที่เป็นต้นตอปัญหา ปล่อยไปอย่างนี้บ้านเมืองล่มสลายแน่นอน
มท.ร่อนหนังสือถึงดีเอสไอปมสอบพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (มท.) ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 8 พ.ค.เรื่อง การประสานความร่วมมือในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ หลังจาก ผวจ.อำนาจเจริญได้รายงานข้อมูลต่อปลัด มท. กรณีวันที่ 4 พ.ค.มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ สอบถามข้อมูลจากอดีตผู้สมัคร สว. กรมการปกครองยินดีให้ความร่วมมือตามมาตรา 22 พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ โดยขอให้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 1.ให้มีหนังสือและเอกสารหลักฐานยืนยันเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบในคดีพิเศษที่จะขอให้พนักงานฝ่ายปกครองให้ความร่วมมือและสนับสนุนในคดี เพื่อสั่งการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ส่วนในกรุงเทพฯให้แจ้งอธิบดีกรมการปกครอง ส่วนในเขตจังหวัด ให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาสั่งการดังกล่าวต่อไป และ 2.การปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครองได้มีหนังสือลับด่วนที่สุดลงวันที่ 12 เม.ย.68 กำชับให้พนักงานฝ่ายปกครองให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย สิทธิของบุคคลในคดีอาญา และเสรีภาพในเคหสถานตามรัฐธรรมนูญโดยให้พนักงานฝ่ายปกครองถือปฏิบัติตาม ป. วิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
กำชับกลไกปกครองปกป้องสิทธิ ปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันเมื่อวันที่8 พ.ค. นายมานะ สิมมา ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง ผวจ.อำนาจเจริญ รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ที่มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพื่อสอบถามข้อมูลอดีตผู้สมัคร สว. 2 ราย ที่ไม่ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ จึงมีแนวปฏิบัติหน้าที่ให้ ผวจ. รอง ผวจ. ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ให้ยึดแนวปฏิบัติและการรับคำร้องทุกข์ตาม ป. วิธีพิจารณาความอาญา รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ในคดีพิเศษระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง กรณีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษประสานขอความร่วมมือพนักงานฝ่ายปกครองผู้มีอำนาจ สืบสวนสอบสวน ให้สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามมาตรา 22 พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ พร้อมให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย หากนายอำเภอผู้รับแจ้งเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการทรมาน กระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย นายอำเภอหรือพนักงานฝ่ายปกครองซึ่งได้รับมอบหมายจากนายอำเภอมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลท้องที่ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา เพื่อให้มีคำสั่งยุติการกระทำเช่นนั้นทันที เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ สำหรับแนวทางดังกล่าวยังได้สั่งการไปให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศยึดแนวทางนี้อีกด้วย
ดีเอสไอส่งหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอกำลังหนุน
ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ลงนามคำสั่ง ด่วนที่สุด ที่ ยธ 0825/1573 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์การประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษและการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ เรียน ผบ.ตร.ด้วย ดีเอสไออยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 ดีเอสไอมีภารกิจต้องสืบสวนสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษข้างต้นทั่วประเทศ ขอรับการสนับสนุน และขอให้ท่านให้ความช่วยเหลือต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินคดีพิเศษ ทั้งนี้ ขอให้ท่านแจ้งพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามที่ได้รับการประสานงานต่อไป และลงนามคำสั่ง ด่วนที่สุดที่ ยธ 0825/1574 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์การประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษและการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ เรียน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอรับการสนับสนุน และขอให้ท่านให้ความช่วยเหลือต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินคดีพิเศษ ทั้งนี้ ขอให้ท่านแจ้งอธิบดีกรมการปกครอง และ ผวจ. เพื่อดำเนินการตามที่ได้รับการประสานงานต่อไป
“สมศักดิ์” ขออย่าชี้นำยับยั้งมติแพทยสภา
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย และเตรียมส่งให้สภานายกพิเศษพิจารณาว่า ผลการพิจารณาของแพทยสภา ยังไม่ได้ส่งเรื่องมาถึงตน ยังไม่ทราบในรายละเอียด มีเวลาพิจารณา 15 วัน ที่หลายฝ่ายพยายามกดดันหรือชี้นำสังคมว่าจะยับยั้งมติแพทยสภา ขอให้เข้าใจกรอบข้อกฎหมาย ยังไม่ได้เริ่มพิจารณา ขออย่าชี้นำสังคม เข้าใจดีว่าผลสอบแพทยสภาจะถูกนำไปเชื่อมโยงทางการเมือง เห็นได้ชัดเจนว่านักการเมืองหลายคนพยายามเชื่อมโยงจนสังคมสับสน ขอว่าอย่าให้ข้อมูลแบบซ้ายที ขวาที จะทำให้สังคมเข้าใจผิด ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มพิจารณาแม้แต่น้อย เราต้องยึดมั่นในกระบวนการ ระเบียบ และกฎหมาย ต้องให้เวลาตนศึกษาข้อมูลด้วย ขอสังคมอย่าเพิ่งคาดเดา หรือชี้นำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ จะไม่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“สรวงศ์” ย้ำปมชั้น 14 ไม่เกี่ยวการเมือง
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เรื่องของแพทยสภาไม่อยากให้เอามาเกี่ยวกับการเมือง เกี่ยวกับพรรค ไม่ได้เกี่ยวกันเลย ประเด็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่ากันไปตามกระบวนการ อุณหภูมิทางการเมืองจะร้อนแรงหรือไม่ร้อนแรง ขึ้นอยู่กับสื่อมวลชน ไม่มีอะไรหรอก ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุดลงรัฐบาลนี้โดยเฉพาะนายกฯมารับตำแหน่งหลังนายทักษิณได้รับการปล่อยตัวแล้ว ทั้งหมดมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย ส่วนที่ศาลอาญายกคำร้องนายทักษิณขออนุญาตเดินทางไปประเทศกาตาร์ เราก็ดำเนินการต่อไป
“ดนุพร” ยันไม่เคยพูด “ทักษิณ” ป่วยวิกฤติ
นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค พท.ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ในพรรคยังไม่ได้พูดคุยกันเลย ที่ในโลกโซเชียลฯแซะตนว่าเคยแถลงว่านายทักษิณ มีอาการป่วยวิกฤติจริง ยืนยันว่าไม่เคยพูดว่าวิกฤติเลย ไม่ได้เป็นหมอ พูดเท่าที่ได้รับทราบมาเท่านั้นว่าท่านป่วยและได้รับการผ่าตัด ไม่ใช่หน้าที่ตนต้องไปแถลงด้วยซ้ำเพราะนายทักษิณ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่มีคนมาสอบถามข้อมูลที่พรรคเยอะมาก ในฐานะโฆษกพรรคได้รับทราบข้อมูลจากพรรคว่าท่านป่วยต้องผ่าตัดเท่านั้น ไม่ได้เจอนายทักษิณด้วยซ้ำ เพราะอยู่ รพ.ตำรวจในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์
“โรม” โพสต์ตอกย้ำชั้น 14 ป่วยทิพย์
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ภาพป้ายชั้น 14 รพ.ตำรวจ พร้อมข้อความว่า กรณีชั้น 14 แพทยสภาแถลงจะมีการลงโทษต่อแพทย์ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่า มีภาวะวิกฤติของอดีตนายกฯเกิดขึ้น สอดคล้องกับรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่เคยออกไปแล้วก่อนหน้านี้ ล้วนยืนยันไปในทิศทางเดียวกับที่ตนเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าบิดาท่านนายกฯป่วยทิพย์ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เห็นชัดเจนว่าภายใต้การนำของนายกฯที่ชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร การช่วยเหลือพ่อ ทำลายกระบวนการยุติธรรมทุกรูปแบบคือวาระสำคัญที่สุดของรัฐบาลชุดนี้
จี้หน่วยงานปราบโกงเรียกนายกฯสอบ
นายรังสิมันต์ระบุเป็นเรื่องน่าเศร้าที่แม้จะมีความชัดเจนขนาดนี้ เรากลับยังเห็นกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวขึ้นอยู่ตรงหน้า โดยที่เราทำอะไรได้น้อยมาก องค์กรอย่าง ป.ป.ช.ก็มีความคืบหน้าน้อยมาก จนน่าสงสัยว่าความสัมพันธ์ของประธานสภาฯ และประธาน ป.ป.ช.ตามที่ได้ถูกอัดเทปวิดีโอ จะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกระบวนการยุติธรรมต่อกรณีชั้น 14 มากน้อยเพียงไร อย่างไรก็ดี เมื่อแพทยสภามีความคืบหน้าถึงเพียงนี้ หน่วยงานที่มีหน้าที่ต้องปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันควรจะเห็นต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดำเนินการให้เกิดความรวดเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ผู้รู้เห็น ทุกอย่างต้องถูกเรียกมาสอบได้แล้ว ถ้าถึงขนาดที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายทักษิณอดีตนายกฯ นอนไถมือถืออยู่ชั้น 14 ได้ โดยไม่มีคนต้องรับผิดอะไร ต่อไปนี้ใครมีเส้นสาย มีอำนาจ มีเงิน จะใช้ชั้น 14 โมเดล เพื่อไม่ต้องติดคุกกันแบบนี้
“ไพบูลย์” เชื่อเป็นหลักฐานสำคัญ 13 มิ.ย.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า คำแถลงที่สำคัญของแพทยสภาคือ นายทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤติจริง ดังนั้น ถือว่านายทักษิณยังไม่ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกา เพราะฉะนั้นผู้ที่ถูกเรียกไปชี้แจงตามคำสั่งของศาล เมื่อไปยืนยันกับศาล จะยืนยันว่าป่วยวิกฤติก็ทำไม่ได้ เพราะจะมีความผิดในการให้การเท็จ เนื่องจากแพทยสภาซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรง ได้วินิจฉัยแล้ว แม้ รมว.สาธารณสุขจะยังไม่ลงนาม แต่ก็ถือว่ามีผลไปแล้ว เรื่องนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่สุด ที่จะทำให้การไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.มีข้อยุติที่ถูกต้อง ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อนายทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤติจริง ซึ่งขณะนี้ชัดเจนแล้ว จึงถือว่ากรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล คิดว่านายทักษิณมีปัญหาแน่
ผบ.ตร.สั่งกองวินัยสอบแพทย์ รพ.ตร
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงมติดังกล่าวของแพทยสภาว่า ได้สั่งการกองวินัยเตรียมพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง และเตรียมพร้อม เสนอความเห็นแล้ว หากเป็นแพทย์ตำรวจที่ถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพฯ ต้องหยุดปฏิบัติงานรักษาพยาบาลทันที และอาจระงับค่าตอบแทนพิเศษสำหรับตำแหน่งในวิชาชีพนั้นๆ ส่วนด้านวินัยตำรวจต้องพิจารณาต่อไปว่ามีความผิดทางวินัยข้อใดบ้าง ตาม พ.ร.บ.ตร.และกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่าด้วยการบริหารวินัย ยืนยัน ตร.ไม่นิ่งเฉย ไม่หนักใจ เพราะเป็นกระบวนการที่ รพ.ราชทัณฑ์ส่งตัวนายทักษิณมารักษาที่ รพ.ตำรวจ ต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่
“จุลพันธ์” ขออย่าตั้งธงพร้อมแจง กมธ.
ที่ท้องสนามหลวง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร วุฒิสภา เตรียมเชิญนายกฯและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชี้แจงวันที่ 15 พ.ค.ว่า ตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ในการไปชี้แจงทำความเข้าใจ อย่าตั้งธงไว้ก่อน อยากให้รับฟัง เพราะเราก็เชื่อมั่นว่าวันนี้เห็นได้ชัดภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เรายังพึ่งพาตัวขับเคลื่อนเก่าๆ วันนี้เราต้องการตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ๆ ซึ่งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นส่วนหนึ่ง เม็ดเงินลงทุนต่อจุดเป็นแสนๆล้านบาทสามารถเข้ามาช่วยพยุงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดความผันผวนขึ้นในอนาคตได้อยู่แล้ว อันนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้ ขอเปิดใจแล้วกัน ตนยินดีถ้ามีการเชิญมา ถ้าหนังสือมาถึงตนหรือว่านายกฯมอบหมาย ตนพร้อมอยู่แล้ว
ชี้ “หนู” ชงทำประชามติต้องมานั่งคุยกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อเสนอให้ทำประชามติ ส่วนตัวคิดว่าต้องถึงขั้นทำประชามติหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ตนไม่ได้ติดขัดอะไร แต่ต้องดูว่าช่องทางกฎหมายทำได้หรือไม่ มานั่งพูดคุยกันไม่ใช่อยู่ดีๆมาพูดกันลอยๆ แล้วมันจะเกิดขึ้นได้ มันไม่เกิด ต้องดูกลไกให้ครบถ้วน และสิ่งที่เราทำมาตลอดในการร่างกฎหมาย ในการส่งกฎหมายเข้าสู่สภาฯ เป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ตนว่าทำมากกว่านี้ไม่ได้ เมื่อถามว่า ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ควรทำประชามติ นายจุลพันธ์กล่าวว่า คงต้องมีการพูดคุยกัน เพราะเป็นเรื่องใหม่
“นายกฯอิ๊งค์” นัดถกใหญ่ดับไฟใต้
เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านพิษณุโลกว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หารือถึงสถานการณ์ชายแดนใต้ ร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ต่อเนื่องที่ได้พูดคุยกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 8 พ.ค. โดยนายกฯกำชับให้ยุติความรุนแรงให้ได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในพื้นที่ สัปดาห์หน้าจะเรียกประชุมใหญ่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อบูรณาการการแก้ปัญหา
เน้นย้ำบูรณาการแก้ปัญหา
จากนั้นเวลา 11.30 น. น.ส.แพทองธารทวีต ข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า เชิญปลัดมหาดไทย และ ผบ.ตร. มารับฟังปัญหาและร่วมหาแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ในภาคใต้ สิ่งหนึ่งที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกัน คือการบูรณาการการทำงานในส่วนของ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ประกอบไปด้วยทหาร ตำรวจ และพลเรือน ช่วยกันทำงานทั้งเชิงรับและเชิงรุก รวมถึงการร่วมมือกันในระดับจังหวัด อำเภอ และหมู่บ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน จึงได้ขอความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้พูดคุยกับทางกำนันและผู้ใหญ่บ้านทำงานร่วมกันระดับชุมชน นอกจากนี้ได้ย้ำว่าหากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติขาดอุปกรณ์ใดๆ ทั้งด้านยุทโธปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆให้แจ้งมาที่ส่วนกลาง เพื่อจะได้จัดหาและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อย่าดราม่าสร้างโรงหนัง 4Dในสภา
นายประเสริฐ บุญเรือง สส.กาฬสินธุ์ พรรค พท. ประธาน กมธ.กิจการสภาฯ กล่าวถึงการเสนอโครงการสร้างโรงภาพยนตร์ 4D ในอาคารรัฐสภา อยู่ในงบฯปี 69 ว่า ต้องการให้เป็นสภาที่เปิดเต็มรูปแบบ เป็นศูนย์เรียนรู้ของประชาชน สร้างแรงจูงใจให้คนได้เรียนรู้มิติ ทั้งฉายสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สารสนเทศ จึงเขียนคำของบฯรูปแบบ 4D รูปแบบการทำระบบจะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง เพื่อสร้างแรงจูงใจ แต่ไม่ได้หมายถึงการเอาหนังมาฉายเป็นเอนเตอร์เทน เราต้องเรียนรู้ความเป็นจริง อย่าไปดราม่า
“วัชระ” ยื่น ป.ป.ช.สอบเลขาฯสภาฯ
นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส. พรรคประชา ธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบกรณีสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ตั้งงบฯปี 69 ซ่อมแซม ปรับปรุงและจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ 15 โครงการ เป็นเงินกว่า 2,773 ล้านบาท ทั้งที่เพิ่งเปิดใช้งานได้เพียง 4 ปี ยังอยู่ในเวลารับประกันตามสัญญาจ้าง ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่จำเป็น ไม่คุ้มค่า ไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันและอาจส่อทุจริต โดยเฉพาะกรณีโรงภาพยนตร์ 4D เสนอราคาสูงถึง 380 ล้านบาท ก่อนถูกลดลงเหลือ 180 ล้านบาท ขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. เร่งรัดไต่สวนโดยเร็ว ขอรับแจ้งผลภายใน 15 วัน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่