“นายกฯอิ๊งค์” เผยลงนามแล้วส่ง สลค.นำรายชื่อ ครม.ใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ โผ รมต.ค่าย ภท.พลิกส่งท้าย “ชาดา” ถอนตัวส่ง “ซาบีดา ไทยเศรษฐ์” ลูกสาว เสียบเก้าอี้ รมช.มหาดไทย “อนุทิน” เลี่ยงตอบสะดุดตอไม่ผ่านคุณสมบัติ บอก “ชาดา” เสียสละเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ จบคำถามปมจริยธรรม นายกฯรับดิจิทัลวอลเล็ตมีแก้รายละเอียดเฟสแรกแจกเงินสด อุบไต๋ขอไม่พูดไปก่อน ฝ่ายค้านรุมขย่มงบฯปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้าน เฉ่งรัฐบาลจัดงบขาดดุล กู้ชดเชยพอกหนี้สาธารณะจ่อทะลุ 13 ล้านล้าน ส่อหายนะ ถล่มถมงบกลาง 8.42 แสนล้าน แจกเงินหมื่น เสี่ยงผิดกฎหมายวินัยการคลัง “ไหม” หยันวิ่งหน้ามืดหาเงินโปะยังขาด 1.17 แสนล้าน ไม่พอแจก 45 ล้านคนตามเป้า

บัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีการปรับเปลี่ยนจนนาทีสุดท้าย โดยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ที่มีกระแสข่าวอาจมีปัญหาคุณสมบัติ ได้ถอนตัวขอเปลี่ยนให้ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาว มาดำรงตำแหน่งแทน ก่อนที่นายกฯจะระบุว่าได้ลงนามเพื่อส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ดำเนินการขั้นตอนนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป

“นายกฯอิ๊งค์” ไม่ฮันนีมูนลุยทันที

เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 3 ก.ย. ที่อาคารชินวัตร 3 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกำชับ สส.ในที่ประชุมพรรคให้เหยียบคันเร่งการทำงานว่า ที่เน้นกับ สส.คือเน้นเรื่องพื้นที่มากกว่า เพราะนโยบายกรอบใหญ่คลุมไว้หมดแล้ว แต่จะมีปัญหาเล็กๆของชาวบ้านที่เอามาแก้ ได้เร่งกระบวนการอยากให้ทำ ใส่ใจรายละเอียด สส.ทำอยู่แล้ว แต่ย้ำเตือนว่าทำให้เต็มที่จะได้แก้ปัญหากันไป การพูดคุยกันในทีมได้วางไทม์ไลน์ว่าเมื่อแถลงนโยบายเสร็จแล้ว เข้าไปจะทำอะไรก่อนหลังบ้าง เมื่อเข้ามาปุ๊บอาจมีหลายเรื่องให้ทำ กลัวลืมว่าจะไม่ได้ติดตามงานไหนบ้าง เมื่อถามว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่มีเวลาฮันนีมูนและต้องทำงานทันทีใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะจริงๆเข้ามาต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ งานดำเนินอยู่แล้วก็ทำต่อ”

...

รับดิจิทัลเปลี่ยนรูปแบบขอไม่พูดก่อน

เมื่อถามถึงนโยบายกัญชาของพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เดี๋ยวรอแถลงนโยบายทีเดียว รอไฟนอลออกมาต้องคุยกับพรรค ร่วมอยู่แล้ว แน่นอนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ประชาชนคาดหวัง ยังเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ในคอนเซปต์ยังมีอยู่ แต่จะมีการปรับรูปแบบ ตอนแรกจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เราวางแผนจะจ่ายเป็นเงินสดด้วยอะไรด้วย ต้องแก้ในรายละเอียด เมื่อถามว่า นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเฟสแรกจะเป็นเงินสด ส่วนเฟสที่สองจะปรับรูปแบบเหมือนกับเฟสแรกหรือไม่ และอาจจะแบ่งจ่ายตามงบประมาณ นายกฯกล่าวว่า “ใช่ อย่างนั้นเลย แต่ขอให้รายละเอียดชัดเจนก่อน เพราะกลัวพูดไปแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียด เดี๋ยวจะโดนหาว่าพูดไม่ตรง เราต้องทำการบ้านกันก่อน”

ลงนามรายชื่อ ครม.นำขึ้นทูลเกล้าฯ

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่าได้ลงนามเพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือยัง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยัง แต่คิดว่าวันที่ 4 ก.ย.จะเริ่มให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ส่งรายชื่อเข้าไป เป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ เมื่อถามย้ำว่าวันนี้จะลงนามรายชื่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯได้เลยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ค่ะ ใช่ค่ะ วางแผนไว้เป็นเช่นนั้น” เมื่อถามย้ำอีกว่า จะนำขึ้นทูลเกล้าฯต้องประสานกันอีกครั้งหนึ่งใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ใช่ค่ะ” ทั้งนี้ การฟอร์ม ครม.คิดว่าอยากเห็นอะไรมากกว่า จากผลงานคนที่เลือกมาจะได้ทำต่อ รวมไปถึงคนที่คงไว้คงเดิม เห็นถึงศักยภาพอยู่แล้วว่าใครพร้อมจะทำงาน หลังจากอยู่ในพรรคมากกว่า 3 ปี เห็นว่าแต่ละคนใครประมาณไหน อย่างไร จริงๆแล้วอยากชนะเหมือนที่คุณพ่อชนะ 377 เสียง เราจะได้ให้ทุกคนมีทุกตำแหน่ง แต่มันได้แค่ประมาณหนึ่ง ได้ให้ทุกคนแสดงความสามารถด้วย เมื่อถามว่า อยากบอกอะไรให้ประชาชนมั่นใจนายกฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้มีทีมที่ดีมากๆ

หวังให้เรียบร้อยทันไทม์ไลน์ 15 ก.ย.

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯกล่าวว่า จะนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯเมื่อพร้อม ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ส่งกลับมาดูเรียบร้อยแล้ว ถูกต้องตามกระบวนการ อยู่ในขั้นตอนให้ สลค.ดำเนินการให้เรียบร้อย ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ กรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ถอนชื่อแล้วส่งชื่อบุตรสาว น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ลูกสาว มาเป็น รมช.มหาดไทย ไม่มีความเห็น เปิดเผยไม่ได้ ถือเป็นเรื่องภายใน รอให้ทูลเกล้าฯและมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ส่วนไทม์ไลน์ที่วางไว้ไม่เกินวันที่ 15 ก.ย.หวังว่าทำตามนั้นได้ แต่หลายประการขึ้นอยู่กับเงื่อนไข

กฤษฎีกาให้ดูคุณสมบัติเป็นรายกรณี

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีว่า เรียบร้อยแล้วตามที่สำนักงานเลขาคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตั้งกว่า 10 ประเด็นคำถามในภาพรวมลักษณะผู้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของอัยการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอยู่ระหว่างเตรียมคำฟ้องจะวินิจฉัยอย่างไร ขัดหรือไม่ แต่ไม่ได้ตรวจสอบเป็นรายบุคคล กรณีร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.แล้วและอยู่ระหว่างไต่สวนยังไม่ได้ชี้มูล ไปตัดสินว่าเขาผิดไม่ได้ รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ขนาดนั้น ถือว่าอยู่ระหว่างถูกกล่าวหา จึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่ามีการกระทำความผิด แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แนะนำกลับไปว่าต้องดูรายละเอียดเป็นกรณีไป

เหมารวมคนมีคดีใน ป.ป.ช.ไม่แฟร์

นายปกรณ์กล่าวอีกว่า คณะกรรมการกฤษฎีกามีหน้าที่ให้ความเห็นประกอบการดุลพินิจของนายกฯ ส่วนอำนาจตัดสินวินิจฉัยเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ การถูกร้องไปที่ ป.ป.ช.แล้วจะเหมารวมว่ามีมลทินไม่แฟร์กับผู้ที่ถูกร้อง เพราะบางเรื่อง ป.ป.ช.ไม่ได้มีการชี้มูล จึงต้องดูรายละเอียดเป็นกรณีไป กระบวนการร้องเรียนในประเทศไทยทำได้ง่าย ร้องเรียนได้ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลจึงจะเป็นข้อยุติ เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีปัญหาเหมือนกรณีนายพิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.ประจำ สำนักนายกฯใช่หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่าเป็นเรื่องของศาล การบริหารราชการแผ่นดิน ยึดความซื่อสัตย์สุจริตในส่วนของเรา คนอื่นจะว่าอย่างไรไม่รู้ แต่ถ้าเราสุจริตจริง ไม่มีปัญหา

“ซาบีดา” เดินทางเข้า สลค.ยื่นประวัติ

เมื่อเวลา 14.00 น. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ลูกสาวของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เดินทางมายื่นเอกสารประวัติและคุณสมบัติ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ต่อมาเวลา 16.20 น. นางณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.พร้อมรองเลขาธิการ ครม. ถือเอกสารซองสีน้ำตาล เดินทางออกจากตึก สลค. ทำเนียบรัฐบาล มีรายงานข่าวว่า ได้เดินทางไปยังตึก SC ASSET Public Company Limited ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. (ตึกชินวัตร 3) คาดว่าเพื่อนำเอกสารรายชื่อ ครม.ที่ตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อยไปมอบให้นายกฯเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ภท.รื้อส่ง “ซาบีดา” นั่ง รมช.มท. แทนพ่อ

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าว น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.เกษตรฯ จะมาดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทยแทน หลังมีข่าวนายชาดาคุณสมบัติไม่ผ่านว่า เดี๋ยวผลออกมาก็รู้ว่าเป็นอย่างไร อย่าไปคาดเดาล่วงหน้า ต่อมาเวลา 10.47 น. นายชาดาเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ระหว่างประชุม ครม. โดยกล่าวเพียงสั้นๆถึงกระแสข่าวคุณสมบัติไม่ผ่านว่า “ผมไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ” ต่อมาผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ถามนายชาดาอีกครั้ง โดยนายชาดากล่าวว่า ได้ถอดรายชื่อออกเอง จะส่ง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาว มาสานงานต่อ ทั้งนี้ ชื่อ น.ส.ซาบีดาผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.พรรค ภท. ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.มอบให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ภท.ส่งรายชื่อให้พรรค พท. เพื่อพิจารณารายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี

“อนุทิน”อวย “ชาดา” เสียสละตัวเอง

เมื่อเวลา 13.05 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชาดาถอนตัวจากโควตารัฐมนตรีพรรค ภท. และให้ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาว มาดำรงตำแหน่งแทน รู้มาก่อนล่วงหน้าหรือไม่ ว่าให้มันลงตัว ให้เกิดการทำงานไหลลื่นที่สุด เมื่อถามว่าเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เปลี่ยนเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย เพราะวันนี้เราให้ความสำคัญกับคําว่าจริยธรรม จึงพยายามไม่ให้มีปัญหาอะไรเลย ให้มันแห้งไปเลย ไม่ต้องมาถามอะไรกันอีก เมื่อถามว่าเปลี่ยนเองหรือมีการทักท้วงมา นายอนุทินกล่าวว่า เป็นการตกลงร่วมกัน ขอพูดอย่างนี้ดีกว่า ต้องขอบคุณนายชาดาอย่างมาก ที่ระบุว่าอย่าให้ติดอยู่กับท่าน หัวหน้าจะเอาใครก็ได้ ตนบอกไม่ได้ อันนี้มันตำแหน่งของนายชาดา เพราะฉะนั้น นายชาดาบอกมา โดยส่งชื่อไปเมื่อเช้าวันที่ 3 ก.ย.

ชมเปาะโปร์ไฟล์แน่นโหงวเฮ้งดี

เมื่อถามว่า สลค.ได้แจ้งเรื่องนายชาดา มาล่วงหน้าก่อนกี่วัน นายอนุทินตอบว่า ทุกอย่างจบเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ตอนเย็น เมื่อถามว่าประเด็นข้อกฎหมายใด ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวนายชาดา นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีข้อกฎหมาย เป็นเรื่องการให้ความร่วมมือที่ดี ให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ ยืนยันว่าไม่ติดเรื่องข้อกฎหมายเลย เมื่อถามว่า โผ ครม.นิ่ง 100 เปอร์เซ็นต์แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พรรค ภท.คงนิ่งเท่านี้ เปลี่ยนไม่ไหวแล้ว เมื่อถามว่า ชื่อลูกสาวของนายชาดาจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ไม่มีแล้วมั้ง เขาก็ใสๆ ประกอบธุรกิจมา จบการศึกษาปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ ได้พบกันแล้ว นายชาดาพามาพบ ได้สัมภาษณ์ด้วยตัวเอง โหงวเฮ้งดี และความเป็นลูกของนักการเมืองคุณภาพ ส่วนนายชาดายังเป็น สส.ที่ต้องมาช่วยงานสภาฯ เพราะฉะนั้นอาจเป็นจุดแข็งด้วยซ้ำ เพราะมีบทบาททำหน้าที่เป็น กมธ.ในคณะสำคัญๆ”

“ภูมิธรรม” ลั่นพร้อมนำเหล่าทัพ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว. พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสไม่เอาคนเดือน ต.ค.เป็น รมว.กลาโหมว่า ที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีต สว. ออกมาวิจารณ์เข้าใจว่าท่านรักสถาบันที่เคยอยู่ อยากให้คลายกังวล โดยเฉพาะกองทัพว่าหากเราปรารถนาดี กับสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน ถ้าได้อยู่กระทรวงกลาโหม จะทำให้กองทัพเป็นกองทัพที่อยู่กับพี่น้องประชาชนได้ ช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์ยาก ขอให้รอดูก่อนว่าเป็นอย่างไร และพูดคุยกับทหารได้ทุกเหล่าทัพได้ ทั้งนี้ รายชื่อ ครม.เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่จบขั้นตอน นายกฯจะจิ้มสลับใครไปไหนอย่างไร จากนั้นจะประสานตามกระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ถ้าโปรดเกล้าฯลงมารอถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นจะประชุม ครม.นัดแรกได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอวันอังคาร แต่งตั้งเลขาธิการนายกฯคนใหม่ และพูดคุยถึงนโยบายที่จะแถลงต่อสภาฯ

“ธรรมนัส” อ้างมือมืดส่ง “อัครา” นั่ง รมต.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงรายชื่อรัฐมนตรีในโควตาทั้ง 3 คนว่า ไม่ใช่เป็นโควตา ยืนยันเป็นสิทธิ์ของนายกฯจะเลือกใครและตนไม่ได้ส่ง มีชื่อนายอัครา พรหมเผ่า น้องชาย อาจจะมีมือที่มองไม่เห็นส่งไปก็ได้ น้องชายตนอยู่วงการการเมืองมานานแล้ว เป็นรองนายก อบจ.หลายสมัย เป็นนายก อบจ.พะเยา อยู่แวดวงการเมืองมาก่อนตน ส่วนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม เขาส่งตัวเขาเองในนามพรรคกล้าธรรม รวมถึงนายอิทธิ ศิริลัทธยากร ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ไม่ต้องฝากอะไร นางนฤมลเป็นอดีตรัฐมนตรีรู้หน้าที่ เมื่อถามว่า เสียดายหรือไม่ สมัยหน้าไม่ได้นั่งตำแหน่งอะไรเลย ร.อ.ธรรมนัสยิ้มกล่าวว่า “ดูหน้าผมก็รู้ น่าจะมีความสุขมากกว่า ได้พักบ้าง เหนื่อยมานาน”

พูดชัดเจนเป็นรัฐบาลไม่ใช่ฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่าพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ผมเป็นฝ่ายค้านที่ไหนล่ะ ยืนยันเราเป็นพรรครัฐบาล ผมและนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ ในฐานะ สส.ฉะเชิงเทรา กลับไปทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติในสภาฯ สนับสนุนรัฐบาล เรามีความชัดเจน” ส่วนพรรค พปชร.ไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวเรื่องการบริหาร ไม่ได้ยุ่งยืนยันว่าเราสนับสนุนรัฐบาล อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและแผ่นดิน ไปค้านทุกเรื่องไม่ใช่กลุ่มตนแน่ เมื่อถามว่า ทุกวันนี้ได้มีพูดหรือเคลียร์กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.แล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่มีอะไรยืนยันไม่ได้ทะเลาะกับใคร ส่วนใครจะคิดอะไรแล้วแต่เขา อะไรในการเมืองถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดคาดหวัง เราถอยออกมาดีๆ ไม่ได้หาเรื่องใคร เมื่อถามว่า ยังเคารพรัก พล.อ.ประวิตร อยู่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราออกมาแล้ว อย่าไปคิดอะไรมาก ออกมาแล้วก็คือออกมา

“อรรถกร” บอกยังไม่ได้คุยกับพ่อ

ด้านนายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา กรรมการบริหารพรรค พปชร. และ รมช.เกษตรฯกล่าวถึงกรณีมีชื่อนายอิทธิ ศิริลัทยากร บิดา มาเป็นรมช.เกษตรฯแทนว่า ยังไม่ได้คุยและไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องรัฐมนตรี เมื่อถามถึงการประชุมใหญ่พรรค พปชร. วันที่ 6 ก.ย. จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ นายอรรถกร ย้อนถามว่า “เขายังไม่ได้เชิญ” เบื้องต้นทราบว่าวันดังกล่าวกระทรวงเกษตรฯมีประชุม

“ไหม” เปิดฟลอร์หั่นงบฯปี 68

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระ 2 และ 3 โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง รองประธาน กมธ.วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ชี้แจงว่า งบฯปี 2568 ปรับลด 7,824 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน กระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความเป็นอยู่ประชาชน จากนั้นเริ่มอภิปรายมาตรา 4 งบฯปี 68 ที่ตั้งไว้ 3.75 ล้านล้านบาท โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า ขอตัดลดลง 2 แสนล้านบาท เพราะรัฐบาลไม่มีกำลังมากพอใช้จ่ายได้มากถึง 3.75 ล้านล้านบาท การประมาณการรายได้ปี 2568 ที่คาดไว้ตั้งแต่ปี 2566 จะมีจำนวน 2.8 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจจะโต 3.6% แต่มีแนวโน้มโตแค่ 2.5% และในเดือน พ.ค.2567 หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีก 4% ปี 2567 กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ไม่ตรงเป้า และปี 2568 มีแนวโน้มจัดเก็บไม่ตรงเป้าที่ตั้งไว้ที่ 6.09 แสนล้านบาท ควรปรับลดงบรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต

ห่วง รัฐบาลไม่รอบคอบก่อหายนะ

นายวีระ ธีระภัทรานนท์ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ขอตัดลดงบฯปี 2568 ลง 1.7 แสนล้านบาท ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลจัดงบแบบขาดดุล และกู้เงินชดเชยงบฯ ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดว่าสิ้นปี 2568 จะทะลุ 12 ล้านล้านบาท อาจถึง 13 ล้านล้านบาท ถ้ายังจัดงบขาดดุล และกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุลจะเกิดวิกฤติการเงินการคลังหนักหนาสาหัส ขณะที่ปี 2568 มีรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้น ยังต้องชดใช้คืนเงินกู้ เป็นสัญญาณอันตรายในอนาคต แม้อ้างอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ตามกฎหมายก็หายนะได้ ถ้าไม่รอบคอบ หากไม่ยับยั้งจะเกิดวิกฤติ หลังจากอภิปรายครบถ้วน ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 4 ด้วยคะแนน 266 ต่อ 147

รุมขย่มงบฯกลางแจกเงินหมื่น

ต่อมาเข้าสู่มาตรา 6 งบกลาง วงเงิน 842,000 ล้านบาท ทั้ง กมธ. และ สส.ต่างอภิปรายพุ่งเป้าไปที่การนำงบกลางไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง โดยที่การดำเนินโครงการยังไม่ชัดเจน เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขไปมา อาทิ นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ที่เห็นว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนในชุมชน เพราะร้านค้ารายย่อยไม่กล้าเข้าร่วมโครงการ ติดเงื่อนไขไม่สามารถไปถอนเป็นเงินสดได้ ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจกลับไปที่ร้านค้าเจ้าสัวรายใหญ่ ขณะที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) อภิปรายว่า ให้แจกเป็นเงินสดจะเกิดการขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนอย่างตรงจุด เพราะทั้งร้านค้าและประชาชนไม่อยากได้เงินดิจิทัล ร้านค้าไม่กล้าเข้าร่วมกลัวโดนตรวจสอบภาษีย้อนหลัง

เย้ยวิ่งหาเงินโปะจนหน้ามืด

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน.ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายด้วยว่า กมธ.ชักดาบ ตัดงบของธนาคารรัฐ 5 แห่ง 35,000 ล้านบาท มาใส่ในงบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อโอนไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่โครงการยังไม่มีความชัดเจน เงินที่ได้มาจะพอหรือไม่ เนื่องจากวงเงินที่ใช้ 4.5 แสนล้านบาท แบ่งแจกเงินสดเฟสแรกให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน วงเงิน 145,000 ล้านบาท ที่อยู่ในงบฯปี 2567 เมื่อรวมกับงบกลางปี 2568 ที่มาจากการปรับลดงบ 5 ธนาคารของรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 35,000 ล้านบาท รวมกับงบปี 2568 รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจอีก 152,700 ล้านบาท ยังไม่ครบ 4.5 แสนล้านบาท ขาดอีก 117,300 ล้านบาท ไม่รู้จะเอาเงินจากไหนมาใช้ หน้ามืดแล้ว ควรรอการแถลงนโยบายรัฐบาลให้จบก่อน โดยหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ควรออกเป็นร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณ ยังมีเวลาให้ประชาชนรอได้ปีกว่า ควรให้รออีกหน่อยเพื่อแจกให้ครบ 45 ล้านคน หลังจากสมาชิกอภิปรายครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 6 ด้วยคะแนน 265 ต่อ 154 งดออกเสียง 1

“จุรินทร์-บัญญัติ” โหวตหนุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการลงมติเห็นชอบในมาตรา 4 งบปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท 266 ต่อ 147 เสียง พบว่าคะแนนเสียงเห็นชอบจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นไปในทางเดียวกัน รวมถึงพรรค ปชป.ที่เพิ่งเข้าร่วมรัฐบาลมี สส.ลงมติเห็นชอบ 13 คนจาก สส. 25 คน จำนวนนี้มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ ที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาลรวมอยู่ด้วย ขณะที่นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ที่จุดยืนไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาลเช่นกัน แต่ไม่พบว่าลงมติในมาตรานี้ ขณะเดียวกันมี สส.พรรค ปชป.อีกหลายคนที่ไม่พบการลงมติในมาตรา 4 อาทิ นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา น.ส.สุภาพร กำเนิดผล สส.สงขลา และนายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช

พปชร.ลงมติเสียงแตกสองขั้ว

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ถูกขับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มี สส. 40 คน พบว่าลงมติมาตรา 4 แตกเป็น 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มลงมติเห็นด้วย 14 เสียง ล้วนเป็น สส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อาทิ นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี 2.กลุ่มไม่เห็นด้วย 14 คน เป็น สส.กลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. อาทิ นางขวัญเรือน เทียนทอง สส.สระแก้ว นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส.เพชรบูรณ์ นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.สิงห์บุรี นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ นายอนันต์ ผลอำนวย สส. กำแพงเพชร 3.กลุ่มไม่ปรากฏผลการลงมติ มีทั้งขั้ว พล.อ.ประวิตร และขั้ว ร.อ.ธรรมนัส อาทิ พล.อ.ประวิตร ร.อ.ธรรมนัส นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว

ทสท.แทงกั๊กแบ่งกันไปคนละครึ่ง

ส่วนพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค มี สส. 6 คน ปรากฏว่า ลงคะแนนแตกเป็น 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มลงมติเห็นชอบ 3 คน ได้แก่ นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี ที่มักโหวตสวนมติพรรคมาตลอด 2.กลุ่มลงมติไม่เห็นชอบ 3 คน ได้แก่ นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่เพิ่งลงมติเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ด้านพรรคเสรีรวมไทย (สร.)ที่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค ประกาศถอนตัวจากซีกรัฐบาล ปรากฏว่า นายมังกร ยนต์ตระกูล สส.บัญชีรายชื่อ ไม่ปรากฏผลการลงคะแนนมาตรา 4

“ธรรมนัส” ยกก๊วนโชว์ตัวนั่งโซน เพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประชุมในช่วงบ่าย เป็นการพิจารณางบมาตรา 7 สำนักนายกรัฐมนตรี วงเงิน 25,912,953,700 บาท สส.อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง จนที่ประชุมลงมติเห็นชอบไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้ ระหว่างที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เลขาธิการพรรค พปชร. เดินเข้ามาในห้องประชุม มีนายครูมานิตย์ สังขพุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. เข้าไปทักทายพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม ก่อนที่ ร.อ.ธรรมนัสเดินนำกลุ่ม สส.พรรค พปชร.ในสังกัด อาทิ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส

นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เข้าไปนั่งในโซนที่นั่งของ สส.พรรค พท.พร้อมเข้าไปพูดคุยกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และส่งสัญลักษณ์มือรูปหัวใจให้ช่างภาพสื่อมวลชนถ่ายภาพ

สับงบกองทัพทำถาดหลุม–ผลิตยา

เวลา 16.00 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 8 งบกระทรวงกลาโหมวงเงิน 91,451,568,400 บาท บรรยากาศการประชุมเริ่มเข้มขึ้น สส.พรรค ปชน.หลายคนอภิปรายตั้งข้อสังเกตงบจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพ อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.อภิปรายถึงงบจัดซื้อโครงการจ้างทำถาดหลุมของกรมพลาธิการทหารบก ขอเอกสารไปแต่กองทัพบกไม่ให้ เมื่อเช็กข้อมูลของกรมพลาธิการในงบฯปี 2567 มาเทียบเคียง พบว่า ราคาถาดหลุมผลิตเอง 1 ใบสูงกว่าถาดหลุม 1 ใบยี่ห้อดีๆในแอป ออนไลน์ และเชื่อว่า ส่อเจตนาล็อกสเปก ขณะที่ น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายตั้งข้อสังเกตการผลิตยาของโรงงานเภสัชกรรมทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ผลิตยาอันตราย 2 ตัวคือ 1.อัลปราโซแลม หรือยาเสียตัวที่ใช้รักษาโรควิตกกังวล ชนิดออกฤทธิ์สั้นเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพนำไปก่อเหตุได้ 2.ซูโดอีเฟดรีนส่วนผสมยาแก้แพ้ที่ไม่มีขายตามตลาดแล้ว เพราะเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้า ยาไอซ์ ทั้งขอตัดงบฯก่อสร้างโรงงานผลิตยาแห่งใหม่ที่ จ.ราชบุรี วงเงิน 938 ล้านบาททั้งหมด เพราะไม่ใช่ภารกิจหลักกองทัพ ให้องค์การเภสัชกรรมผลิตแทนได้

กมธ.แจงยิบเหตุผลความมั่นคง

นายพัฒนา สัพโส กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า กองทัพต้องมีโรงงานผลิตยาเป็นความจำเป็นด้านความมั่นคงในยามปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ไม่ปกติในอนาคตเกี่ยวกับเรื่องยา ส่วนเรื่องผลกำไรโรงงานเภสัชกรรมทหารไม่มุ่งหวังกำไร มีการศึกษาวิจัยผลิตยาสามัญใช้สำหรับกระทรวงกลาโหม เช่น ยาทากันยุง ผงโรยตัว ผงโรยเท้า ยาฉีดต้านพิษเคมีชีวะ ส่วนยาซูโดอีเฟดรีน ที่เป็นสารตั้งต้นยาเสพติดให้เอกชนผลิตไม่ได้ต้องควบคุมให้ทหารผลิตเท่านั้น บางคนอาจเคลือบแคลงว่า ยาเสพติดมีอยู่เพราะทหารผลิตยาหรือไม่ ถือเป็นจินตนาการมโน

“จุติ” วอนขุนคลังฟังจิ้งจกตุ๊กแกบ้าง

เมื่อเวลา 18.30 น. เข้าสู่มาตรา 9 กระทรวงการคลังวงเงิน 12,277,724,500 บาท นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงการคลังตั้งงบแบบเดิมๆไม่ตรงเป้า ให้ฟังจิ้งจกตุ๊กแกและฝ่ายค้านบ้าง จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 9 ด้วยคะแนน 280 ต่อ 151 งดออกเสียง 2 กระทั่งเข้าสู่มาตรา 10 งบกระทรวงต่างประเทศวงเงิน 4,893,467,200 บาท โดย น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรค ปชน.อภิปรายจี้ให้กระทรวงต่างประเทศแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนในไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงปัญหาการยุบพรรค การเมืองในไทยที่ถูกต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ขณะที่นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรค ปชน.อภิปรายขอตัดลดงบซอฟต์พาวเวอร์ของกระทรวงการต่างประเทศจาก 76 ล้านบาท เหลือ 11.6 ล้านบาท เพราะควรเป็นแค่ผู้ประสานงานเท่านั้น ก่อนลงมติมาตรา 10 เห็นชอบ 284 ต่อ 148 งดออกเสียง 2

“นันทนา” โวย “สว.สีน้ำเงิน” กินรวบ

ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กล่าวถึงกรณีที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ลงมติเห็นชอบแก้ไขข้อบังคับการประชุม และกำหนดให้มีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำวุฒิสภา 21 คณะ จากเดิม 26 คณะ ว่า 4 ร่างข้อบังคับของ สว.เสียงข้างน้อยที่เสนอไปถูกตีตก สะท้อนว่า ไม่เคารพเสียงข้างน้อยไม่มีความสำคัญ แม้จะมีข้อตกลงเพื่อลงมติร่วมกันแล้ว พอถึงเวลาใช้เสียงข้างมากลงมติตัดทิ้งไป สว.เสียงข้างน้อยทำงานลำบากมากไม่มีทางชนะในมติใดๆ ไม่ต้องพูดถึงการแก้รัฐธรรมนูญเราคงทำได้แค่ส่งเสียงผ่านสื่อมวลชนว่า พยายามเต็มที่แล้ว เราเสนอญัตติน้ำท่วมประชาชนเดือดร้อน แต่ไม่ได้บรรจุเข้าวาระประชุม คงได้ยินมาแล้วว่าจะมีประธาน กมธ.จาก สว.สีน้ำเงิน 21 เก้าอี้ ต้องถามประชาชนว่า เห็นชอบหรือไม่ เสียงข้างมากไม่ได้แปลว่าจะต้องกินรวบเป็นประธาน กมธ.ทุกคณะ ประธาน กมธ.ควรเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถตรงกับภาระหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อรับผลประโยชน์ มีห้องทำงานหรือขอเครื่องราชฯ

สว.ไฟเขียว อสส.-ปธ.ศาล ปค.สูงสุด

วันเดียวกัน มีการประชุมวุฒิสภามีวาระพิจารณาให้ความเห็นบุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.) โดยที่ประชุมลงมติเห็นชอบให้นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ ดำรงตำแหน่ง อสส.ด้วยคะแนน 184 เสียง ไม่เห็นชอบ 2 เสียง ไม่ออกเสียง 9 เสียง ต่อมาที่ประชุมวุฒิสภา พิจารณาลงมติว่า จะเห็นชอบให้นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด เเทน นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด คนปัจจุบัน ที่จะหมดวาระในวันที่ 30 ก.ย.2567 หรือไม่ โดยที่ประชุมลงมติด้วยคะแนนเห็นชอบ 164 เสียง ไม่เห็นชอบ 17 เสียง งดออกเสียง 9 เสียง บัตรเสีย 1 ใบ

นายกฯพร้อมจับมือสิงคโปร์ทุกมิติ

เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ทวีตข้อความผ่าน X ว่า ได้รับโทรศัพท์แสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่งนายกฯจากนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกฯสิงคโปร์ และได้ขอบคุณท่านและรัฐบาลสิงคโปร์สำหรับไมตรีจิตและมิตรภาพ ตั้งใจที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยทำงานอย่างใกล้ชิดทั้งในกรอบทวิภาคี อาเซียน และพหุภาคี เพื่อผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการค้า การลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจดิจิทัล และการท่องเที่ยว ในปีที่ผ่านมาไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์มากกว่า 1 ล้านคน นอกจากนี้ เห็นพ้องที่จะเดินทางเยือนกันและกัน ในปี 2568 เพื่อสานความสัมพันธ์และแนะนำตัว ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สิงคโปร์

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่