ทั่วโลกต่างอยู่ในความสงบชั่วขณะ เพื่อร่วมแสดงความไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกผู้นำเบอร์ใหญ่ของโลกเดินทางเข้าร่วมพิธีฝังพระศพอย่างยิ่งใหญ่นับเป็นความสูญเสียบุคคลสำคัญผู้มุ่งมั่นสร้างสันติภาพ “โป๊ปฟรานซิส” ซึ่งมีบทบาทในการเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งยุติสงครามสู้รบ เป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกรักสงบ ท่ามกลางภาวะตึงเครียด สถานการณ์ที่พลเมืองโลกเหมือนกำลังตกอยู่ท่ามกลางสนามรบ สงครามโลกที่แปรรูปแบบเป็นสงครามการค้าสมรภูมิตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษีศุลกากรแบบบ้าดีเดือด จากฤทธิ์เดชของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำคาวบอยจอมซ่า ขาใหญ่ทำเนียบขาว ที่ปะฉะดะท้ารบทั่วทิศ เขย่าเศรษฐกิจสั่นสะเทือนไปทั้งโลกกับสไตล์ “ไบโพลาร์” เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดาอารมณ์ไม่ถูก จับทางไม่ทันล่าสุดมาในอาการลดโทนพยศ “คาวบอยทรัมป์” ส่งสัญญาณแตะเบรกการตั้งด่านไถภาษีสินค้านำเข้าจากจีนแผ่นดินใหญ่อย่างบ้าเลือด 145 เปอร์เซ็นต์ แบะท่าพร้อมเปิดการเจรจากับ “เพื่อนซี้” อย่าง “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีนคาดว่าจะดีลกันจบภายในไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ไปและนั่นก็ได้รับสัญญาณตอบรับเชิงบวกจากฝ่ายรัฐบาลปักกิ่ง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงยักท่าเป็นเชิง จีนไม่คิดสู้รบสงครามการค้า แต่ถ้าสู้ก็ไม่ถอย การเจรจาต้องไม่อยู่ภายใต้การข่มขู่ของสหรัฐฯเหมือนที่ผ่านมาแค่นี้ก็ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดีดกลับมาเป็นบวกทันทีแต่ก็แค่ไม่กี่อึดใจ ไปๆมาๆ ส่อว่า “ทรัมป์” ตีขลุมเองฝั่งเดียว แต่ปักกิ่งบอกปัดยังไม่มีการต่อสายพูดจาแต่อย่างใด ทำให้ตลาดหุ้นกลับมาแพนิกใหม่ ตามภาวะไร้ความแน่นอน จีนกับสหรัฐฯยังตะลุมบอนกันได้ทุกวินาทีที่แน่ๆใน “ข่าวดี” กลับแฝงมาด้วย “ข่าวร้าย”สำหรับชาติในภูมิภาคอาเซียน เมื่อสหรัฐฯประกาศรีดภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์หรือ “โซลาร์เซลล์” จากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งไทย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย โดนกันถ้วนหน้าไทยโดนหางเลขจังๆ เจอไป 375 เปอร์เซ็นต์ 3-4 เท่าจากเดิมตามรูปเกม ทีมไถภาษีของ “คาวบอยทรัมป์” ไล่สแกนลึกล็อกเป้าทุนจีนแฝงกองเรือส่งออกไทย เหมารวมทุนจีนที่หลบกำแพงภาษีมาใช้ไทยเป็นฐานผลิต ได้ทั้งการงดเว้นภาษีจากไทยและช่องเลี่ยงภาษีส่งออก ฟาดกำไรสะดือปลิ้นสุดท้ายไทยต้องเฉ่งภาษีสหรัฐฯแทนนายทุนจีนเต็มๆกลายเป็นปมล็อก โจทย์ยากซ้อนโจทย์โหด ในจังหวะกดดัน “ทีมไทยแลนด์” นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง กับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่ต้องยกเลิกการเดินทางไปสหรัฐฯเพราะไม่ได้รับการยืนยัน “บัตรคิว” จากปลายทางให้เข้าเจรจามาตรการกำแพงภาษีกับทีม “คาวบอยทรัมป์” ในวันที่ 23 เมษายน อย่างที่ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้ข่าวยืนยันเองกลายเป็นความอลเวง ลูกมั่วในภาวะวิกฤติจ่อคอหอยกระตุกเครื่องหมายคำถามถึงขีดความสามารถในการ “ดีล” เวทีอินเตอร์ของทีมเพื่อไทย ไร้ความชัวร์ในเกม “ล็อบบี้ยิสต์” ขาดมืออาชีพในการประสาน เครดิตงานด้านต่างประเทศแทบบอดสนิทถึงขั้นที่เก็บกระเป๋าเก้อ ตีตั๋วเครื่องบินฟรี ยังดีไม่ต้องเลี้ยวกลับกลางทางในอาการแบบที่น.ส.แพทองธารพยายามปลอบใจตัวเอง มองโลกสวยๆการต้องเลื่อนบัตรคิวท้ายๆ เป็นจังหวะที่ฝ่ายไทยจะได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น เพิ่มความชัวร์ในเกมต่อรองแบบวิน วิน เน้นเจรจาอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีกลบไต๋ ไพ่บนมือ “ทีมไทยแลนด์” แต้มอ่อนไม่ต้องเทียบกับเบอร์ใหญ่อย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ที่บัตรคิวต้นๆ ในอาเซียนด้วยกัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ก็บินไปสหรัฐฯก่อนหน้าเราแล้วแนวโน้มไทยต้องร้องเพลงรออย่างไม่มีกำหนดภายใต้แรงกดดัน ปัจจัยแฝงไม่ใช่แค่เรื่องมาตรการภาษี แต่ยังติดเงี่ยงแหลมคมปมขัดแย้งศึกภูมิรัฐศาสตร์ ไทยถูกสหรัฐฯผลักไปอิงแอบอย่างแนบแน่นกับจีน เพิ่งส่งผู้ลี้ภัยอุยกูร์กลับไปให้รัฐบาลปักกิ่งและยังโยงไปถึงนักวิชาการอเมริกันคนดังที่ติดคดี 112 อยู่ในไทยเงื่อนไขสลับซับซ้อน สภาพกองเรือไทยส่งออกสหรัฐฯส่อเสียหายหนักกว่าชนหินโสโครก ถ่วงวิกฤติเศรษฐกิจภายในที่ดิ่งอยู่ก้นเหวลากไม่ขึ้น ณ จุดที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (imf) คาดการณ์จีดีพีโลกเหลือ 2.8 เปอร์เซ็นต์ไทยเจ็บหนักสุดในอาเซียน เศรษฐกิจโตแค่ 1.8 เปอร์เซ็นต์พร้อมส่งสัญญาณเตือนด้วยความห่วงใย imf กังวลหนี้สาธารณะของไทยไต่ระดับสูงกว่าอาเซียนที่ประมาณร้อยละ 60 ของจีดีพี แนะรัฐบาลเพื่อไทยดำเนินนโยบายการคลังอย่างรอบคอบแต่นั่นก็แทบไม่มีทางเลือก หันรีหันขวางเจอแต่ทางตัน“ขุนคลัง” อย่างนายพิชัย ต้องแบะท่า จ่อกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ในการอัดฉีดระบบเศรษฐกิจไทยสู้กับสงครามภาษี “คาวบอยทรัมป์”ฟอร์ม “นักกู้ลุ่มเจ้าพระยา” แทนบท “พระยาพิชัย” โชว์เพลงดาบหักตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่อ่านไต๋กันทะลุ รู้กันในหมู่ “คนรู้จริง” เชิงเศรษฐกิจที่เข้าใจวิกฤติหนีไม่ออก มองเป็น “ไฟต์บังคับ” นาทีที่ต้องร่วมกันประคับประคองสภาวะประชาชนคนไทยทั้งชาติกำลังเผชิญมรสุมใหญ่หลวงสปิริตแบบที่ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค กัปตันทีมเศรษฐกิจค่ายประชาชน ยอมเสี่ยงโดนกองหนุนด่า แสดงความเห็นด้วยกับรัฐบาลเตรียมใช้เงิน 5 แสนล้านในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไม่ให้วิกฤติที่ไทยเสียหายหนักจากสงครามการค้า ต้องสูญเปล่ามุมเดียวกันเลยกับ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง ทีม “สี่กุมาร” ที่เสนอแนะให้รัฐบาลเพื่อไทย ใช้จังหวะที่เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน และเศรษฐกิจไทยยังเปราะบางไม่ฟื้นตัว ถือเป็นโอกาสของรัฐบาล “อิ๊งค์” ที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศอย่างจริงจัง“ทีมสปิริต” กูรูเศรษฐกิจไทย ร่วมแชร์พลัง “วาระแห่งชาติ”ณ จุดที่แทบจะปราศจากแรงต้าน โดยรูปการณ์มันก็อยู่ที่รัฐบาลเพื่อไทยเอง จะโชว์ศักยภาพ “กึ๋น” ในการรับมือแรงกระแทกสมรภูมิภาษีได้แค่ไหนในสภาพศึกนอกกระหน่ำ ซ้ำด้วยแรงกระเพื่อมการเมือง “เน่าใน”อาการแบบที่ น.ส.แพทองธาร ต้องเบรกกระแสร้อน ยืนยันตัดบท ตอนนี้ยังไม่คิดปรับคณะรัฐมนตรี ทุกอย่างยังเหมือนเดิมตามฟอร์มผู้นำรัฐบาล เลี่ยงฝุ่นควันพิษจากเกมวิ่งฝุ่นตลบแต่ก็ไม่อาจกลบกระแส “โละ ครม.” โดยเฉพาะแรงเขย่าจากคนในพรรคเพื่อไทยด้วยกันเองที่ฉวยจังหวะกระตุกเกมเก้าอี้ดนตรี ได้ทีอ้างอิงโพลสำนักมาตรฐานอย่าง “นิด้าโพล” โหนตัวเลขประชาชน ผลสำรวจคนทางบ้านต้องการให้ปรับเปลี่ยนผู้เล่นที่ฟอร์มไม่ได้เรื่องดีหนึ่งประเภทหนึ่ง คือ “เสี่ยแดง” พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ “มาดามบิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญ สินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงานรื้อทีมเศรษฐกิจที่ปล่อยวิกฤติลามเดือดร้อนปากท้องประชาชนและลึกๆก็ลุ้นกันถึงขั้นยุให้ “ล้างกระดาน” แห่ “พลังเฮี้ยว” ของ “นายใหญ่” หักหอกข้างแคร่ ไล่อัปเปหิค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย ชิงขุมทรัพย์กระทรวงมหาดไทยมาอยู่ในกำกับของทีมเพื่อไทยในอารมณ์เลี่ยนๆแบบที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย โชว์จับมือเกี่ยวก้อย “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ทีม “นายใหญ่”แต่ก็ไม่อาจกลบแผลบาดลึกเข้าเนื้อเห็น “กระดูกดำ”แบบที่สดๆร้อนๆกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พลิกสำนวนสอบสวนคดี “อั้งยี่ซ่องโจร” ยกระดับเป็นคดีพิเศษ ไล่บี้ไล่ต้อน “สว.โพยฮั้ว” ในคาถา “ครูใหญ่ เขากระโดง” ลุยโละ “สว.สีน้ำเงิน” สายตรงบุรีรัมย์หักมุมสวนทางกับกระแสอีกทางที่พุ่งเข้าใส่“นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” สัญญาณปมร้อนวีไอพี ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ถึงจุดลุ้น “คดีพลิก” รวมถึงคดียุบพรรคเพื่อไทย จากการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกร้องครอบงำพรรค สัญญาณจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งปิดกล่องเร็วๆนี้“นายใหญ่-ครูใหญ่” ต่างฝ่ายต่าง “โชว์ของ” ไม่ใช่แค่พลังในเกมสภา แต่ยังหมายรวมถึง “พลังแฝง” นอกเหนือการเมือง ตามท้องเรื่องเพื่อไทยกับภูมิใจไทยใกล้จุดหักดิบเกมบีบปรับ ครม.ในมุมแตกหักทางการเมือง ยังไม่นับรวมถึงปมการบริหารราชการแผ่นดิน สถานการณ์แบบที่มีรัฐมนตรีอย่างน้อย 3 คนที่อยู่ในข่ายเสี่ยงโดนสหรัฐฯ “แบน” วีซ่าเข้าประเทศ จากปมผู้ลี้ภัยอุยกูร์3 รายแน่ๆที่อยู่ในช็อตนั่งแถลงภารกิจลับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศและยังไม่ชัวร์ว่า ขอบเขตจะเลยถึงนายกฯแพทองธาร ด้วยหรือไม่ในจุดที่รัฐบาลปิดปากเงียบ แต่เรื่องใหญ่มากส่อกระทบโดยตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี ส่งผลลบต่อการบริหารราชการแผ่นดินชัดเจน หรือนี่คือเงื่อนไขบังคับ เป็นที่มาของอารมณ์ปลงอนิจจัง“อิ๊งค์” ยกธรรมะสอนใจ ใดๆในโลกล้วนอนิจจังไม่อยากเสี่ยงพังทั้งกระดาน แต่ก็หนีเกมโละ ครม.ไม่ออก.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม