มุมการเมืองที่ทับซ้อนกันอยู่นั้นแม้ทุกสายตาพุ่งเป้าไปที่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน

แต่อีกมุมหนึ่งก็มีความเคลื่อนไหวทิ้งร่องรอยให้เห็นว่ากำลัง

ทำอะไรกันอยู่ระหว่างซุ้มบ้านจันทร์ส่องหล้ากับซุ้มเขากระโดงแห่งบุรีรัมย์

เกมแห่งอำนาจที่อยู่ในฉากตบจูบนั้นไม่มีหยุดนิ่ง เพียงแต่รอจังหวะก้าวด้วยการขับเคลื่อนไหวชิงเหลี่ยมกันอยู่ตลอดเวลา

“ฮั้วเลือกตั้ง สว.” ที่ทำให้กลุ่ม “นายใหญ่” กุมสภาพเหนือกว่ากลุ่ม “ครูใหญ่” เนื่องจากสามารถใช้ดีเอสไอทำงานอย่างได้ผล

จนสามารถใช้เป็นเครื่องมือต่อรองที่ตรึงอีกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม

ดีเอสไอเคลื่อนไหวเมื่อไรก็ทำให้อีกฝ่ายสั่นไหวทันที

ทำให้ดีลการเมืองระหว่าง 4 ผู้มากบารมีที่บ้านจันทร์ส่องหล้าครั้งล่าสุดได้เริ่มปฏิบัติการ โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายสีน้ำเงินเล่นบทพระเอกอยู่ฝ่ายเดียว

แต่ “เพื่อไทย” เสียหน้าเสียราคานี้เป็นเรื่องที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เลือดขึ้นหน้าไม่น้อย จึงต้องให้ค่ายสีน้ำเงินแก้หน้าให้

เพราะ “เพื่อไทย” ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมุมที่พวกเขาต้องการ แต่ “ภูมิใจไทย” จูงแขน สว.คัดค้านด้วยการวอล์กเอาต์ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย

ทำให้การประชุมต้องล่มถึง 2 ครั้ง โดยเฉพาะประเด็นที่จะยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้นต้องทำประชามติหรือไม่

ปรากฏ “ภูมิใจไทย” และ สว.สีน้ำเงินไม่เอาด้วย!

แต่ล่าสุด “เพื่อไทย” ก็เดินเรื่องใหญ่เพื่อยื่นคำร้องอีก  ปรากฏว่าภูมิใจไทยและ สว.กลับลำหันมาให้การสนับสนุนแบบพลิกลิ้นตัวเอง

นั่นทำให้รัฐสภามีมติเห็นชอบที่จะส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ สำเร็จ

...

ก็เลยมีคำถามว่าทำไมภูมิใจไทยจึงต้องทำอย่างนั้น คำตอบง่ายๆ

ก็เพราะดีเอสไอเดินหน้าลุยคดี สว.เข้มข้นขึ้น

“สีน้ำเงิน” จึงต้องเปลี่ยนแนวทางใหม่เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งคือการแต่งตั้งบุคคลเป็นตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญ 2 คน แทนที่คนเก่าที่ครบวาระก็ได้เห็นเกมข่มขย่มอีกฝ่าย

บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ สว.ลงมติเห็นชอบนั้น มี 2 คน!

1.“สิริพรรณ นกสวน สวัสดี” อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬา

2.“ชาตรี อรรจนานันท์” อดีตอธิบดีกรมการกงสุล และอดีตเอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์

ทั้ง 2 คนนี้ คณะกรรมการสรรหามีมติ 8 ต่อ 0 เห็นว่าสมควรเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีคุณสมบัติดีเด่น

แต่ปรากฏว่า สว. (สีน้ำเงิน) ตีตกสอบไม่ผ่าน!

คนแรกนั้นก็ด้วยเหตุผลเพราะเคยเสนอความเห็นเชิงวิชาการว่า

การแก้ไข ม.112 นั้นสามารถทำได้ ซึ่งขัดกับจุดยืนของค่ายนี้

จึงไม่น่ามีปัญหาอะไรมาเกี่ยวข้อง

แต่คนต่อมานั้นมีปัญหาเพราะเคยคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการลงนามข้อตกลงเอ็มโอยู 44 กับกัมพูชา ซึ่งเป็นความเห็นที่ขัดแย้งกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น

การที่จะมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องห้ำหั่นกับ “ทักษิณ” แน่

คำถามที่ว่าทำไมชื่อ “ชาตรี” ถึงถูกตีตกก็เพราะเหตุนี้

การที่ สว.สีน้ำเงินเปิดปฏิบัติการที่ตรงข้ามกับ สว.ด้วยกันเองและในสายตาของคนทั่วไปที่เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม

ก็เพราะซุ้มเขากระโดงต้องการเอาใจซุ้มจันทร์ส่องหล้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.ที่เป็นชนักติดหลังอยู่

คนดีๆเก่งๆก็เลยซวยไปด้วย!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม