“นายกฯอิ๊งค์” การันตีไม่ปรับ ครม. ลั่นคนอื่นตอบมันไม่ใช่คำตอบ ย้ำหนักแน่นอ่านข่าวแลกกระทรวงเป็นมหากาพย์ แต่ไม่ตรงกับที่คิดสักนิด แจงเพิ่งมาเป็นนายกฯไม่นาน อยากให้งานต่อเนื่อง ลั่นพร้อมแจงซักฟอกแต่ขอให้ตรงประเด็น “ประธานวิปรัฐบาล” ขอเนื้อๆเน้นๆแค่ 2 วันพอ ตีกันขุดปมชั้น 14 ตีกินอภิปราย “ทักษิณ” ไม่ได้ “โรม” ขู่ฟ่อถึงเวลาปล่อยของโชว์ไม้เด็ด อุบแฉภาคต่อตัวละครใหม่ทุนเทาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จี้รัฐบาลขยายผลปราบ “ทุนไทยเทา” ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ-นักธุรกิจมากคอนเนกชันโยงผู้บริหารระดับสูงของประเทศ เปรียบเป็นไวรัสร้ายกัดกินประเทศ “อภิสิทธิ์” ต้านกาสิโน-พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ซัดได้ไม่คุ้มเสีย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุมีความคืบหน้าในการกระชับความร่วมมือในอุตสาห กรรมแห่งอนาคต พร้อมยืนยันหนักแน่นจะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่กระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้

“อิ๊งค์” ปลื้มจีนร่วมมือแห่งอนาคต

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ (X) ถึงผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปว่า นอกเหนือจากเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผลสำเร็จจากการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ยังได้พบหารือกับผู้นำระดับสูงของจีนอีกสองท่านที่กรุงปักกิ่งด้วย คือนายหลี่ เฉียง นายกฯจีน ทั้งสองฝ่ายพร้อมกระชับความร่วมมือในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล การพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาค รวมถึงรถไฟความเร็วสูง และได้ เชิญนายหลี่ เฉียง เยือนไทยในโอกาสปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน ท่านได้ตอบรับด้วยความยินดี และได้พบหารือนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน เห็นพ้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น และส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ด้วยทุนการศึกษา วัฒนธรรมและ soft power ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและเร่งรัดให้เป็นรูปธรรมในโอกาสแรก เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีนและการดำเนินความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งในอนาคต 50 ปีข้างหน้าต่อไป

...

กลับถึงไทยครอบครัวรอรับอบอุ่น

ต่อมาเวลา 15.40 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางถึงประเทศไทย หลังเดินทางเยือนสาธารณรัฐ ประชาชนจีน เมื่อมาถึงมีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ด.ญ.ธิธาร สุขสวัสดิ์ บุตรสาว และ ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ บุตรชาย รอรับนายกฯ ทันทีที่มาถึง น.ส. แพทองธารรีบเดินไปกอดและหอมลูกๆก่อนเดินมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

ยินดีตอบซักฟอกขอให้ตรงประเด็น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันที่ 27 ก.พ. น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยินดีตอบทุกคำถาม หลังจากนี้ จะให้วิปรัฐบาลคุยกัน เมื่อถามว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายประเด็นชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่มีจะแปลกใจ เมื่อถามว่าเตรียมรับมืออย่างไร นายกฯกล่าวว่า “ค่ะ” เมื่อถามย้ำว่า นายกฯจะลุกขึ้นชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ต้องนัดแนะกันก่อนว่าอย่างไร เพราะต้องเตรียมกันก่อน ไม่อย่างนั้นจะพูดทับซ้อนกันไปมา แล้วประชาชนเสียเวลาฟัง เอาเรื่องที่ตรงประเด็นดีกว่า ไม่อยากให้เป็นเอพพิโซดหนึ่งของซีรีส์อะไรสักอย่าง อยากให้เป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ทำแบบนี้ ใช่หรือไม่ใช่ ตรงประเด็นกันดีกว่า

ตอบเสียงดังฟังชัดไม่ปรับ ครม.

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะ รัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธารส่งเสียงอุทานว่า “อะ” พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่ปรับค่ะๆ ข่าวแบบนี้ออกมา ถ้าดิฉันเป็นรัฐมนตรีจะรู้สึกว่าเอ๊ะเราจะโดนปรับหรือเปล่า มันสร้างความสั่นคลอนโดยไม่จำเป็น ไม่ได้จะปรับ และจริงๆถ้าจะปรับคงต้องมีการพูดคุยในเนื้องานก่อน อยากให้งานต่อเนื่อง เพิ่งมาเป็นนายกฯไม่นาน อยากให้งานต่อเนื่อง รัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมายังเป็นได้ไม่นาน เราต้องอาศัยความต่อเนื่องของการทำงาน และจำเป็นมากๆที่ทุกกระทรวงต้องรู้สึกปลอดภัยและแข็งแรงทำงานต่อได้ พอมีอะไรออกมาแบบนี้ไม่ดี การจะบอกว่าปรับ ครม.หรือไม่ จะเป็นคนตอบเอง คนอื่นตอบมันไม่ใช่คำตอบ”

ฟังข่าวมหากาพย์ไม่ตรงที่คิดสักนิด

เมื่อถามว่า กระแสข่าวที่ออกมาระบุ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมจะกลับเข้ามาเป็นรัฐมนตรี รวมถึงมีการสลับกระทรวงในพรรคร่วมรัฐบาล โดยการปรับ ครม.จะเกิดขึ้นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ได้ฟังข่าวเช่นกัน รู้สึกว่ามาเป็นมหากาพย์เหมือนกัน ไม่มีอะไรตรงกับสิ่งที่คิดเลยแม้แต่นิดเดียว

“วิสุทธิ์” ขอซักฟอกเนื้อๆ 2 วันพอ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันที่ 27 ก.พ.ว่า ต้องดูความพร้อมของ รัฐบาลว่าจะให้อภิปรายวันไหน เมื่อฝ่ายค้านยื่นแล้วต้องคุยในวิป 3 ฝ่าย เพื่อหาเวลาที่เหมาะสมว่านายกฯต้องอยู่ รัฐมนตรีต้องอยู่ ตอนนี้เหมือนเป็นการเผาหัวมองว่าไม่มีอะไรน่ากังวลถ้าฝ่ายค้านไม่ยื่นอภิปรายก็จะเป็นเรื่องผิดปกติ ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ ฝ่ายรัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจง ไม่มีอะไร น่าเกรงขาม และเท่าที่ฟังการทำหน้าที่ของรัฐบาลก็ไม่มีเรื่องทุจริตอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านบอกจะใช้เวลา 5 วัน จะขอนั้นขอได้แต่จะให้ได้หรือไม่เป็นเรื่องที่วิป 3 ฝ่ายต้องคุยกัน ทางปฏิบัติตั้งแต่ตนอยู่สภาฯมาไม่เคยมีการใช้เวลาขนาดนั้น ขอให้เอาเนื้อๆมาอภิปรายน้ำอย่าเอา มองว่า 2 วันน่าจะเพียงพอแล้วไปลงมติกันวันที่ 3

ตีกันอภิปราย “ทักษิณ” ไม่ได้

นายวิสุทธิ์กล่าวอีกว่า เอาแบบชัดๆตรงๆ อยากฟังว่าใครทุจริตอย่างไร ทำให้เกิดความเสียหายอย่างไรให้ว่าไป จะได้ไม่เสียเวลาประชาชนที่รอฟัง การอภิปราย ส่วนที่จะอภิปรายเรื่องชั้น 14 นั้น มองว่า ถ้าอภิปรายรัฐมนตรีว่าใครบกพร่องสามารถทำได้ แต่อภิปรายนายทักษิณ อดีตนายกฯ ไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ถ้าอภิปรายทำให้คนภายนอกเสียหาย ต้องรับผิดชอบ เพราะเขาไม่สามารถชี้แจงได้ ต้องว่าไปตามข้อบังคับ

มั่นใจไม่มีปรับ ครม.หนีซักฟอก

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีที่ออกมาช่วงนี้ นายวิสุทธิ์ตอบว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของนายกฯ ตนอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ขอก้าวล่วง แต่ถ้าจะมีการปรับเกิดขึ้นคงเกิดหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว ที่มีบางคนบอกว่าจะปรับก่อนอภิปรายเพื่อหนีการซักฟอกนั้นไม่จริง ไม่มีใครกลัวเพราะเขามีความพร้อมในการชี้แจงอยู่แล้ว

ขอข้อมูลชัดอย่าเหวี่ยงแหตัดแปะข่าว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. กล่าวว่า การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ รัฐบาลไม่ปิดกั้นการตรวจสอบถ่วงดุล หรือปิดรับข้อเสนอแนะจากพรรคฝ่ายค้าน แต่ขอว่าข้อมูลที่อภิปรายควรมุ่งเป้าไปที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นหลัก ไม่ใช่เหวี่ยงแห ตัดแปะ ข่าวโซเชียลแล้วเอายำรวมกัน หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจตามฤดูกาล ประชาชนจับทางได้หมดแล้ว โดยเฉพาะประเด็นที่จะอภิปรายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฝ่ายค้านบางพรรคจองกฐินจะนำมาอภิปราย ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นรัฐบาล เป็นบุคคลภายนอกที่ไม่สามารถใช้สิทธิพาดพิงมาอภิปรายชี้แจงได้ ข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจถ้าเด็ดจริง ไม่ต้องใช้เวลาถึง 5 วัน อภิปรายกระชับๆเข้าประเด็น จะมีประสิทธิภาพมากกว่า และพรรค พท.ไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายน้ำท่วมทุ่งออกทะเล ประชาชนตัดสินใจได้ คะแนนนิยมที่ตกต่ำมีแนวโน้มจะตกต่ำลงไปอีก

ปชป.ติงอยู่ที่สาระมากกว่าเวลา

น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงพรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันที่ 27 ก.พ.ขอเวลาอภิปราย 5 วันว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลควรเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ระยะเวลาการอภิปรายวิปสองฝ่ายต้องคุยกัน ดูจากประเด็นและจำนวนผู้ถูกอภิปราย ปกติจะกำหนดไม่เกิน 3 วันสมเหตุสมผล ถ้าต้องการถึง 5 วัน อาจต้องพิจารณาจะทำให้การอภิปรายมีประสิทธิภาพหรือไม่ ฝ่ายค้านมีสิทธิขอเปิดอภิปราย แต่ต้องมีสาระ ไม่ใช่ใช้เวทีนี้เพียงเพื่อโจมตีทางการเมืองรัฐบาลพร้อมตอบทุกคำถาม แต่ต้องการให้มีการพิจารณาอย่างเป็นธรรม เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะชี้แจงประเด็นได้ครบถ้วน หวังว่าการอภิปรายจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเดียว

“โรม” ขู่ถึงเวลาปล่อยของโชว์ไม้เด็ด

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ มีความพิเศษแตกต่างจากรอบที่แล้วที่อภิปรายตามมาตรา 152 แบบไม่ลงมติ รอบนี้ถึงเวลาต้องปล่อยของ เท่าที่ทราบข้อมูลเพื่อน สส.เด็ดจริงๆมีครบทุกรูปแบบ ทั้งการบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด การทุจริตคอร์รัปชัน เป็นต้น 5 วันจะพอหรือเปล่า เพื่อน สส.เข้าชื่อกันเยอะ ไม่ใช่แค่พรรค ปชน. พรรคฝ่ายค้านอื่นๆคงมีข้อมูลทีเด็ด ข้อมูลลับเตรียมมาแฉเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงว่าฝ่ายค้านจะพูดน้ำท่วมทุ่ง ประชาชนดูอยู่ อย่าไปกลัวการตรวจสอบ อย่ากลัวว่าจะเป็นข้อมูลไม่เด็ด รัฐบาลจะเห็นเอง อย่ามาต่อรองเวลาเลย ปล่อยให้เราทำหน้าที่เต็มที่ดีกว่า

อุบตัวละครใหม่ทุนเทาแก๊งคอลฯ

เมื่อถามว่าเคยเปิดชื่อนายพลตำรวจ “ต.เต่า” ซักฟอกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จนถึงรัฐบาลตัดไฟ 5 จุดชายแดนไทย-เมียนมา อภิปรายรอบนี้จะเปิดเผยตัวละครใหม่ๆอีกหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องจะแฉต่อในศึกซักฟอกเป็นเรื่องอะไรยังพูดได้ไม่เยอะ เก็บข้อมูลเป็นความลับ แต่ยืนยันข้อมูลซักฟอกเกิดจากรัฐบาลบริหารงานล้มเหลว ไม่มีประสิทธิภาพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์เคยพูดยุคที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ พูดก่อนจะมีมติ ครม.สั่งการให้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ตามต่อไม่แน่ใจว่าสุดท้ายรัฐบาลจะขยับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน เห็นใช่ไหมแค่เรื่องไฟฟ้าโยนกันเป็นวอลเลย์บอลเลย กว่าจะดำเนินการแต่ละขั้นตอนยากเย็นแสนเข็ญ สะท้อนความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลในการเผชิญกับบรรดาทุนสีเทา

จี้ขยายผลปราบ “ไทยเทา” ไวรัสร้าย

“ต้องดูต่อไปว่าการขยับของรัฐบาลเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องไม่หมดเท่านี้ ถ้ารัฐบาลจะเอาแค่นี้จะเลี้ยงไข้ เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์มันมีเรื่องทุนไทยเทาด้วย มันไม่มีการจัดการปราบปรามอะไรเลย คำถามคือมันหมายความว่าอย่างไร คือสุดท้ายปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ทุนไทยเทาซึ่งเป็นไวรัสร้ายของประเทศไทยยังคงอยู่ ต้องใช้จังหวะนี้ขยายผลปราบปรามให้สิ้นซาก อยากให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกปราบเร็วที่สุด เพราะสร้างความเสียหายแก่ประชาชน ไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมืองใดๆ อยากเห็นรัฐบาลมีประสิทธิภาพ และไปขยายผลปราบปรามเอาเอง ไม่ใช่ต้องมารอว่าให้ฝ่ายค้านเอาข้อมูลไปให้ ต้องรอให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ พวกท่านทั้งหลายเป็นรัฐบาลมีอำนาจมากกว่าผม ควรขยายผลด้วยตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ ก็ควรให้คนอื่นที่มีความสามารถมาทำหน้าที่ตรงนี้” นายรังสิมันต์กล่าว เมื่อถามว่าแสดงว่าภาพรวมไม่ใช่แค่จีนเทา แต่มีไทยเทาด้วย ที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการขยายผลต่อ นายรังสิมันต์ตอบว่า เรื่องจีนเทาต้องยอมรับว่ามันก็อาจจะเป็นนักธุรกิจ อาจเป็นมาเฟีย อาจเป็นอาชญากร แต่ความน่ากลัวของไทยเทามันอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจทางกฎหมาย ใช้อำนาจในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นนักธุรกิจก็อาจจะ มีคอนเนกชันกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศ ดังนั้น คิดว่าเหล่านี้ควรจะมีการจัดการให้สิ้นซากเช่นกัน

บี้ มท.–พลังงาน–บัวแก้ว–กห.ทำหน้าที่

เมื่อถามว่า ขบวนการไทยเทาที่กำลังจะชี้ให้เห็น สถานีต่อไป เกี่ยวข้องกี่กระทรวงที่จะโดน นายรังสิมันต์ ตอบว่า จริงๆคงจะเกี่ยวเยอะ แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกี่ยวข้อง กับหลายหน่วยงานเยอะไปหมด แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเห็นหน่วยงานต่างๆ สามัคคีกันปกป้องแก๊งคอลเซ็นเตอร์มานมนานขนาดนี้ ทั้งที่ตำรวจควรจัดการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยควรจะจัดการทำหน้าที่ตัวเองให้ดี เมื่อถามย้ำว่า เกิน 3 กระทรวงหรือไม่ที่ต้องรับผิดชอบ นายรังสิมันต์ ตอบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ ปราบปรามมีหลายหน่วยงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ หรือตำรวจมีหน้าที่ กระทั่งกระทรวงพลังงานยังเกี่ยวเลย ถ้าเกิดไม่ปราบไทยเทา เราจะไม่เห็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหานี้แน่ๆ

พท.ยัง 50 : 50 สว.หนุนแก้ รธน.

อีกเรื่อง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานกรรมการประสานงาน พรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เสนอให้วิปรัฐบาลยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการทำประชามติเพื่อแก้ไข รัฐธรรมนูญ ว่ามีคนคิดจะยื่นอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติของการเมือง หากศาลรับเรื่องไว้พิจารณา ต้องยุติ การลงมติไว้ก่อน แต่การอภิปรายคงเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ คือ วันที่ 13-14 ก.พ. ผู้สื่อข่าวถามว่า วิปรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย จะไม่มีการยื่นใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า พวกตนไม่ได้ยื่น แต่พรรคอื่นไม่ทราบว่าเขาคิดอย่างไร ในนามพรรค พท.คงไม่ทํา เพราะเราอยากแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าต้องไปพูดคุย กับ สว.ด้วยหรือไม่กับการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะหลายคนแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ นายวิสุทธิ์ตอบว่า มีบางส่วนที่เป็นนักประชาธิปไตย เห็นด้วย แต่ถึงไม่เห็นด้วยยอมรับในกติกาและรับได้ ทุกทาง ส่วนความมั่นใจจะได้เสียง สว. ถึง 1 ใน 3 ยัง 50 : 50 ไม่สามารถเดาใจ สว.ได้ เป็นไปได้ทุกทาง ทำใจกลางๆไว้ไปได้แค่ไหนต้องยอมรับแค่นั้น

ค้านแก้ ม.256 ปูทางรื้อ รธน.ทั้งฉบับ

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่าหลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธาน รัฐสภา บรรจุระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันที่ 13 -14 ก.พ. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มีการเสนอมา 2 ร่าง คือร่างของพรรคเพื่อไทย (พท.) กับร่างของพรรคประชาชน (ปชน.) ไม่เห็นด้วยและคัดค้านมาตลอด ย้ำจุดยืนชัดเจนว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแก้ได้ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และถ้าจะยกร่างทั้งฉบับโดยไม่ทำประชามติ ขอเตือนว่า สุ่มเสี่ยงมากทั้งต่อผู้เสนอร่างและสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมพิจารณาเห็นชอบร่างด้วย สุ่มเสี่ยงถูกฟ้องเอาผิดฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรงและอาจถูกส่งให้ ป.ป.ช.ถอดถอนได้ เชื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ครั้งนี้คงยากจะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา

“มาร์ค” ร่วมเสวนาค้านกาสิโน

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มเศรษฐ ศาสตร์เพื่อสังคม จัดเสวนาเรื่อง “สังคมเศรษฐกิจไทย ในนโยบายกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย” มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตอาจารย์ ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นางนวลน้อย ตรีรัตน์ ผอ.ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เข้าร่วม โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จุดยืนไม่เห็นด้วยกับการทำพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย หรือตั้งกาสิโน พนันออนไลน์ถูกกฎหมายอันตรายกว่าทำกาสิโน ที่สุด บ่อนพนันจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก มองไม่เห็นข้อดีที่จะนำธุรกิจนี้ขึ้นมาบนดิน ไม่คุ้มค่า กับปัญหาสังคม อาชญากรรม หนี้สินครัวเรือนที่จะ ตามมา กาสิโนยังเชื่อมโยงกับการฟอกเงิน การร่วมทุน จีนทำทุกทางไม่ให้อยู่ในแผ่นดินเขา มีบ่อนในมาเก๊าก็กดดันไม่ให้พึ่งพารายได้ส่วนนี้และยังกดดันหลายประเทศ ถ้าเทียบทำให้บริการทางเพศถูกกฎหมาย ยังจะช่วยเรื่องค้ามนุษย์ หรือการป้องกันปัญหาสังคมได้มากกว่า หากจะมีกาสิโน ไม่มีหลักประกันใดว่าจะไม่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ที่อาศัยกาสิโนฟอกเงิน

จีนเทายึดเป็นที่หมายฟอกเงิน

ด้านนางนวลน้อยกล่าวว่า ประเทศที่ทำกาสิโนถูกกฎหมายแล้วสำเร็จคือสิงคโปร์ ตัวเลขรายได้หลังหักภาษีแล้ว 1.3-1.4 แสนล้าน/ปี แต่ของไทยยังหาตัวเลขไม่ได้ ที่ล้มเหลวคือฟิลิปปินส์ เปิดตั้งแต่ปี 2520 กฎหมายหละหลวมจนถูกขึ้นแบล็กลิสต์ ที่สุดคนท้องถิ่นเล่นแทนจนเกิดปัญหาสังคม ซ้ำรัฐบาล ฟิลิปปินส์เคยถูกรัฐบาลบังกลาเทศฟ้องร้องขึ้นบัญชีสีเทา ตั้งแต่ปี 2564 เพราะแก๊งโจรกรรมเงินทางไซเบอร์ ของธนาคารกลางบังกลาเทศ เงินไหลเข้าบ่อนกาสิโน ที่ฟิลิปปินส์เพื่อฟอกเงิน อีกทั้งรวมแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้ากับบ่อนกาสิโนผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นจำนวนมาก มีคนต่างชาติถูกทรมาน มีการค้ามนุษย์ทุกอย่าง การ ทลายบ่อนกาสิโนในกรุงมะนิลาช่วยคนออกมากว่า 3,000 คน เป็นต่างชาติกว่า 1,000 คน จาก 17 ประเทศ เป็นคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ คนไปเล่นพนันติดหนี้สิน ชนะไม่ใช่จะรอด ถูกจับเรียกค่าไถ่ สุดท้ายประธานาธิบดีต้องประกาศยกเลิกหมดภายใน ธ.ค.67 กาสิโนคือเป้าหมายการฟอกเงิน แม้ชาติตะวันตกที่กำกับดูแลอย่างดี แต่ยังมีพวกฟอกเงินซื้อชิปและแลกเป็นเงินสะอาด จีนเทาคือกลุ่มคนที่จะมาลงทุนเรื่องนี้ นักการเมืองคนหนึ่งบอกว่าไม่ต้องตรวจสอบที่มาเงินที่นำมาเล่นกาสิโน เราจะยอมให้ประเทศถูกทำลายตามแนวคิดนักการเมืองแบบนี้หรือไม่

คนไม่เอา รบ.ไม่กล้าทำประชามติ

นางนวลน้อยกล่าวอีกว่า ในกัมพูชามีบ่อนกาสิโนที่เมืองสีหนุวิลล์ เมืองตากอากาศอันดับหนึ่งของเขา ไม่สกรีนคนมาลงทุน เมื่อเป็นทุนจีนสีเทา มาพร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำผิดกฎหมาย สุดท้ายรัฐบาลกัมพูชายอมให้มีพนันออนไลน์ พอไม่มีคน มาเล่น กลายเป็นเมืองร้าง กลุ่มจีนเทาจึงย้ายมาทำกาสิโนที่เมียนมาในเมียวดีติดชายแดนบ้านเราได้คุยกับตำรวจไซเบอร์ไทยเขายอมรับว่าปอยเปตเป็นแหล่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ วันนี้ ตัดไฟเมียวดีแต่ปอยเปตยังไม่ได้จัดการ ที่สุดจะเป็นปัญหาตามมา เคยสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 8 พันคน ทั่วประเทศ 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วยกับการทำกาสิโน คนเห็นด้วยมีแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ สภาชุดนี้ไม่คิดสอบถามความคิดเห็น หรือทำประชามติเรื่องนี้ รัฐบาลไม่กล้าทำประชามติเรื่องกาสิโน แถมบอกอย่าใช้คำว่ากาสิโน ให้ใช้คำว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะกลัวว่าถ้าทำ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยยังไม่เห็นด้วย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่