วิปโยคกว่าแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ยังมีแรงเขย่าจากกำแพงภาษี “โดนัลด์ ทรัมป์” 36 เปอร์เซ็นต์เป็นมหาวิบาก อาฟเตอร์ช็อกซ้ำซ้อนอาฟเตอร์ช็อกตัวเลขกลมๆกว่า 2.7 แสนล้านบาท มูลค่าความเสียหายธุรกิจส่งออกของไทยจากเกมเขย่าเศรษฐกิจโลกที่มีศูนย์กลางจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา มากกว่านับ 10 เท่า บวกเพิ่มกับ 2 หมื่นล้าน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยศูนย์กลางจากประเทศเมียนมา แรงสั่นสะเทือนถึงกรุงเทพฯสถิติที่ไม่น่าจดจำ ตึกสูงสุด ไกลสุดจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ภาพตึก สตง.กลาง กทม.ถล่มพินาศคาตายิ่งกว่าฉากหนังฮอลลีวูด ผู้คนหนีตายจากอาคารถล่ม บรรยากาศโกลาหลไม่ต่างจาก “วันสิ้นโลก”เรื่องจริง เขย่าขวัญประชาชนกระเจิดกระเจิงกระตุกต่อมผวา นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่ยกเลิกจองโรงแรมที่พัก ยอดคืนตั๋วเครื่องบินลดวูบวาบล้มโปรแกรมทัวร์สงกรานต์ ไทยแลนด์แผนปั่นรายได้ช่วงเทศกาลทองต้องสะดุดชั่วพริบตาขณะที่คนไทยเกิดอาการ “แพนิก” ไม่กล้าขึ้นตึกสูง กลับเข้าที่พักไม่ได้ ผวานอนข่มตาไม่หลับ พากันประกาศขายทิ้งคอนโดฯแบบเลหลัง ยอมขาดทุนยับ พานตลาดอสังหาริมทรัพย์หุ้นตกวูบ เสียหายมหาศาลผลจากสัญญาณเตือนภัยพิบัติที่ “บอดสนิท”ความเชื่อมั่นในมาตรการรับมือภัยพิบัติของภาครัฐติดลบกว่าระดับศูนย์ เมื่อผู้คนในสังคมได้สัมผัสกับเหตุการณ์สดๆ เผชิญนาทีเป็นนาทีตายของจริง ไม่ได้ซ้อมหนีไฟ ทดลองแผนหนีแผ่นดินไหวไม่มีหลักประกันความปลอดภัยมากกว่าสวดมนต์ เอาตัวรอดกันเองขนาดที่หลังเกิดเหตุไปแล้ว 1 วัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต้องเทกแอ็กชันโชว์บทดุดัน ไล่บี้ไล่เฉ่งหน่วยงานเจ้าภาพหลักทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน กสทช.ประจาน “จำเลย” รับผิดชอบระบบเอสเอ็มเอสเตือนภัยบ้อท่าได้เห็นพฤติการณ์ ระบบราชการแบบไทยๆเกี่ยง โบ้ย โยนกลอง กันอุตลุด ที่สุดเลยก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ในจังหวะสถานการณ์อาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องรายวัน แค่แรงสั่นไหวเบาๆ แต่กระตุกต่อมผวา อาการอุปาทานหมู่ ผู้คนแตกตื่นวิ่งลงจากตึกสูงกันจ้าละหวั่น ไม่เป็นอันทำการทำงานเพราะไม่มีการให้ข้อมูลอย่างเป็นระบบจากหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ประชาชนต้องแสวงหาข้อมูลข่าวสารกันเองในโลกโซเชียลมีเดียใช้บริการ “หน่วยข่าวไม่ได้กรอง” ตกเป็นเหยื่อ “เจ้ากรมข่าวลือ”และก็ยิ่งหดหู่ ฟังแล้วใจแป้ว เมื่อ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ยอมรับเองเลยว่า ปภ.เพิ่งเซ็นสัญญาประมูลโครงการเตือนภัยระบบ Cell Broadcast ไปก่อนแผ่นดินไหวไม่กี่วันคาดจะส่งมอบงานกันได้เร็วสุดในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม กลางปีนี้นั่นหมายถึงระยะ 3-4 เดือน ถ้ามีเหตุแผ่นดินไหว ภัยพิบัติฉุกเฉินในสภาพไร้ระบบเตือนภัย Cell Broadcast คนไทยต้องนอนหลับๆตื่นๆ ลุ้นช่วยตัวเองไปก่อนสภาพมาตรฐานการรับมือภัยพิบัติอยู่ในขั้นต่ำแต่ตรงกันข้ามกับขีดความสามารถการคอร์รัปชันที่พุ่งทะลักเพดาน โดยสถานการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง เขย่าตึก สตง.ถล่มพินาศประจานเชื้อชั่ว ปมทุจริตเน่าที่ซ่อนอยู่ในซากอาคารตึก “เมดอิน ไชน่า” กลายเป็นสุสาน “ผลงานบาป” ของแก๊งจีนเทา ร่วมมือไทยเทา ข้าราชการเทา มาเฟียทหารเฒ่าสีเทา เป็นขบวนการทุจริตงบประมาณภาษีของประชาชนคนไทยไล่เช็กผู้รับเหมา เป็นบริษัทห้องแถว แต่ฟันโครงการมูลค่า 2 พันล้านบาทยิ่งตรวจก็ยิ่งเจอปมเน่า ขบวนการเหลือบ แฝงตัวในรูปของกลุ่มทุนข้ามชาติจากจีนแผ่นดินใหญ่อาศัยนอมินีคนไทย โหนกิจการร่วมค้ายักษ์ใหญ่ในวงการก่อสร้าง ใช้เส้นหนาๆอิทธิพลของคนในแวดวงกองทัพเป็นใบเบิกทาง โยงผู้ถืออำนาจการเมืองในแต่ละยุคไม่คำนึงถึงมาตรฐานการก่อสร้าง ลดสเปกแหลกลาญ กินเหล็ก กินหิน กินปูน เอาไปจัดสรรปันส่วน จ่ายส่วย ฟาดหัวคิวกันเป็นทอดๆประมูลงานโครงการก่อสร้างของรัฐบาลไทย โกยกำไรกลับแผ่นดินใหญ่ในเส้นทางลึกลับซับซ้อน แกะรอยนอมินีจีนเทากระจอก แต่โยงบริษัทแม่คือยักษ์ใหญ่ ระดับรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กองทัพของรัฐบาลปักกิ่ง ถือหุ้นใหญ่ 100 เปอร์เซ็นต์“จีนแดง-จีนเทา” นัวเนียแยกไม่ออกกลายเป็นโจทย์ยาก อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตามสถานะรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ที่ยกระดับความแนบแน่นกับรัฐบาลปักกิ่งถึงขั้นยอมเสี่ยงปมละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับไปให้ทางการจีนเดินเกมการทูตแบบแทงเต็ง ทิ้งไพ่เลือกข้างจีนแดง จนถูกสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตก “ประณาม” ส่งสัญญาณยกระดับการ “แบน” แซงก์ชันด้วยมาตรการกดดันข้อตกลงทางการค้าขั้วโลกเสรีผลักไทยไปอยู่ขั้วเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่และนั่นก็น่าจะเป็นปัจจัยเหตุสำคัญ นำมาซึ่ง “ขีปนาวุธทรัมป์” ล็อกเป้าประเทศไทย จัดหนักเป็นพิเศษในบัญชี “ไถภาษีนำเข้า” สหรัฐฯฟาดไป 36 เปอร์เซ็นต์ เป็นเบอร์ต้นๆของเอเชีย2.7 แสนล้านเนื้อๆ กองเรือบรรทุกสินค้าส่งออกไทยไปกันไม่เป็น ไม่ผิดการคาดหมาย แต่เซอร์ไพรส์หนัก จากที่คิดว่าจะโดนแค่ร้อยละ 25 ที่ว่ากระอักแล้ว ไม่นึกว่าจะโดนแบบโหดจัดขนาดนี้แม้โดยอาการใจดีสู้เสือ น.ส.แพทองธารยืนยันมั่นใจ “เอาอยู่”ร่อนแถลงการณ์การันตี แสดงท่าทีประเทศไทยเข้าใจความจำเป็นในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ส่งผลต่อประเทศคู่ค้าทุกรายไทยได้ส่งสัญญาณความพร้อมหารือกับสหรัฐฯเพื่อปรับดุลการค้าให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย มอบหมายให้คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชน ติดตาม ประเมิน สถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยมี “กุนซือหูกระต่าย” นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ เป็นหัวหอกคุมเกมรับมือสงคราม “นิวเคลียร์เศรษฐกิจ”ตำนานทีมกุนซือบ้านพิษฯต่อกรกับคลังสมองทำเนียบขาวณ จุดที่นายพิชัย ชุณห วชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง หงายไพ่รับสภาพ แรงเขย่าจากกำแพงภาษี “ทรัมป์” สั่นสะเทือนหนักถึงขั้นทำให้จีดีพีไทยหดตัวลงแน่ๆ1 เปอร์เซ็นต์ เป็นอย่างน้อยนี่ระดับค่อยๆในมุมรัฐบาลที่พยายามมอง โลกแง่ดีขณะที่ฟากฝ่ายค้าน “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ แม่ทัพเศรษฐกิจค่ายประชาชน หวั่นใจมาตรการภาษีสหรัฐฯจะทำให้การค้าการส่งออกของไทยหยุดชะงัก มูลค่าการส่งออกอาจหดตัวลง 1 เปอร์เซ็นต์มองโลกแง่ร้าย อาจทำให้จีดีพีปี 2568 ของไทยลดต่ำกว่า 2 เปอร์เซ็นต์หรือในมุมของคนกลางๆที่ไม่ระบุตัวเลขเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่เน้นไปที่การประเมินภาพรวมล่วงหน้า แบบที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และนายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลังสะท้อนสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะกระเทือนหนัก จากนี้ไปในเชิงภูมิรัฐศาสตร์โลก เอเชียจะเป็นจุดโฟกัส โดยมีจีนเป็นจุดศูนย์กลาง รัฐบาลไทยจำเป็นต้องมีวิธีการในการรับมือศึกมหาอำนาจกรณีของประเทศไทยจะมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจสูง ยิ่งประกอบกับความเสี่ยงสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ก็ยิ่งเสี่ยงสูงหนักไปใหญ่เรื่องของเรื่อง ในสภาพการณ์แบบที่เห็นกันตรงหน้าปรากฏการณ์ความวุ่นวายจากเดิมพันกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กำลังเป็นชนวนร้อนทั้งในสภา ฝ่ายรัฐบาลตะลุมกับฝ่ายค้าน เร้าดีกรีระอุนอกสภา ม็อบต้านขู่ลงถนนอาละวาดกระตุ้นไฟสุมขอน อารมณ์พรรคเพื่อไทยที่ตบจูบ ซ่อนมีดกับพรรคภูมิใจไทย เล่นเกมสงครามตัวแทน ในกระบวนการ “ล้มโต๊ะ” สว.สายน้ำเงิน กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึงจุดใกล้แตกหักภัยธรรมชาติ ภัยเศรษฐกิจการเมืองภายนอก มะรุมมะตุ้มศึกการเมืองภายใน สถานการณ์ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนพ่อ ต้องออกแรงหนัก ในการช่วยประคองนายกฯคนลูก เผชิญวิกฤติหนักหนาสาหัสกำแพงภาษี-แผ่นดินไหว เขย่าเสถียรภาพของรัฐบาล.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม