ปูพรมขยายผลปฏิบัติการทุบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกองคาพยพ

“นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปักหมุดแดนพญามังกร ประเทศจีน กระทบไหล่ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เจริญสัมพันธไมตรีครบรอบ 50 ปี ไทย-จีน

กรุยทางขยายความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ อาทิ การพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาค เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แลนด์บริดจ์

และไฮไลต์สำคัญคือ การหารือความร่วมมือปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ผู้นำจีนประกาศสนับสนุนการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยกระดับเป็นวาระระหว่างประเทศ

ช็อตต่อเนื่องจากที่รัฐบาลเพิ่งอัดยาแรง ตัดไฟฟ้าในเมียนมา 5 จุด ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ และเบรกการส่งน้ำมัน หั่นระบบสื่อสารและสาธารณูปโภคต่างๆในเมืองที่เป็นแหล่งสแกมเมอร์ ตามมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

“นายกฯอิ๊งค์” รับบทหัวขบวนขุดรากถอนโคนธุรกิจอาชญากรรมออนไลน์ที่หลอกดูดเงินจากบัญชีคนไทย มีตัวเลขความเสียหายมหาศาลกว่า 65,000 ล้านบาท

จ่อขยายพื้นที่ตัดไฟและระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติมไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา ใช้ยาแรงกำราบแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติทุกมิติ

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แม่ทัพด้านความมั่นคงก็ช่วยรุกคืบลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ตรวจตรารอยต่อชายแดนไทย-เมียนมา นั่งหัวโต๊ะติดตามการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด และการกวาดล้างขบวนการทุนจีนสีเทาอีกทาง

ภาวะไฟลนก้น ถึงเวลาต้องเอาจริง เหยียบคันเร่งสกัดภัยต่อความมั่นคง

ไฟต์บังคับที่วัดจากพายุอารมณ์ประชาชนที่กำลังก่อตัวรุนแรง กระตุ้นรัฐบาลรีบขับเคลื่อนมาตรการปราบโจรออนไลน์ข้ามชาติ

อีกปัจจัยสำคัญคือ แรงกดดันจากพญามังกรจีน ส่ง หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฯ มาปักหลักเมืองไทยร่วมสัปดาห์ ประสานรัฐบาลช่วยซีลแนวชายแดน เร่งทุบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

...

ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหู ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีนตำหนิไทยไม่สนใจดูแลบ้านเมืองแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนกระทรวงการต่างประเทศต้องรีบปฏิเสธข่าวลือไม่เป็นความจริง

ปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ สร้างแรงกดดัน บีบรัฐบาลเลิกทำตัวทองไม่รู้ร้อน ทุกหน่วยงานหยุดโยนกลอง หันมาแข็งขันแก้ปัญหา เปลี่ยนเป็นหนังคนละม้วน

หน่วยงานหลักทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน อยู่เฉยไม่ได้ เร่งดำเนินการตามมติ สมช.ด่วนจี๋

แม้แต่ระดับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงยังต้องร่วมตีปี๊บ โชว์บทบาท สทร. เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหา เป็นตัวช่วยรัฐบาลอีกแรง

ปฏิบัติการสลายแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ขยายผลเป็นเกมการเมือง แต่ละพรรคสบโอกาสโหนทุบเมืองบาป กำราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปั่นคะแนนมือเป็นระวิง

เพื่อไทยออกตัวตีปี๊บดังกว่าใคร ในฐานะแกนนำรัฐบาล จังหวะเข้าทาง “นายกฯอิ๊งค์” โชว์บทขึงขังภาวะผู้นำ สั่งตัดไฟในเมียนมาโดยไม่ออกลูกลังเล

แบ่งบทให้นายภูมิธรรม ในฐานะรองนายกฯคุมงานความมั่นคงออกแอ็กชัน ใช้คำสั่ง สมช.สั่ง กฟภ.ตัดไฟเมืองสแกมเมอร์ ส่งต่อให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมแชร์แต้มตัดสัญญาณเน็ต และสัญญาณโทรศัพท์

ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ก็รีบเกาะขบวนระบุพร้อมดำเนินการตัดการส่งน้ำมันไปเมียนมา หากมติจาก สมช.ส่งมาถึงกระทรวงพลังงาน

แต่ที่ดูเสียรังวัดกว่าใครคือ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะกำกับดูแล กฟภ.ตกเป็นจำเลย ถูกมองออกลูกยึกยักไม่กล้าตัดไฟเมียนมา มัวแต่รอคำสั่งจาก สมช.

อาการคลับคล้ายคลับคลาโดนเพื่อนร่วมรัฐบาลแอบทิ่มหลัง กล้าๆกลัวๆในการแก้ปัญหา

ตามจังหวะประจวบเหมาะที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ประมาณเดือน มี.ค.นี้ เลี่ยงไม่พ้นประเด็นความอืดอาดล้างบางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องถูกหยิบไปซักฟอก นำตัวรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาขึ้นเขียง

รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต้องบิดคันเร่ง โชว์ฝีมือสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ตามคิวสุ่มเสี่ยงที่ผู้จัดการรัฐบาลจะนำผลงานทุบปราบอาชญากรรมออนไลน์มาร่วมพิจารณาตัดเกรด ปรับ ครม. ล่าสุดก็เริ่มปล่อยข่าว เขย่าโผ ครม.ลอตใหม่ออกมาแล้ว

ใครทำงานแผ่ว อาจหลุดขบวน ไม่มีชื่อได้ไปต่อ!!!

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม