ศึกเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จว.ทั่วประเทศ บ้านใหญ่ยังแข็งแกร่งยึดฐานที่มั่นได้ถ้วนหน้า พท.พอรอดตัวส่งชิงชัยในนามพรรค 15 จังหวัดกับ 1 สมาชิกพรรคใช้โลโก้ เข้าวิน 10 จังหวัด พ่าย 6 จังหวัด “ทักษิณ” นำทัพกินส้มเซฟเชียงใหม่ ส่ง “สว.ก๊อง” รักษาแชมป์ กู้หน้าซิวเก้าอี้ที่นครพนม-หนองคาย โค่นขาใหญ่ค่าย ภท. “ปชน.” ไปไม่ถึงฝั่งฝันจุดไฟเปลี่ยนแปลง มีเซอร์ไพรส์ 1 เดียว “วีระเดช” คว่ำ “ตระกูลวงศ์วรรณ” เปิดซิงนายก อบจ.ลำพูน “สรวงศ์” ยัน “ทักษิณ” ยังไม่เสื่อมมนต์ขลัง เก็บบทเรียนพลาดเป้าสนามเชียงราย-ลำพูน อุดรูรั่วเตรียมเลือกตั้งใหญ่ “ณัฐพงษ์” ปัดแผนยึด 4 หัวเมืองเหลว ขอโทษตีปี๊บชวนคนใช้สิทธิไม่เข้มพอ ถ้าคนออกมามากกว่านี้มีสิทธิชนะ “ศรายุทธิ์” จี้ กกต.ทบทวนเข้าคูหาวันเสาร์ ฉุดยอดกาบัตรหล่นวูบ “นายกฯอิ๊งค์” อัปเดตผลงานอวดความสำเร็จนโยบายรัฐบาล
ปิดฉากสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 47 จังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ผลสรุปการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ พบว่าภาพรวมผู้สมัครที่เป็นแชมป์เก่าทั้งที่ลงสมัครในนามพรรคการเมืองและลงสมัครอิสระในนามกลุ่มต่างๆยังคงรักษาเก้าอี้เอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่
กกต.แถลง 3 ก.พ. ภาพรวม ลต.อบจ.
เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการเลือกตั้ง อบจ. 47 จังหวัดปิดหีบไปตั้งแต่เวลา 17.00 น. วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังไม่มีการรายงานผลอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สื่อมวลชนได้ติดตามความคืบหน้า ทั้งสถิติจำนวนผู้มาใช้สิทธิ บัตรดี บัตรเสีย รวมถึงผลคะแนนในแต่ละจังหวัด โดยได้สอบถามไปในกลุ่มไลน์ผู้สื่อข่าวประจำ กกต.ว่า วันที่ 2 ก.พ. จะมีการแถลงข่าวภาพรวมการเลือกตั้งหรือไม่ ได้รับคำตอบจากสำนักงาน กกต.ว่า วันที่ 2 ก.พ.ไม่มี แต่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.จะแถลงข่าววันที่ 3 ก.พ. เวลา 09.30 น. ที่สำนักงาน กกต. สรุปภาพรวมการเลือกตั้ง อบจ.และจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง
...
พท.รักษาเก้าอี้ภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวรายงานสรุปผลคะแนนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 47 จังหวัดอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา สรุปได้ดังนี้ ภาคเหนือ 8 จังหวัด จ.น่าน อันดับ 1 นายนพรัตน์ ถาวงศ์ ผู้สมัครพรรค พท.แชมป์เก่าได้ 124,151 คะแนน อันดับ 2 นายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ผู้สมัครอิสระได้ 38,506 คะแนน จ.แพร่ อันดับ 1 นายอนุวัธ วงศ์วรรณ ผู้สมัครพรรค พท.แชมป์เก่าได้ 124,750 คะแนน อันดับ 2 นายประสงค์ ชุ่มเชย ผู้สมัครกลุ่มแพร่พัฒนา ได้ 74,934 คะแนน จ.แม่ฮ่องสอน อันดับ 1 นายอัครเดช วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครกลุ่มดีต่อเนื่อง แชมป์เก่าได้ 71,652 คะแนน อันดับ 2 นายดนุภัทร์ เชียงชุม ผู้สมัครกลุ่มพลังใหม่แม่ฮ่องสอน เครือญาติแชมป์เก่าได้ 26,481 คะแนน
ปชน.เจาะที่มั่นแรกได้ที่ลำพูน
ขณะที่ จ.ลำพูน อันดับ 1 นายวีระเดช ภู่พิสิฐ พรรคประชาชน (ปชน.) ได้ 109,372 คะแนน อันดับ 2 นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ พรรค พท.แชมป์เก่าได้ 103,405 คะแนน จ.พิจิตร อันดับ 1 นายกฤษฏ์ เพ็ญสุภา กลุ่มบ้านสีเขียว เครือข่ายแชมป์เก่าได้ 119,940 คะแนน อันดับ 2 พ.ต.อ.กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ อดีตนายก อบจ. กลุ่มพัฒนา จ.พิจิตร ได้ 56,981 คะแนน จ.เชียงราย อันดับ 1 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครอิสระ แชมป์เก่าได้ 261,301 คะแนน อันดับ 2 นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช อดีตนายก อบจ. พรรค พท.ได้ 243,434 คะแนน จ.เชียงใหม่ อันดับ 1 นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร พรรค พท.แชมป์เก่าได้ 379,341 คะแนน อันดับ 2 นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ พรรค ปชน.ได้ 358,386 คะแนน และ จ.ลำปาง อันดับ 1 นางตวงรัตน์ โล่สุนทร พรรค พท.แชมป์เก่าได้ 196,842 คะแนน อันดับ 2 นายดาชัย เอกปฐพี กลุ่มพลังลำปางได้ 103,802 คะแนน
ภาคใต้แชมป์เก่ายังเหนียว
ภาคใต้ 12 จังหวัด โดย จ.กระบี่ อันดับ 1 นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล ผู้สมัครกลุ่มรักษ์กระบี่ แชมป์เก่าได้ 85,149 คะแนน อันดับ 2 นายปฏิพัทธิ์ กัณณรงค์ ผู้สมัครอิสระได้ 14,763 คะแนน จ.พังงา อันดับ 1 นายบำรุง ปิยนามวาณิช อดีตนายก อบจ. กลุ่มรักษ์พังงาพัฒนาพังงาได้ 52,248 คะแนน อันดับ 2 นายธราธิป ทองเจิม กลุ่มร่วมสร้างพังงา แชมป์เก่าได้ 33,727 คะแนน จ.ภูเก็ต อันดับ 1 นายเรวัต อารีรอบ กลุ่มภูเก็ตหยัดได้ แชมป์เก่าได้ 86,616 คะแนน อันดับ 2 นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล พรรค ปชน.ได้ 44,602 คะแนน จ.สตูล อันดับ 1 นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ กลุ่มสตูลสันติธรรม แชมป์เก่าได้ 56,955 คะแนน อันดับ 2 นายอูมัร อาเก็ม กลุ่มรวมพลังสตูลได้ 52,650 คะแนน
“บุ่นเล้ง” ยังแกร่งครองใจคนตรัง
จ.ตรัง อันดับ 1 นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ กลุ่มนายกบุ่นเล้ง แชมป์เก่าได้ 171,694 คะแนน อันดับ 2 นายยรรยง ตันติตรีญาณ กลุ่มปวงชนศรัทธาได้ 30,467 คะแนน จ.นราธิวาส อันดับ 1 นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน อดีต สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ผู้สมัครอิสระ แชมป์เก่าได้ 187,141 คะแนน อันดับ 2 นายอับดุลลักษณ์ สะอิ กลุ่มเปลี่ยนได้ 177,831 คะแนน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อันดับ 1 นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ กลุ่มประจวบโมเดล แชมป์เก่า ได้ 118,136 คะแนน อันดับ 2 นายนิติ ปลั่งศรีสกุล กลุ่มประจวบหนึ่งเดียวได้ 81,706 คะแนน จ.ปัตตานี อันดับ 1 นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ผู้สมัครอิสระ แชมป์เก่าได้ 194,649 คะแนน อันดับ 2 นายอับดุลอาซิม อาบู ผู้สมัครอิสระได้ 47,998 คะแนน
“โสภา กาญจนะ” ยึดหัวหาดสุราษฎร์ฯ
จ.พัทลุง อันดับ 1 นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร กลุ่มพลังพัทลุง แชมป์เก่าได้ 134,128 คะแนน อันดับ 2 นายสาโรจน์ สามารถ กลุ่มรักพัทลุงได้ 90,806 คะแนน จ.สงขลา อันดับ 1 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม กลุ่มสงขลาพลังใหม่ได้ 290,040 คะแนน อันดับ 2 นายประสงค์ บริรักษ์ กลุ่มสงขลาเข้มแข็ง ได้ 133,656 คะแนน จ.ยะลา อันดับ 1 นายมุขตาร์ มะทา กลุ่มยะลาพัฒนา แชมป์เก่าได้ 144,130 คะแนน อันดับ 2 นายอับดุลลาเตะ ยากัด ผู้สมัครอิสระ ได้ 32,710 คะแนน และสุราษฎร์ธานี อันดับ 1 นางโสภา กาญจนะ กลุ่มพลังสุราษฎร์ได้ 205,479 คะแนน อันดับ 2 นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายก อบจ. กลุ่มคนรักสุราษฎร์ได้ 159,488 คะแนน
“เมีย สจ.โต้ง” ทิ้งขาด “คุณปลื้ม” แบเบอร์
ภาคตะวันออก 6 จังหวัด จ.ตราด อันดับ 1 นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ กลุ่มลูกเมืองตราด แชมป์เก่าได้ 41,445 คะแนน อันดับ 2 นายชลธี นุ่มหนู พรรค ปชน. ได้ 35,588 คะแนน จ.ปราจีนบุรี อันดับ 1 น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยา สจ.โต้ง ที่ถูกยิงเสียชีวิตช่วงปลายปี 2567 สังกัดพรรค พท. ได้ 128,156 คะแนน อันดับ 2 นายจำรูญ สวยดี พรรค ปชน.ได้ 59,529 คะแนน จ.จันทบุรี อันดับ 1 นายธนภณ กิจกาญจน์ ผู้สมัครอิสระ แชมป์เก่าได้ 116,567 คะแนน อันดับ 2 นายมานะ ชนะสิทธิ์ พรรค ปชน.ได้ 66,214 คะแนน จ.ฉะเชิงเทราอันดับ 1 นายกลยุทธ ฉายแสง กลุ่มรวมใจพัฒนา เครือข่ายแชมป์เก่าได้ 173,008 คะแนน อันดับ 2 นายธรรมชาติ พรมพิทักษ์ ผู้สมัครกลุ่มพลังใหม่ได้ 69,629 คะแนน จ.ชลบุรี อันดับ 1 นายวิทยา คุณปลื้ม กลุ่มเรารักชลบุรี แชมป์เก่าได้ 314,944 คะแนน อันดับ 2 น.ส.ชุดาภัค วสุเนตรกุล พรรคปชน. ได้ 157,243 คะแนน และ จ.ระยอง อันดับ 1 นายปิยะ ปิตุเตชะ ผู้สมัครอิสระ แชมป์เก่าได้ 159,649 คะแนน อันดับ 2 นายทรงธรรม สุขสว่าง พรรค ปชน.ได้ 95,429 คะแนน
ภาคกลาง บ้านใหญ่พรึ่บ
ภาคกลาง 10 จังหวัด จ.นครนายก อันดับ 1 นางนิดา ขนายงาม ผู้สมัครกลุ่มอิสระ เครือข่ายแชมป์เก่าได้ 51,360 คะแนน อันดับ 2 นายจักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ พรรค ปชน. แชมป์เก่าได้ 48,087 คะแนน จ.สมุทรสงคราม อันดับ 1 นายเจษฎา ญาณประภาศิริ กลุ่มคนของประชาชนคนสมุทรสงคราม เครือข่ายแชมป์เก่าได้ 30,407 คะแนน อันดับ 2 นางนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย พรรค ปชน.ได้ 23,791 คะแนน จ.สิงห์บุรี นายศุภวัฒน์ เทียนถาวร แชมป์เก่า ไม่มีคู่แข่งได้ 76,031 คะแนน จ.นครปฐม อันดับ 1 นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ กลุ่มชาวบ้าน แชมป์เก่าได้ 186,072 คะแนน อันดับ 2 นายสมพร ภพักตร์จันทร์ ผู้สมัครอิสระได้ 103,297 คะแนน จ.นนทบุรี อันดับ 1 พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ ผู้สมัครกลุ่มผึ้งหลวง แชมป์เก่าได้ 216,021 คะแนน อันดับ 2 นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ พรรค ปชน.ได้ 152,401 คะแนน จ.ลพบุรี อันดับ 1 นางอรพิน จิระพันธุ์วาณิช กลุ่มรักลพบุรี แชมป์เก่าได้ 207,377 คะแนน อันดับ 2 น.ส.ศิริลักษณ์ ปัญญาคำ ผู้สมัครอิสระได้ 27,945 คะแนน
แชมป์เก่าตบเท้ายึดเก้าอี้
จ.สมุทรปราการ อันดับ 1 นายสุนทร ปานแสงทอง ผู้สมัครกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า เครือข่ายแชมป์เก่า ได้ 225,686 คะแนน อันดับ 2 นายนภดล สมยานนทนากุล ได้ 202,659 คะแนน จ.สมุทรสาคร อันดับ 1 นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้สมัครกลุ่มคนทำงาน แชมป์เก่าได้ 125,277 คะแนน อันดับ 2 นายเชาวริน ชาญสายชล ผู้สมัครพรรค ปชน.ได้ 64,076 คะแนน จ.สระบุรี อันดับ 1 นายสัญญา บุญ-หลง ผู้สมัครอิสระ แชมป์เก่าได้ 133,553 คะแนน อันดับ 2 นายประสิทธิ์ อนะมาน ผู้สมัครกลุ่มก้าวใหม่สระบุรี ได้ 64,945 คะแนน จ.สุพรรณบุรี อันดับ1 นายอุดม โปร่งฟ้า ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา เครือข่ายแชมป์เก่าได้ 204,108 คะแนน อันดับ 2 นายบุญชู จันทร์สุวรรณ ผู้สมัครอิสระ ได้ 88,575คะแนน
ภาคอีสาน ภท.-พท.ฟัดดุเดือด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด จ.บึงกาฬ อันดับ 1 นางแว่นฟ้า ทองศรี กลุ่มนครนาคา แชมป์เก่าได้ 92,396 คะแนน อันดับ 2 ว่าที่ ร.ต.ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น พรรค พท.ได้ 66,216 คะแนน จ.มุกดาหาร อันดับ 1 นายวีระพงษ์ ทองผา ผู้สมัครอิสระ ได้ 83,703 คะแนน อันดับ 2 นายบุญฐิน ประทุมลี พรรค พท. ได้ 46,547 คะแนน จ.นครพนม อันดับ 1 นายอนุชิต หงษาดี พรรค พท. ได้ 172,226คะแนน อันดับ 2 น.ส.ศุภพานี โพธิ์สุ กลุ่มนครพนมร่วมใจ แชมป์เก่าได้ 142,317 คะแนน จ.มหาสารคาม อันดับ 1 นายพลพัฒน์ จรัสเสถียร พรรค พท. ได้ 283,401 คะแนน อันดับ 2 นางคมคาย อุดรพิมพ์ ผู้สมัครอิสระ แชมป์เก่าได้ 99,696 คะแนน จ.ศรีสะเกษ อันดับ 1 นายวิชิต ไตรสรณกุล กลุ่มฅนท้องถิ่น แชมป์เก่าได้ 345,467 คะแนน อันดับ 2 นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ พรรค พท. ได้ 219,443 คะแนน จ.สกลนคร อันดับ 1 นางนฤมล สัพโส พรรค พท. ได้ 228,530 คะแนน อันดับ 2 นายชูพงศ์ คำจวง กลุ่มพลังสกลนคร แชมป์เก่าได้ 96,082 คะแนน จ.บุรีรัมย์ อันดับ 1 นายภูษิต เล็กอุดากร กลุ่มฅนบุรีรัมย์ แชมป์เก่า หลานชายนายเนวิน ชิดชอบ ได้ 417,214 คะแนน อันดับ 2 นายการุณ ใสงาม ผู้สมัครอิสระ ได้ 83,628 คะแนน
“ยลดา” กวาด 6.2 แสนแต้มยึดที่มั่น
จ.นครราชสีมา อันดับ 1 นางยลดา หวังศุภกิจโกศล พรรค พท. แชมป์เก่าได้ 621,822 คะแนน อันดับ 2 นายมารุต ชุ่มขุดทด กลุ่มพัฒนาเมืองโคราช ได้ 181,856 คะแนน จ.อำนาจเจริญ อันดับ 1 นายพนัส พันธุ์วรรณ กลุ่มภูมิใจไทอำนาจ เครือข่ายแชมป์เก่าได้ 80,066 คะแนน อันดับ 2 นายดะนัย มะหิพันธ์ คะแนน พรรค พท. ได้ 43,438 คะแนน จ.หนองคาย อันดับ 1 นายวุฒิไกร ช่างเหล็ก พรรค พท. ได้ 106,228 คะแนน อันดับ 2 นายยุทธนา ศรีตะบุตร กลุ่มคนรักหนองคาย แชมป์เก่าได้ 99,636 คะแนน และ จ.หนองบัวลำภู อับดับ 1 นางศรัณยา สุวรรณพรหม กลุ่มหนองบัวคุณธรรมได้ 119,743 คะแนน อันดับ 2 นายวุฒิพงษ์ ศิริสถิต กลุ่มรักหนองบัว แชมป์เก่า ได้ 66,603 คะแนน
พท.เช็กยอดส่ง 15+1 เข้าวิน 10
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อวันที่ 1 ก.พ. พรรคเพื่อไทย (พท.) ส่งผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคทั้งสิ้น 15 จังหวัด ประกอบด้วย จ.น่าน แพร่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง นครพนม หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร สกลนคร ศรีสะเกษ นครราชสีมา มหาสารคาม อำนาจเจริญ และปราจีนบุรี ขณะที่ จ.เชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ลงในนามสมาชิกพรรค โดยขอใช้โลโก้ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง ปรากฏว่าผลการเลือกตั้งออกมาผู้สมัครพรรค พท. และสมาชิกพรรค พท. ชนะ 10 จังหวัด ประกอบด้วย น่าน แพร่ ลำปาง เชียงใหม่ นครราชสีมา สกลนคร มหาสารคาม นครพนม หนองคาย ปราจีนบุรี โดยพ่ายแพ้ไป 6 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย ลำพูน บึงกาฬ ศรีสะเกษ มุกดาหาร และอำนาจเจริญ
เชียงใหม่หืดจับ ซิวนครพนม-หนองคาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สนาม อบจ.ครั้งนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดตัวเป็นผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ส.ท.ร.เดินหน้าลุยเต็มที่ แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ระบุต้องการให้การเมืองท้องถิ่นเชื่อมโยงระดับชาตินโยบายรัฐบาล สนามที่ลุ้นหนักแพ้ไม่ได้นายทักษิณลงหาเสียง 2 รอบเต็มๆ คือ จ.เชียงใหม่ “สว.ก๊อง ”นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ชนะคู่แข่งสำคัญจากค่ายส้ม พรรคประชาชนไปได้ราว 2 หมื่นคะแนน ถือว่าแต้มไม่ขาดต้องลุ้นกันใจหายใจคว่ำทั้งพรรค ส่วนที่เข้าเป้าได้หน้าเต็มคือสนามนครพนม นายอนุชิต หงษาดี มือขวา “เจ๊เดือน” น.ส.มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม โค่นตระกูลโพธิ์สุจากภูมิใจไทยราบคาบ และยังสยายปีกล้มแชมป์ค่ายน้ำเงินที่หนองคายอีกด้วย ส่วนที่มหาสารคาม นายพลพัฒน์ จรัสเสถียร ไม่ทำให้นายทักษิณผิดหวัง ชนะคู่แข่งขาดลอย
แพ้ขาดลอยศรีสะเกษ-เชียงราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนความพ่ายแพ้แค้นสุมอกหนีไม่พ้นสนามศรีสะเกษ มวยคู่เอกแดง-น้ำเงิน จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของนายทักษิณและพรรค พท. ปฏิบัติการไล่หนูตีงูเห่าภาค 2 ไม่เป็นผล โดน “วิชิต ไตรสรณกุล” แชมป์เก่าค่ายภูมิใจไทย สอยร่วง แม้เจ้าตัวยอมรับเครียดกดดันเจอเบอร์ใหญ่อย่างนายทักษิณบุกมาแหวกม่านประเพณีเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่เคยเจอระดับชาติลงมาคลุกวงในเองขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็เอาชนะจนได้ ส่วนอีกสนามที่พ่ายแพ้ไปคือ อบจ.เชียงราย ตระกูลติยะไพรัชพ่ายแพ้ให้กับค่ายน้ำเงิน ตระกูลวันไชยธนวงศ์ ท่ามกลางกระแสข่าวนายทักษิณล็อกเป้าเลือก “ติยะไพรัช” มาท่ามกลางเสียงคัดค้านจากบางตระกูล เลยออกหมัดกันไม่เต็มแรง คะแนนโบ๋หลายจุดไร้สามัคคีจึงพ่ายแพ้
ส้มเซอร์ไพรส์เปิดซิงนายก อบจ.ลำพูน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคประชาชน ที่ส่งผู้สมัคร 17 จังหวัด คาดหวังจะปักธงนายก อบจ.ได้สักจังหวัด เพื่อต้องการทำงานให้เป็นโมเดลต้นแบบ แสดงฝีมือให้คนทั้งประเทศได้เห็นรูปแบบการทำงานพัฒนาท้องถิ่นของพรรคประชาชน ปรากฏว่าหลายจังหวัดที่คาดหวังว่าจะได้ก็ทำได้เพียงแค่เฉียด เช่น จังหวัด 3 สมุทรฯ (สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม) สุดท้ายมาได้นายก อบจ.พลิกความคาดหมายที่จังหวัดลำพูน
“กูเซ็ง” โดนรุมทึ้งแต่หนังเหนียวเคี้ยวยาก
ส่วนนายก อบจ.ที่ต้องบอกว่าของแข็ง ของจริง รอบนี้คือ กูเซ็ง ยาวอหะซัน ว่าที่นายก อบจ.นราธิวาส ปลายด้ามขวาน ผนึกกำลังกันระหว่างรวมไทยสร้างชาติที่มี สส.วัชระ ยาวอหะซัน ลูกชายนายกูเซ็ง กับพรรคประชาชาติ ทีมงาน สส.กลุ่มวาดะห์ แม้จะโดนรุมกินโต๊ะก็ยังสบาย คู่แข่งอย่างอับดุลลักษณ์ สะอิ ได้ ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรฯ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทยลงไปช่วยก็ยังทำอะไรไม่ได้
“สรวงศ์” ใช้ผล อบจ.เตรียม ลต.ใหญ่
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งนายก อบจ.วันที่ 1 ก.พ. ที่พรรค พท. ชนะ 10 จังหวัดว่า มั่นใจว่าผู้สมัครทุกคนทำเต็มที่ จะสมหวังหรือผิดหวังเป็นเรื่องปกติ เพราะประชาชนเป็นคนเลือก จะเอาบทเรียนต่างๆ รวมถึงต้องเอาคะแนนมาดูอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อถามว่ามีจังหวัดใดบ้างที่ไม่เข้าเป้าตามที่มุ่งหวังไว้ นายสรวงศ์กล่าวว่า มีที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดลำพูนที่เราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แม้ทั้งสองจังหวัดนี้เราจะแพ้ไม่เยอะแต่ก็คือแพ้ ถือว่าเรายังทำการบ้านไม่ดีพอ ต้องมาทำการบ้านกันใหม่ เมื่อถามว่า มองว่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ถามว่ามีหรือไม่ ก็ต้องมีอยู่แล้ว อย่างหนึ่งสำหรับพรรคเพื่อไทย คือเรามีประสบการณ์ มีบทเรียนว่าเราผิดพลาดตรงไหน เดี๋ยวเราจะตามแก้ไขเอาเพราะยังมีเวลา
ยัน “ทักษิณ” ยังไม่เสื่อมมนต์ขลัง
เมื่อถามถึงกรณีมีเสียงวิจารณ์ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เสื่อมมนต์ขลังแล้ว นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่มีอย่าไปมองเช่นนั้น ทำไมไม่มองด้วยว่า จังหวัดที่นายทักษิณไป เราประสบความสำเร็จเกินครึ่ง นายทักษิณไม่สามารถจะไปจับปากกาหรือจับมือ ใครกาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือการไปพูดให้ประชาชนมาเลือกคนของเรา แต่ในเมื่อไม่ได้เป็นไปตามเช่นนั้น ต้องยอมรับ อย่าไปมองว่าหมดมนต์ขลังมันไม่ใช่ เพราะมีอีกเยอะที่ผู้ใหญ่ในพรรคอื่นไป แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ขออย่าไปมองว่าใครหมดมนต์ขลัง ทุกคน ทำเต็มที่ จากนี้อาจจะดูว่าเราอาจจะลงพื้นที่ไปทำงาน หรืออะไรต่างๆ อาจถือโอกาสนั้นไปขอบคุณด้วย แต่เบื้องต้นยังไม่มีโปรแกรมลงพื้นที่ไปขอบคุณ
โวเชียงใหม่สะท้อนแดงคัมแบ็กยืนหนึ่ง
นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ ผู้ช่วย หาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์หลังนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร สมาชิกพรรค พท.ชนะกลับมาเป็นนายก อบจ. สมัยที่ 2 ว่า จ.เชียงใหม่หาเสียงครั้งนี้ไม่ต่างจากเลือกตั้งใหญ่ ทั้งพรรค พท.และพรรค ปชน. เดินสายชูนโยบายหลักของพรรค ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียหาเสียง และได้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงมาช่วยหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่แดงกลายเป็นส้ม พท.ได้ 2 เขต ปชน.ได้ 7 เขต วันนั้นความเชื่อมั่นต่อพรรค พท.ลดทอนลงไปเยอะมาก จนทำให้สังคมมองว่าเชียงใหม่เป็นส้มแล้ว ประชาชนเริ่มเข้าใจการทำงานของพรรค พท. จนทำให้กลับมาเป็นสีแดงเหมือนเดิม ทำให้เชื่อว่าภาพการเมืองใหญ่ที่เหลือเวลา 2 ปีกว่าจะมี การเลือกตั้ง พรรค พท.มียุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง แดงที่ เปลี่ยนไปเลือกส้มจะกลับมาเป็นแดงเหมือนเดิมแล้ว พท.จะกลับมาเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน
ลั่น พท.ไม่มีฉลองก้มหน้าทำงานต่อ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. กล่าวถึงผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนการทำงานหนักของผู้สมัครทุกคน ลงพื้นที่สื่อสารผลงานนโยบายต่อประชาชน รวมถึงผลงานรัฐบาลที่ผลิดอกออกผลให้ประชาชนรับรู้และสัมผัสได้ถึงความสำเร็จ ปัจจัยชี้ขาดสำคัญคือผู้สมัครจากพรรคพท. มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นผู้ช่วยหาเสียงหลายสนามทั่วประเทศ และยังส่งผลถึงภาพกว้างของประเทศ ตอกย้ำถึงผลงานจากอดีตสู่ปัจจุบันไปถึงอนาคต มนต์ขลังนายทักษิณผสานพลังกับผลงานของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมถึง การทำงานหนักของผู้สมัคร ทำให้ผลเลือกตั้งออกมา ประสบความสำเร็จล้นหลามตามที่ปรากฏ พรรค พท. ไม่มีเวลาเฉลิมฉลองมีแต่เวลาเดินหน้าทำงานหนัก เพื่อตอบแทนความศรัทธาความไว้วางใจที่พี่น้องประชาชนมอบให้กับพรรค พท.
รทสช.มุ่งมั่นพัฒนาท้องถิ่นต่อเนื่อง
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ออกมาลงคะแนนเสียงเลือกนายก อบจ. และ ส.อบจ. โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ มีบุคลากรของพรรค และกลุ่มแนวร่วมลงสมัครหลาย จังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี พัทลุง สมุทรสงคราม ขอแสดงความยินดีกับผู้สมัครของพรรคทุกคนที่ได้รับการเลือกตั้ง พรรคยืนยันว่าบุคลากรในนามตัวแทน ของพรรค จะมุ่งมั่นทำงานพัฒนาท้องถิ่นตนเองเต็มที่ มีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนในจังหวัด พรรคขอให้คำมั่นว่าจะประสานการทำงานระหว่างการเมือง ท้องถิ่นกับการเมืองระดับประเทศ ให้เป็นไปในทิศทาง เดียวกันเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมือง
“เท้ง” อ้างคนใช้สิทธิมากมีโอกาสชนะ
เวลา 15.00 น. ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงสรุปผลการเลือกตั้งนายก อบจ.มีนายวีระเดช ภู่พิสิฐ ว่าที่นายก อบจ.ลำพูนเข้าร่วม โดยนายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคอยากแสดงคำขอโทษถึงพี่น้องประชาชน ที่พวกเราอาจยังรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งระดับท้องถิ่นยังไม่แข็งขันพอ ทำให้เราอาจจะยังมีนายก อบจ.ไม่มากพอ ขอบคุณชาว จ.ลำพูนที่ไปใช้สิทธิสัดส่วนเป็นอันดับหนึ่ง เสียดายโอกาสอีกหลายจังหวัด หากพรรครณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิมากกว่านี้ เราอาจชนะการเลือกตั้ง อบจ.ได้ เราแพ้ไปเพียงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วน ส.อบจ.พรรคได้มา 132 คน จาก 33 จังหวัด ยืนยันจะทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบฯอย่างแข็งขัน แผน 100 วันแรกของปีแรกในการพัฒนา จ.ลำพูน พร้อมลงมือทันทีช่วงจัดทำงบฯเพิ่มเติมกลางปี 68 รวมถึงการปรับปรุงแผนปฏิบัติราชการส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดงบฯปี 69 เชื่อมั่นว่า อบจ.ลำพูน จะเป็นสนามแรกที่เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำงานการเมืองท้องถิ่นแบบฉบับพรรค ปชน.จะพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้ชาวไทยทั่วประเทศได้
ปัดแผนยึด 4 หัวเมืองเหลว
นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า มีการยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้เข้ามาแล้วประมาณ 30 เรื่อง ส่งให้ผู้สมัครไปยื่นเรื่องต่อแล้ว ตอนนี้มีรื่องแจ้งเข้ามาเรื่อยๆ เมื่อถามว่าตั้งเป้าจะได้ 4 หัวเมือง แต่ตอนนี้ได้เพียง 1 จังหวัด ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น กรณีลำพูนจะเห็นว่า ทันทีที่เราทราบผลการเลือกตั้งชัดเจน เราพร้อมที่จะลงมือทำงานทันที ก่อนถึงเดือน พ.ค. ที่นายกฯจะต้องเสนอร่างงบฯปี 69 ตอนนั้นเราจะมีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม เมื่อถามว่ากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปราศรัยบนเวทีว่า “แดงกินส้ม” ผลเลือกตั้งตอนนี้สะท้อนตามวลีดังกล่าวหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า แต่การตีความที่ จ.ลำพูน เป็นสนามหลักที่จะพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนเห็นการทำงานการเมืองที่มีคุณภาพ โปร่งใส ตรงไปตรงมาให้ประชาชนเห็นได้ น่าจะเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการที่เราโยนวลีใส่กันไปมาและใส่สื่อมวลชน
ปลื้มคนลำพูนแชมป์ใช้สิทธิสูงสุด
ด้านนายวีระเดชกล่าวว่า ขอบคุณชาวลำพูน ที่ออกมาใช้สิทธิเป็นอันดับหนึ่ง ถือว่าเรารักษาแชมป์ไว้ได้อีกแล้วในการตื่นตัวทางการเมือง เพื่อทำให้การเมืองท้องถิ่นทำงานใกล้ชิดกับประชาชน และภายหลัง กกต.ให้การรับรองแล้ว จะตั้งใจทำงานให้กับประชาชน ตามหลักการทำงาน 3 ป. คือ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และทำงานร่วมกับประชาชน
จี้ กกต.ทบทวนกาบัตรวันเสาร์
นายศรายุทธิ์กล่าวว่า การเลือกตั้งวันเสาร์วิเคราะห์พบว่ามีสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิลดลงจาก 62 เปอร์เซ็นต์เหลือ 55 เปอร์เซ็นต์ จ.ที่มีนัยสำคัญได้แก่ จันทบุรี ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี ชลบุรีและระยอง อาจส่งผลต่อคะแนนการเลือกตั้ง อยากให้ กกต.ทบทวนว่าไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประชาชน ไม่เอื้อให้คนใช้สิทธิได้ และมี 2 จังหวัดที่สงสัยคือเชียงใหม่และสมุทรปราการ ทีมงานยังคงต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะกรณีบัตรที่บัตรเสียไม่น้อย เทียบกับคะแนนแพ้ชนะแล้ว อาจมีผลต่อผลการเลือกตั้ง จะไปยื่น กกต.ให้ตรวจสอบบัตรเสียมีจำนวนถูกต้องตามที่เปิดเผยก่อนหน้านี้หรือไม่
“นายกฯอิ๊งค์” อัปเดตนโยบาย รบ.
เมื่อเวลา 08.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯจัดรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” #EmpoweringThais เทปแรกออกอากาศทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT HD2 และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ โดยนายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอเล่าให้ฟังแบบสบายๆในรูปแบบรายการที่ไม่ได้ทำที่ไหนมาก่อน เอกซ์คลูซีฟมากๆ จะอธิบายที่มาที่ไปนโยบายและอัปเดตในรายการ เช่น นโยบายแรก 30 บาทรักษาทุกที่ครบ 77 จังหวัด ผลตอบรับกลับมาดีมาก นโยบายบ้านเพื่อคนไทย การตอบรับดีมาก กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศแล้ว ดีใจมาก ก่อนเข้าการเมืองได้พูดคุยกับคนหลายกลุ่ม การเมืองมีฝักมีฝ่ายแต่ว่าเรื่องนี้ทุกคนเห็นด้วยตรงกัน และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสสอง กดปุ่มโอนเงินหมื่นเฟสสองให้ผู้สูงอายุ 3 ล้านคน ยืนยันว่าเฟสสามมาแน่ แต่จะมากี่โมงรอกระทรวงการคลังแถลง ฤกษ์งามยามดีอยู่ที่กระทรวงการคลัง
ย้ำจริงจังมากปราบแก๊งคอลฯ
น.ส.แพทองธารเล่าถึงภารกิจเดินทางไปต่างประเทศเข้าร่วมประชุม World Economic Forum ปี 2025 หรือ WEF 2025 เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 15-19 ม.ค. ว่า การมีตำแหน่งนายกฯดึงความสนใจของคนได้จริงๆ ปีหน้าจะไปอีกแน่นอนและที่ประชุม ครม.มีมติผ่านร่างกฏหมายต่างๆ อาทิ ร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รัฐบาลจริงจังมาก เพราะอาเซียนทั้งหมดเห็นเรื่องนี้สำคัญ การออก พ.ร.ก.นี้ จะเคลียร์ปัญหาจับและเพิ่มบทลงโทษการหลอกลวงทางออนไลน์ มีคนพูดว่าทำไมไม่ออกเป็น พ.ร.บ.มันรอได้ แต่เรื่องนี้มันรอไม่ได้ คนหมดตัว บางคนต้องจบชีวิต ถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน จึงคุยกันใน ครม.หากออกเป็น พ.ร.บ.ใช้เวลานานมาก
เมินถูกบูลลี่งานสำเร็จคือกำลังใจ
ช่วงท้าย น.ส.แพทองธารกล่าวถึงกำลังใจในการทำงานว่า “มีหัวใจ ถ้าโดนว่า โดนอะไรเสียใจแน่นอน รู้สึกแน่นอน แต่จมไม่ได้ เพราะว่างานรออยู่เยอะมาก โดนว่านาทีนี้ นาทีหน้าต้องไปประชุมแล้ว จริงๆแล้วพยายามมองว่าหัวข้อไหนที่เขาว่า เช่น ประชาชนไม่พอใจการจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรียกทีมมาคุย เรียกกระทรวงมาจัดการ อันนี้ยังไม่เข้มข้นพอ ยังไม่พอ จัดการทำไป แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า หน้าผม การแต่งตัว (หัวเราะ) ที่ถูกบูลลี่มาตลอด ไม่ได้คิดอะไร เวลานโยบายทุกอย่างที่ทำสำเร็จ ความภูมิใจคือประชาชนที่แฮปปี้มากๆกับนโยบายที่ได้ไป ชีวิตดีขึ้นเลยจากสิ่งที่นโยบายทำสำเร็จ ขอบคุณรัฐบาล ขอบคุณนายกฯมันเติมเต็ม และรู้สึกว่าฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละ ไปทำงานแบบนี้ให้ประชาชนมีความสุข เพราะนี่เป็นฉัน ก็คงจะเป็นแบบนั้น”
ชาวบ้านชื่นชอบแจกเงินหมื่นเฟส 2
วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 2,261 คน เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือน ม.ค.68” วันที่ 27-31 ม.ค. พบว่า คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือน ม.ค.68 เฉลี่ย 5.06 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.67 ที่ได้ 4.97 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือสิทธิเสรีภาพของประชาชน เฉลี่ย 5.35 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุดคือการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส เฉลี่ย 4.76 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน ร้อยละ 48.43 ระบุ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน ร้อยละ 43.74 ระบุนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือนร้อยละ 52.71 ระบุ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน ร้อยละ 39.70 ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
หนุน มท.1 ตัดไฟตัดกำลังแก๊งคอลฯ
ขณะที่นายชาญวิชย์ อริยาวรนันต์ รักษาการ ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจประชาชนคิดอย่างไรต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ตัดไฟฟ้าประเทศเพื่อนบ้านแก้อาชญากรรมข้ามชาติ 1,143 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. พบว่า ร้อยละ 81.1 เห็นด้วย ถึงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับมาตรการตัดไฟฟ้าแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ร้อยละ 18.9 ไม่เห็นด้วยถึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เมื่อถามความคิดเห็นต่อแนวทางการจัดระเบียบชายแดนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 85.7 เห็นด้วยถึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง ร้อยละ 14.3 ไม่เห็นด้วยถึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เมื่อถามถึง ความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมาตรการตัดไฟฟ้าในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ร้อยละ 55.3 เชื่อมั่นว่ามาตรการตัดไฟฟ้าจะลดอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 52.8 ชี้ควรมีมาตรการอื่นๆเสริมเพิ่มเติม เช่น บังคับใช้ กฎหมายเข้มงวดขึ้น ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตรวจจับ และโจมตีเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ ทั้งนี้ ร้อยละ 44.4 ต้องการให้รัฐบาลสามัคคีและใช้มาตรการเด็ดขาดแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แทนที่จะขัดแย้งทางการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่