เมื่อวานนี้เองผมอ่านข่าวการเมืองจากหนังสือพิมพ์และ สื่อออนไลน์หลายๆสำนัก พบข่าวเล็กๆ ซุกอยู่ข่าวหนึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคฝ่ายค้านขณะนี้

ในเนื้อข่าวระบุว่า พรรคพลังประชารัฐไปจัดสัมมนาที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่หัวหิน ในหัวข้อว่า “Now & Next พรรคพลังประชารัฐ” โดยมีกรรมการบริหารพรรค สส.พรรค และสมาชิกพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ถือเป็นการสัมมนาประจำปี 2568 ของพรรค เพื่อที่จะกำหนดท่าทีทิศทางและแนวนโยบายของพรรคที่จะดำเนินต่อไป ทั้งในปี 2568 นี้และในอนาคตที่จะมาถึง

ท่านหัวหน้าพรรคในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อของพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปประชุมด้วยตนเอง และขึ้นกล่าวเปิดประชุมมีใจความสำคัญพอสรุปได้ว่า

ในห้วงปีที่ผ่านมาการเมืองของประเทศเราได้กลับไปสู่ระบบเดิมๆคือการเมืองไม่สร้างสรรค์ ทำลายกันเพื่อผลประโยชน์ ขาดคุณธรรมจริยธรรม ไม่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

พรรคพลังประชารัฐ แม้จะตกเป็นเป้าทางการเมืองเสมอมา แต่ขอยืนยันว่าพรรคยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์และมั่นคงมี สส. 19 คนกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค มีบุคลากรการเมืองที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ และมีบุคลากรที่เป็นอดีตรัฐบาลหลายๆท่าน มีทั้งฝีมือและผลงาน

ดังนั้น การสัมมนาในครั้งนี้ จึงเป็นการแสดงจุดยืนในการทำงานการเมืองด้วยหัวใจ มุ่งมั่นพร้อมสร้างอนาคตที่ดีให้แก่ประเทศและประชาชนสืบต่อไป และจะพยายามทำให้ถึงที่สุด

ผมอ่านเจอข่าวแล้วก็อดที่จะหยิบมาเขียนถึงเสียมิได้ ตามประสาคนที่ชอบ “เชียร์มวยรอง” และชอบให้กำลังใจแก่ผู้พ่ายแพ้

เมื่อตอนที่พรรคพลังประชารัฐปีกกล้าขาแข็งมากในยุค “บิ๊กตู่” ผมเคยเขียนค้านนโยบายของพรรคนี้หลายๆเรื่อง โดยเฉพาะตัว พลเอกประวิตรเอง แม้ผมจะไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไป ตรงมา แต่ก็แสดงความไม่เห็นด้วยและไม่ชื่นชมท่านเท่าไรนัก ผ่านคอลัมน์หลายครั้ง

...

ดูเหมือนผมจะเคยเขียนไว้ด้วยว่า คำว่า “ประชารัฐ” เป็นคำที่มีความหมายดีงามอยู่ในเนื้อร้องเพลงชาติไทย และท่านอาจารย์ ชัยอนันต์ สมุทวณิช เป็นคนหยิบมาเสนอให้ สภาพัฒน์ เขียนไว้ในแผนพัฒนาฉบับที่ 8 เกือบๆ 30 ปีก่อนโน้น (พ.ศ.2540) ให้เป็นระบบการทำงานร่วมกันระหว่าง “รัฐ” กับ “ประชาชน”

เมื่อพรรคนี้นำมาใช้เป็นชื่อพรรคก็หวังว่าจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง อย่าไปทำให้ความหมายของคำว่า “ประชารัฐ” เสียหาย

เรียกว่าท้วงติงเอาไว้หลายๆครั้งหลายๆหนและหลายๆเรื่องในยุคที่พรรคนี้เป็นพรรคที่เข้มแข็งโด่งดังเป็นลมใต้ปีกที่สำคัญของบิ๊กตู่

แต่มาถึงตอนนี้พรรคแทบจะกลายเป็นพรรคเล็กๆไปแล้ว ต้องมาเป็นฝ่ายค้านที่เหลือพลังอยู่น้อยเต็มที

ตัว “บิ๊กป้อม” ก็แพ้ในทุกสนามการแข่งขัน อย่าว่าแต่การเมืองเลย แม้แต่ทางด้านกีฬาก็แพ้ด้วย จนหมดโอกาสที่จะกลับมาเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทยอีกต่อไป

แต่ท่านก็ยังมีใจสู้ไม่ยอมโยนผ้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆในทางการเมือง ยังรวบรวมกำลังพลของท่านที่แม้จะเหลือน้อยมากแล้ว มาประชุมมาสัมมนาพร้อมที่จะสู้ต่อไป

ประสาคนเชียร์มวยรอง และชอบให้กำลังใจผู้พ่ายแพ้ จึงขอทำหน้าที่เขียนปลอบใจและขอให้กำลังใจ พปชร. ไว้ ณ ที่นี้

สำหรับตัวบิ๊กป้อมเองนั้น ถ้าเห็นว่าไม่ไหวจริงๆ จะยอมแพ้เสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลยก็คงไม่มีใครตำหนิอะไรหรอกครับ ผมว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของท่านเสียด้วยซ้ำไป.

"ซูม"

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม