งามไส้! ประชุมรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญล่ม 2 วันติด เพื่อไทยรับบทหัวโจกเล่นเกมลากไม่ให้ลงมติ นำทัพป่วนขอนับองค์ประชุม 140 สส.เพื่อไทย-171 สว.สีน้ำเงิน ไม่ร่วมแสดงตน พังองค์ประชุมล่ม “สุทิน” โอดจำใจต้องใช้วิธีที่ไม่อยากทำ จ่อพลิกเกมชงญัตติใหม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความปมประชามติเอง “ภูมิธรรม” โต้เพื่อไทยเล่นบทตีสองหน้าแก้กติกาประเทศ “เสี่ยหนู” เคลียร์ใจ “อิ๊งค์” อ้างนายกฯไม่ติดใจภูมิใจไทยไม่ร่วมสังฆกรรมแก้รัฐธรรมนูญ เข้าใจความวุ่นวายในสภาฯ ไม่เกี่ยว ครม. พรรคประชาชนไล่ยุบสภาคืนอำนาจประชาชน โวยรัฐบาลไม่จริงใจทำตามนโยบายหาเสียง “อนุทิน” เดือดด่า “หน้าตัวเมีย” ฉุนถูกป้ายผิดครองสนามกอล์ฟทับที่ ส.ป.ก. ซัดโดนการเมืองเล่นงาน

การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังคงมีบรรยากาศวุ่นวาย ปั่นป่วนต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดย สส.พรรคเพื่อไทยเสนอขอนับองค์ประชุม ในที่สุดไปไม่รอด สภาฯล่มสองวันติด มี สส.แสดงตนแค่ 175 เสียงประชุมแก้ รธน.ป่วน 2 วันติด

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 14 ก.พ. ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นวันที่สอง ภายหลังเกิดเหตุการประชุมรัฐสภาล่ม เมื่อวันที่ 13 ก.พ. โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม บรรยากาศการประชุมยังปั่นป่วนวุ่นวายเหมือนเดิม ทันทีที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เริ่มแถลงญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ก็เสนอนับองค์ประชุมทันทีว่ามีสมาชิกอยู่ครบถ้วนหรือไม่ จึงเกิดการประท้วงกันไปมา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประท้วงว่า นพ.ชลน่านเสนอญัตติแทรกมาระหว่างที่แถลงหลักการและเหตุผลร่างแก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว ถือว่าทำผิดข้อบังคับการประชุม

...

“ชลน่าน” นำทีมขอนับองค์ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมขณะนั้น เกิดความวุ่นวาย ต่างฝ่ายต่างประท้วงไม่มีใครยอมใคร ในที่สุดนายวันมูหะมัดนอร์วินิจฉัยว่า นพ.ชลน่านสามารถขอนับองค์ประชุมได้ เป็นเอกสิทธิ์ หากมีข้อสงสัยจะขอนับองค์ประชุมตอนไหนก็ได้ แม้นายพริษฐ์พยายามอธิบายเหตุผล เพื่อเดินหน้าการประชุมต่อ แต่ถูก สส.พรรคเพื่อไทยคอยประท้วงให้นับองค์ประชุมตลอดเวลา โดยนายวันมูหะมัดนอร์พยายามกล่าวทำความเข้าใจอยู่หลายรอบว่าต้องดำเนินการตามข้อบังคับให้นับองค์ประชุม ถ้ามีสมาชิกเสนอญัตติให้นับองค์ประชุม ก่อนจะกดออดเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุม เพื่อตรวจสอบองค์ประชุมทันที ท่ามกลางเสียงประท้วงของ สส.พรรคประชาชนจำนวนมากที่ต้องการให้เดินหน้าพิจารณาต่อ แต่ประธานที่ประชุมไม่อนุญาต พร้อมกับปิดไมโครโฟนไม่ให้สมาชิกได้พูด

“วันนอร์” เดือดขู่ไล่ฝ่ายค้าน

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวอธิบายว่า เดี๋ยวจะอนุญาตให้ประท้วง แต่ต้องหลังจากขั้นตอนตรวจสอบองค์ประชุมก่อน ทำตามระเบียบข้อบังคับ ไม่มีเจตนาที่จะทำให้ได้หรือไม่ได้ประชุม ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าการลงมติสมควรหรือไม่ ทุกอย่างทำตามข้อบังคับ ไม่เช่นนั้นภาพประท้วงจะออกไปข้างนอก ทั้งสภาและประธานก็เสีย ระหว่างนั้นนายวันมูหะมัดนอร์พยายามชี้แจงเหตุผลการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ระเบียบวาระ แต่ปรากฏว่า มีเสียง สส.ฝ่ายค้านตะโกนแทรกดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เรียกร้องให้ประธานฯเปิดไมโครโฟนให้สมาชิกได้แสดงความเห็น ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงที่ดัง มีสีหน้าขึงขังว่าถ้าไม่อยู่ในระเบียบ จะให้เจ้าหน้าที่มาเชิญ มาว่าตนเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลหรือ แต่ สส.ฝ่ายค้านก็ยังตะโกนสวนกลับมาตลอด จนประธานที่ประชุมต้องขอให้ประธานวิปแต่ละฝ่ายไปช่วยดำเนินการ

สั่งพักประชุมเบรกเหตุวุ่นวาย

ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พยายามอธิบายว่าไม่ติดใจที่ประธานอนุญาตให้นับองค์ประชุม แค่ต้องการแสดงความเห็นหารือว่า จะมีทางออกวิธีอื่นหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยให้สิทธิสมาชิกอภิปรายแสดงความเห็นได้ ในกรณีขอนับองค์ประชุม ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่าจะไปดื้อเอาตามใจแต่ละคนไม่ได้ มาใส่ร้ายว่า ตนไม่เป็นกลาง ถ้าไม่เป็นกลางคงไม่บรรจุวาระให้ตั้งแต่ต้น ระหว่างนั้น น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ เสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ แต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย แย้งว่าการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อต้องให้ที่ประชุมรัฐสภาอนุมัติ และต้องตรวจสอบองค์ประชุมก่อน แต่บรรยากาศในห้องประชุมยังคงประท้วงกันต่อเนื่อง ทำให้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอพักการประชุม ให้ทุกฝ่ายหารือหาทางออก นายวันมูหะมัดนอร์จึงสั่งพักประชุม 20 นาที

ไปไม่รอดสภาล่ม 2 วันติด

ต่อมาเวลา 10.35 น. หลังกลับมาประชุมอีกครั้ง นายพริษฐ์กล่าวว่า ทราบถึงความกังวลใจของฝ่ายรัฐบาล แต่ฝ่ายค้านไม่ได้กังวลใจเช่นนั้น เชื่อว่ายังสามารถเดินหน้าพิจารณาได้ แต่นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติขอให้นับองค์ประชุมด้วยวิธีเสียบบัตรแทนการขานชื่อ ในที่สุดนายวันมูหะมัดนอร์กดออดเรียกสมาชิกตรวจสอบองค์ประชุม ผลปรากฏว่ามีผู้แสดงตนเป็นองค์ประชุมเพียง 175 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม แม้นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พยายามเสนอให้นับคะแนนใหม่อีกครั้ง แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ไม่สนใจ สั่งปิดประชุมทันทีในเวลา 10.47 น.

140 สส.เพื่อไทยไม่แสดงตน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการตรวจสอบผลการแสดงตนของสมาชิกรัฐสภา ที่มีผู้แสดงตนเพียงแค่ 175 เสียง จากที่มีสมาชิกมาลงชื่อเข้าร่วมประชุม 620 คน พบว่าพรรคเพื่อไทยแสดงตนเพียง 2 คน เท่านั้นคือ นายวรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี กับนายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี ขณะที่ สส.อีก 140 คน ไม่แสดงตน พรรคประชาชน แสดงตน 135 คน ไม่แสดงตน 4 คน อาทิ นายวาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แสดงตน 2 คน คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ ที่เหลือ 23 คน ไม่แสดงตน พรรคชาติไทยพัฒนา แสดงตน 1 คน คือนายนพดล มาตรศรี สส.สุพรรณบุรี อีก 9 คนไม่แสดงตน พรรคพลังประชารัฐ แสดงตน 2 คน คือ นายทวี สุระบาล สส.ตรัง และนายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช อีก 18 คนไม่แสดงตน พรรคประชาชาติ แสดงตน 1 คน คือนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อีก 8 คนไม่แสดงตน

สว.สีน้ำเงิน 171 คนไม่ร่วมโหวต

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม พรรคไทยสร้างไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคไทรวมพลัง พรรคไทยก้าวหน้า พรรคประชา ธิปไตยใหม่ พรรคเสรีรวมไทย ไม่แสดงตนทั้งพรรค ขณะเดียวกันในส่วน สว.มีแสดงตน 28 คน เป็น สว.ในกลุ่มพันธุ์ใหม่ อาทิ นายอภินันท์ เผือกผ่อง นายชิบ จิตนิยม น.ต.วุฒิพงศ์ พงษ์สุวรรณ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย นางอังคณา นีลไพจิตร นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ส่วนที่เหลือ 171 คน ซึ่งเป็น สว.สีน้ำเงิน ไม่แสดงตน รวมถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และรองประธานรัฐสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ และนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา

พท.โอดจำใจต้องล่มประชุม

ต่อมาเวลา 11.00 น. นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังองค์ประชุมรัฐสภาล่มว่า เป้าหมายพรรคเพื่อไทยคือ รักษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อยู่ในวาระ ไม่ถูกตีตก หากเดินหน้าประชุมต่อ แล้วลงมติก็ต้องตกไป จึงต้องรักษาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้ เพื่อหาทางนำไปสู่การแก้ไขให้สำเร็จ จึงทำวิธีที่ไม่อยากทำคือ ไม่เป็นองค์ประชุม จะพยายามนำเรื่องสู่ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ได้ ถ้าปล่อยให้ความคลุมเครือดำรงอยู่ ก็แก้ไม่ได้ แต่หากเดินหน้าจนร่างญัตตินี้ตกไป ต้องรอสมัยประชุมหน้ายื่นมาใหม่ แล้วเจอความคลุมเครือเช่นนี้อีก วิธีแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้สำเร็จ ต้องทำให้การวินิจฉัยชัดเจน เป็นทางเดียวที่จะผ่าทางตัน ฝากสื่อถามพรรคประชาชนว่า แนวทางที่เดินมีประโยชน์ให้การแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จอย่างไร ส่วนที่พรรคประชาชนอยากให้พรรคเพื่อไทยไปทำความเข้าใจกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อมาเดินหน้าโหวตนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ สส.ฝั่งรัฐบาล แต่อยู่ที่เสียง สว. เราอยากได้ 67 เสียง แต่ไม่ได้ ทุกคนชอบถามหาความรับผิดชอบจากนายกฯว่าจะรับผิดชอบอย่างไร นายกฯก็ให้พรรคเพื่อไทยเสนอแทน ในทางการเมือง นายกฯจะแสดงภาวะผู้นำอย่างไรกับพรรคเหล่านั้นก็ต้องดูต่อ แต่ความรับผิดชอบที่นายกฯทำต่อรัฐธรรมนูญคือ ให้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้ เราก็ทำเต็มที่

จ่อยื่นญัตติส่งศาลตีความเอง

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะทำประชามติกี่ครั้ง พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมรายชื่อให้เกิน 40 คน เพื่อเสนอญัตติใหม่ มาบรรจุในวาระการประชุมรัฐสภา เป็นลำดับ 4 จะรวบรวมให้เสร็จในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ประธานรัฐสภาเปิดประชุมโดยเร็วที่สุด จะไม่ใช้ญัตติ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.ที่เสนอไว้ อยากทำใหม่ไม่ให้เกิดความสับสน มั่นใจว่านำมาพิจารณาได้ ไม่เป็นญัตติซ้ำ หลังที่ประชุมลงมติไม่เลื่อนญัตติ นพ.เปรมศักดิ์มาพิจารณา เรื่องนี้เป็นแค่การขอเลื่อน ญัตติยังอยู่ไม่ได้ตกไป

โต้เล่นบทตีสองหน้าแก้ รธน.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ประชุมรัฐสภาล่มระหว่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ จนถูกมองพรรคเพื่อไทยเล่นสองหน้าว่าอย่าไปคิดเยอะ เป็นเอกสิทธิ์แต่ละคน รอให้คุยกันก่อน แล้วค่อยว่ากัน กรณีที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบต่อรัฐบาล เป็นเรื่องของสภาฯ เป็นกฎหมายของ

พรรคการเมือง ไม่ใช่ของรัฐบาล

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทางออกดีที่สุดเรื่องนี้คือชะลอการแก้รัฐธรรมนูญไว้ก่อน และหาทางส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คิดว่าครั้งนี้ศาลจะรับวินิจฉัย เพราะประธานรัฐสภาบรรจุการแก้รัฐธรรมนูญเข้าระเบียบวาระ แสดงว่ามีความขัดแย้งขึ้นแล้ว ศาลควรจะวินิจฉัย ตราบใดที่ยังไม่เคลียร์จะทำประชามติกี่ครั้ง ปัญหาจะวนกลับมาเหมือนเดิม

นายกฯปิดปากตอบปมสภาล่ม

เมื่อเวลา 11.25 น. ที่โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “Sustainable Thailand-Advancing with Reforms” ในงานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่ประชุมร่วมรัฐสภาล่มในวาระพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่นายกฯไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด ขึ้นรถกลับทำเนียบรัฐบาลทันที

รทสช.ไม่งอแงแก้รัฐธรรมนูญ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า รทสช.ไม่ขัดข้องการแก้รัฐธรรมนูญ แต่วิธีแก้ต้องทำให้ถูกกฎหมาย และไม่แตะหมวด 1 และ 2 หรือไปกระทบการปราบปรามทุจริต อะไรเป็นประโยชน์พร้อมร่วมทำ ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่วาระเร่งด่วน นายเอกนัฏตอบว่าแล้วแต่การตัดสินใจพรรคร่วมรัฐบาล ถามว่าให้ความสำคัญไหม ก็คงไม่ใช่ แต่หากต้องการผลักดัน โดยไม่ขัดเงื่อนไขที่ประกาศไว้ พรรคก็ไม่ขัดข้อง ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันแก้รัฐธรรมนูญ แต่ติดตรงที่ต้องทำตามกระบวนการ ส่วนตัวคิดว่าถ้าไม่บรรจุแต่แรกคงไม่มีปัญหา รทสช.ไม่สังฆกรรมกับการแก้มาตรา 112 หรือแก้แบบไม่มีหลักประกันจะไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2

“เสี่ยหนู” พร้อมคุยนายกฯแก้ รธน.

ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จุดยืนพรรคภูมิใจไทยเหมือนเดิมคือ ไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม หากมีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย พร้อมให้ความร่วมมือ การให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เราไม่เสี่ยง หากนายกฯเรียกไปหารือเรื่องการผลักดันแก้รัฐธรรมนูญ ก็พร้อมไป แต่เชื่อว่านายกฯคงไม่กล้าเรียกไปหารือ เพื่อให้พรรคภูมิใจไทยกลับจุดยืน ส่วนที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กดดันพรรคใดไม่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ ให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ในทางปฏิบัติของพรรคร่วมรัฐบาล คนที่จะพูดคุยกันคือหัวหน้าพรรคกับหัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรค นอกเหนือจากนี้ไม่นับเป็นสาระ ฟังไปก็เปลืองพื้นที่สมอง ตนหารือนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตลอดเวลา ไม่เห็นมีอะไรแบบที่นายก่อแก้วพูด แค่นี้ก็รู้แล้ว ใครพูดแล้วมีน้ำหนัก ใครพูดแล้วไม่ต้องไปฟัง

เผยนายกฯเข้าใจบทบาท ภท.

ต่อมาเวลา 14.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลาหารือ 1 ชั่วโมง จากนั้นนายอนุทินกล่าวว่า มาหารือกับนายกฯ เพราะถึงคิวพรรคภูมิใจไทยจัดดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล นัดไว้วันที่ 25 ก.พ. ส่วนสถานที่ให้นายกฯกำหนด ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ประชุมรัฐสภาล่ม ได้เคลียร์ใจนายกฯหรือยัง นายอนุทินตอบว่าไม่ต้องเคลียร์ เพราะไม่มีความวุ่นวาย นายกฯเข้าใจความวุ่นวายของสภา ไม่เกี่ยวข้องกับครม. บอกว่าต้องพูดคุยกันบ่อยกว่านี้ ได้แจ้งกับนายกฯ ไปว่า เพิ่งทราบว่ามีร่างประกบตอนที่วาระการประชุมออก นายกฯเข้าใจไม่ใช่เรื่องฝ่ายบริหาร เป็นเรื่องนิติบัญญัติ ยืนยันไม่มีความขัดแย้ง

ท้ายุบสภาคืนอำนาจประชาชน

ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงภายหลังการประชุมรัฐสภาล่มเป็นวันที่สองว่า ผิดหวังมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ระหว่างพักประชุมได้หารือ 2 ฝ่าย เพื่อให้เปิดอภิปราย แต่เมื่อกลับมาประชุมใหม่ ฝ่ายรัฐบาลกลับเดินหน้านับองค์ประชุมจนสภาล่ม ร่างที่เสนอมาเป็นของพรรคเพื่อไทย จึงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เคยหารือเรื่องนี้กับพรรคภูมิใจไทย เพื่อผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นพรรคเพื่อไทยไม่จริงใจผลักดัน การบอกว่าต้องเดินอ้อม ทำให้รัฐสภาล่มให้ญัตตินี้ค้างอยู่ในรัฐสภา เป็นเพียงข้ออ้าง เป็นการไม่เคารพเสียงประชาชน นายกฯในฐานะถือ อำนาจสูงสุด สามารถไปเจรจาคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล แสดงเจตจำนงชัดเจนให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยเคารพเสียงประชาชน หากไม่สามารถทำได้ นายกฯก็มีอำนาจยุบสภาคืนเสียงให้ประชาชน

บี้นายกฯเคลียร์ข้อขัดแย้ง ภท.

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า ขอถามพรรคเพื่อไทยว่า เหตุที่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย เป็นเพราะข้อกฎหมายหรือเป็นความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลกันแน่ ไม่ใช่แค่เรื่องรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ เช่น กฎหมายกลาโหม พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทางออกจึงไม่ใช่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่นายกฯต้องเป็นเจ้าภาพแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่าง หากไม่สามารถแก้ปัญหาความแตกต่างในรัฐบาล หรือใช้อำนาจในฐานะนายกฯได้ ควรยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน

“อนุทิน” เดือดสบถ “หน้าตัวเมีย”

ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการกล่าวหาพื้นที่สนามกอล์ฟของนายอนุทินที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทับซ้อนกับที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ว่า ไม่ใช่สนามกอล์ฟตน แต่เป็นสนามกอล์ฟของครอบครัว เท่าที่ทราบการได้มาของที่ดินสนามกอล์ฟแปลงนี้ได้มาโดยสุจริต เป็นโฉนดทุกใบ มีเอกสารสิทธิถูกต้อง ไม่ใช่ไปได้มาก่อนแล้วมาออกโฉนด ได้มาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่เห็นมีใครมีปัญหา แต่พอมาอยู่ตรงนี้ เรื่องนี้ก็โผล่ขึ้นมา “ผมว่าหน้าตัวเมียแต่ก็พร้อมให้ตรวจสอบ เมื่ออีกฝ่ายเล่นนอกเกม ถ้าเป็นฝ่ายการเมืองมาเล่นแบบนี้ก็หน้าตัวเมีย คุณหมาแก่เอาไปออกรายการแบบนี้ยังไม่ตรวจสอบ เอาไปออกโดยไม่ถามสักคำ” จากนั้นนายอนุทินได้ยักไหล่ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่รู้สิรับงานหรือเปล่า”

จดบัญชีแค้นทบต้นทบดอก

ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นใบสั่งการเมือง 500 ล้านเปอร์เซ็นต์ เมื่อถามย้ำว่ารู้หรือไม่ว่าเป็นกลุ่มใด นายอนุทินตอบว่า มีใครไม่รู้ล่ะ ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเป็นเรื่องการเมือง จะเกิดความบาดหมางกันหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ถ้าทำกันขนาดนี้ ลงบัญชีไว้ ดอกทบต้น ยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวได้มาอย่างสุจริต ไปซื้อจากชาวบ้าน มีโฉนด มีเอกสารสิทธิ ไปโอนที่กรมที่ดิน ซื้อขายโดยบริสุทธิ์ ถ้าบอกว่าโฉนดใบนี้ออกไม่ถูกต้องเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ต้องไปตามกับคนที่ออกเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ถ้าเขาบอกว่าผิด กรมที่ดินต้องจ่ายค่าเสียหายมาในราคาตลาด ทั้งนี้ นายกฯได้สอบถามถึงกรณีปัญหาที่ดินดังกล่าว ก็ได้อธิบายไปทั้งหมดแล้ว กรมที่ดินต้องออกมาปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ขนาดรองนายกฯและ รมว.มหาดไทยยังโดนแบบนี้ ประชาชนทั่วไปจะไปสู้ได้อย่างไร เมื่อถามว่า มีขบวนการลดอำนาจต่อรองพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่เคยต่อรอง ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการไปยื่นให้ดีเอสไอตรวจสอบที่มา สว. ในข้อหาอั้งยี่ รวมถึงนายอนุทินมาถูกตรวจสอบเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟของครอบครัวในช่วงนี้ นายอนุทินตอบว่า การตั้งข้อหาดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับตน ใครทำอะไรต้องรับผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเอง ยืนยันว่าไม่อึดอัด เพราะทำงานกับนายกฯ ให้ความร่วมมือรัฐมนตรีทั้งหลาย ไม่ได้ไปเป็นลูกน้องเขา แต่เป็นลูกน้องนายกฯ ในความเป็นรัฐบาล

ขู่เปิดภาพถ่าย “บิ๊กโจ๊ก” มาบ้าน

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวถึงกรณีการเผยแพร่คลิปภาพและเสียงสนทนากับนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ว่า การที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ปฏิเสธไม่ได้เดินทางไปด้วย และไม่ได้เป็นคนถ่ายคลิปนั้น ที่บ้านมีตำรวจ 4-5 นาย ตั้งแต่รองผู้กำกับการ ถึงสารวัตร คอยถ่ายรูปเวลามีคนมาบ้าน วันที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์มาก็ถ่ายรูปไว้เช่นกัน พร้อมเป็นพยาน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์คงไม่ทราบ ทำไมกล้าปฏิเสธ ความจริงคือความจริง ขณะนี้ตำรวจไซเบอร์เรียกไปให้ข้อมูล สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ประธานสภาฯโกหกไม่ได้ จริงคือจริง ไม่จริงคือไม่จริง ส่วนคลิปที่ปล่อยออกมา เพื่อเขย่าเก้าอี้ประธานสภาฯหรือไม่นั้น ขอถามว่าเลื่อยทำไมเก้าอี้ประธานสภาฯ ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ส่วนจะดำเนินคดีกับผู้ปล่อยคลิปหรือไม่ ให้ความเมตตาดีกว่า แต่หากยังดำเนินการเพิ่มเติมให้เสียหาย จะพิจารณาอีกครั้ง หลังจากเกิดเรื่องยังไม่ได้คุยกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์

ลุ้น 20 ก.พ. ส่งตัว “ปูอัด” ให้ตำรวจ

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าเรื่องที่ตำรวจขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ไปดำเนินคดีตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่นั้น หนังสือขอจับกุมตัวของตำรวจส่งมาถึงสภาฯแล้ว ได้บรรจุเป็นวาระประชุมวันที่ 20 ก.พ. จะอนุมัติหรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ส่วนจะนำเข้าคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบหรือไม่ ต้องดูว่ามีผู้ร้องเข้ามาหรือไม่

สส.–สว.หญิงยื่นสอบจริยธรรม

ที่รัฐสภา น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ประธานชมรมรัฐสภาสตรีไทย น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลาย
ทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อม สส.และ สว.หญิง ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า ที่ถูกออกหมายจับคดีล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน อาจสร้างความเสื่อมเสียให้กับสภาผู้แทนราษฎร น.ส.วิสาระดีกล่าวว่า ชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรีไทย ขอให้นายไชยามพวานแสดงสปิริตลาออกไปต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมาย ให้สถาบันนิติบัญญัติและการท่องเที่ยวของประเทศไทยไม่ด่างพร้อย
มากกว่านี้ นายพิเชษฐ์กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้ และส่งให้คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการต่อไป

ผลักดันความร่วมมือรัฐ–เอกชน

ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในงาน JFCCT Prime Minister’s Address Luncheon 2025 ของหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย หัวข้อ “Sustainable Thailand - Advancing with Reforms” โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันสนับสนุนการพัฒนา ทุกมิติของประเทศไทยจนทำให้อันดับของการพัฒนาที่ยั่งยืนจัดโดย UN ส่งผลไทยแลนด์ยืนที่ 1 ในอาเซียน 6 ปีซ้อน รัฐบาลมีความมุ่งมั่น สร้างการเติบโตและยืดหยุ่นให้ประเทศไทยในระยะยาว ความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐกับเอกชนจะช่วยนำทางประเทศไทย เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างความสำเร็จระยะยาวในเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รัฐบาลมุ่งมั่นเปลี่ยนการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมให้เติบโตที่ยั่งยืน