ศาลรัฐธรรมนูญประกาศควบคุมพื้นที่เข้ม รับมือวันชี้ชะตาคดียุบก้าวไกล-เศรษฐา จำกัดแค่คู่กรณี-จนท.ศาลฯเข้าฟังคำวินิจฉัย เลขาธิการพรรค พท.มั่นใจนายกฯบริสุทธิ์ ตั้ง รมต.ตามกระบวนการกฎหมายครบถ้วน ไม่เตรียมนายกฯสำรอง “อนุทิน” คึกคักสื่อแซวนายกฯสำรอง ยันทุกอย่างยึดกติกามารยาท สภาฯผ่านฉลุยงบฯเพิ่มเติมปี 67 วาระ 3 วงเงิน 1.22 ล้าน ลุยแจกดิจิทัลวอลเล็ต “จุลพันธ์” ขอประชาชนทยอยลงทะเบียนรับเงินหมื่น ผ่านแอปทางรัฐ “เผ่าภูมิ” การันตีพร้อมเต็มร้อย ไม่มีล่ม “ทักษิณ” ดอดยื่นขอบินไปดูไบ 16 วัน อ้างรักษาตัวและพบแขกส่วนตัว ศาลตีตกคำร้องชี้หมอไทยรักษาได้ ศาลอาญาสั่งจำคุก “เพนกวิน” หมิ่นเบื้องสูง 2 ปี ไม่รอลงอาญา
ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์วันตัดสินคดีสำคัญทางการเมือง ทั้งคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลฯ วินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และกรณีวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ จากกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยได้ประกาศควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ศาล รธน.ประกาศควบคุมพื้นที่เข้ม
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคและห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรค การเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค การเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง ในวันที่ 7 ส.ค.และกรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 83 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ในวันที่ 14 ส.ค. เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ คุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
...

จำกัดคู่กรณี–จนท.ศาลฯเข้าฟังผลคดี
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ดังนี้ 1.กำหนดบุคคลให้เฉพาะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ผู้รับมอบอำนาจหรือผู้รับมอบฉันทะ หรือผู้ที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาต รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น อยู่ในห้องพิจารณาคดี เพื่อรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าว และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจัดให้มีช่องทางการรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและสื่อมวลชน 2.ประกาศกำหนดอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยต่อไป ในวันที่ 7 ส.ค. เวลา 00.01 น. ถึงเวลา 23.59 น. สำหรับการอ่านคำวินิจฉัย เรื่อง กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และในวันที่ 14 ส.ค. เวลา 00.01 น.ถึงเวลา 23.59 น. สำหรับเรื่องพิจารณากรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 83 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา และนายพิชิตสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
พท.มั่นใจ “เศรษฐา” บริสุทธิ์
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พท.ให้สัมภาษณ์ถึงคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯว่า จริงๆเรื่องนี้ไม่มีอะไร เรามั่นใจในความบริสุทธิ์ของนายเศรษฐา ในฐานะพรรคการเมืองที่นายเศรษฐาสังกัด มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของนายเศรษฐาเต็มที่ การจะตั้งใครดำรงตำแหน่ง มีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ไม่ใช่คิดจะตั้งก็ตั้งทุกอย่างเป็นตามกระบวนการ และเรามั่นใจข้อกฎหมายด้วยเช่นกันว่านายกฯทำทุกอย่างตามกระบวนการครบถ้วน ทุกคนในพรรคส่งกำลังใจให้นายกฯ แต่ไม่ขอก้าวล่วงไปถึงคำวินิจฉัยของศาล เรื่องนายกฯสำรองพวกเราไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลย เรามองว่ามันคงไม่ไปถึงขั้นนั้น จึงไม่มีการพูดถึง หรือเตรียมการอะไรไว้ เพราะเรามั่นใจในความบริสุทธิ์ เมื่อถามว่าหากผลวินิจฉัยออกมาทางลบ นายกฯคนต่อไปต้องมาจากพรรค พท.หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า วันนี้เราไม่ได้คิดไปถึงเรื่องดังกล่าวเลย แต่ถึงอย่างไรพรรค พท.ยังมีแคนดิเดตนายกฯอีกสองคน
เชื่อล้านเปอร์เซ็นต์รอดไร้ปัญหา
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรี นายกฯ ได้หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องแล้ว การแต่งตั้งเป็นไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทำตามคำแนะนำของทุกภาคส่วน พรรค พท.จึงมั่นใจว่านายกฯจะไม่มีปัญหา เราเชื่อมั่นว่านายกฯบริสุทธ์และไม่กังวล ไม่มีการเตรียมนายกฯสำรองเหมือนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต วันนี้ทุกคนมุ่งมั่นทำงาน นายกฯทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อประเทศชาติ ในพรรคไม่มีใครพูดถึงนายกฯสำรอง เราเชื่อมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์ว่านายกฯรอดปลอดภัยแน่นอน เพียงแต่มองที่การทำงานเป็นหลัก เมื่อร่าง พ.ร.บ.งบฯรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ผ่านสภาฯ ทุกคนต่างดีใจว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใกล้เป็นจริง ส่วนความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาล ช่วยกันโหวตดีไม่มีใครบิดพลิ้ว เป็นสิ่งยืนยันว่าพรรคร่วมแน่นปึ้ก ไม่แตกแยก มีแต่การเตรียมการทำงานเพื่อประชาชนคนที่ออกมาพูดเรื่องนายกฯสำรองเป็นคนจิตใจไม่บริสุทธิ์ มองว่าคนเหล่านี้น่าจะสมองผิดปกติ จึงจินตนาการแต่เรื่องเลวร้าย อยากให้เข้าวัดฝึกนั่งสมาธิ จิตใจจะได้นึกเรื่องดีๆบ้าง

“อนุทิน” คึกคักถูกแซวนายกฯสำรอง
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีจะมีการตัดสินคดียุบพรรค ก.ก.และการตัดสินความเป็นนายกฯ ของนายเศรษฐา ทวีสิน และกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะพ้นโทษ ในฐานะเป็นฝ่ายปกครองต้องดูแลความเรียบร้อยอะไรพิเศษหรือไม่ว่าเกี่ยวอะไรกับความมั่นคง ยืนยันว่าไม่มี ทุกคนต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลต้องทำงานต่อไป จนกว่าจะมีคำพิพากษาอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรา ต้องปฏิบัติตาม ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นในเดือน ส.ค.ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับรัฐบาล เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวให้จับตาว่านายอนุทินจะเป็นนายกฯสำรอง นายอนุทินย้อนถามกลับว่า สำรองแสดงว่าไม่ใช่ของจริง เมื่อถามย้ำว่าหากเกิดอุบัติเหตุการเมืองกับนายเศรษฐา คนที่จะได้นั่งในตำแหน่งนายกฯต่อคือนายอนุทินหรือไม่ นายอนุทินอุทานว่า “โอ๊ย สมพรปาก ผมเอาตามกติกา กติกาคืออะไร พรรคที่มีสมาชิกมากที่สุดต้องเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ส่วนพรรคที่มีสมาชิกไม่ถึงต้องเป็นพรรคร่วมและเมื่อร่วมกันแล้วต้องสนับสนุนกันให้ตลอดรอดฝั่ง” เมื่อถามว่ามีสัญญาณอะไรมาถึงแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวติดตลกว่า มีสัญญาณ 5G มือถือติดตลอด
ลั่นทำทุกอย่างตามกติกามารยาท
เมื่อถามว่ากระแสมาแรงขนาดนี้ กลัวว่าพรรค พท.จะหวาดระแวงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี ตนทำหน้าที่ตอนนี้ตามกระทรวงที่กำกับดูแล ทำหน้าที่ดูแล 3-4 กระทรวงที่กำกับดูแลอยู่ วันที่ไปตีกอล์ฟที่เขาใหญ่ไม่เคยได้คุยเรื่องนี้ นายทักษิณ ถามแต่ตีกอล์ฟห่วยจัง ฝีมือไม่ได้เรื่อง น่าจะตีได้ดีกว่านี้ ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรที่มีชื่อโผล่เข้ามา เพราะรู้ตัวเองอยู่แล้ว ทำตามกติกามารยาท ทุกวงการมีกฎกติกามารยาท ถ้าเราเคารพกติกาเสียอย่างไม่มีอะไรต้องกังวล ถ้าพรรค ภท.มาด้วยที่นั่งสูงสุด ใครก็มาแย่งตนเป็นนายกฯไม่ได้เหมือนกัน เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์กันว่าที่ตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกลก่อน อาจนำไปสู่งูเห่าที่จะเข้ามาสังกัดพรรค ภท.และอาจสนับสนุนให้นายอนุทินเป็นนายกฯ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี เลี้ยงงูแล้วมีความสุขหรือ ไม่เอาหรอก
เล็งรอง ปธ.สภาฯ แทน “หมออ๋อง”
เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลถูกยุบได้เล็งผู้ที่จะทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ในฐานะอดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล แล้วหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้เป็นไปตามกติกาและมารยาท ประธานและรองประธานสภาฯชุดนี้เลือกกันก่อนการฟอร์มรัฐบาล จึงเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นตามปกติ แต่ตอนนี้ถือว่ามีความเป็นปกติแล้ว ภท.ต้องขอแหละครับ หากมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น และต้องให้กำลังใจนายปดิพัทธ์ ขอให้โชคดีทุกคน มันหมดเวลาชิงดีชิงเด่น ไปนั่งปรารถนาร้ายต่อกัน ไม่มีประโยชน์ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการทำหน้าที่ นายอนุทินกล่าว เมื่อถามว่ามีชื่อนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท.จะมาเป็นแคนดิเดตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทน นายอนุทินหัวเราะ ก่อนตอบว่า มันยังไม่เกิดขึ้น ให้เกิดขึ้นก่อน
ชิ่งตอบปรับ พปชร.พ้นพรรคร่วมฯ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.แล้วหรือไม่ นายอนุทินเดินออกจากวงสัมภาษณ์พร้อมโบกมือปฏิเสธ ก่อนระบุว่าให้ไปถามพรรคแกนนำ ไม่ใช่มาถามตน และตนไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร เมื่อถามย้ำว่าไม่ชอบเลี้ยงงูหรือ นายอนุทินกล่าวว่าไม่ได้เลี้ยง เมื่อผู้สื่อข่าวแซวว่าออร่านายกฯจับ นายอนุทินกล่าวติดตลกว่าไปฉีดโบทอกซ์ เติมฟิลเลอร์มา

นายกฯถกทูตมะกันตอบแทนการค้า
เมื่อเวลา 09.30น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อปฏิบัติภารกิจตามปกติ โดยเวลา 10.00 น. นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก (Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจําประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และตัวแทนจากกองทัพอากาศ เข้าพบนายกฯบนตึกไทยคู่ฟ้าร่วมหารือกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยนายสุทินเปิดเผยว่าเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยมาพูดคุยกับนายกฯและคณะทำงานของนายกฯ มี รมว.ต่างประเทศ และตัวแทนกองทัพอากาศด้วย ทางสหรัฐฯคงอยากนำเสนอเงื่อนไขทางการค้าต่างๆ เพิ่มเติม แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยเฉพาะการตอบแทนการค้า (Offset Policy) เรารับฟังข้อเสนอของทุกฝ่าย ทั้งเครื่องบิน F-16 Block 70 และเครื่องบิน Gripen หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วจะตัดสินใจอย่างดีที่สุด เมื่อถามว่าที่มีการให้ไปปรับจะปรับส่วนใดอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า ปรับการพูดคุยเรื่องการตอบแทนการค้า (Offset Policy) มีกำหนดเวลาถึงวันที่ 20 ส.ค. แต่ถ้าเสร็จก่อนนำมาเสนอนายกฯก่อนได้ เมื่อถามว่าถ้ามีการปรับแล้วทุกฝ่ายจะโอเคใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่าจะโอเคหรือไม่ เราต้องมาเปรียบเทียบกับเครื่องบิน Gripen อีก
จับมือร่วมกวาดล้างยาเสพติด
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายกฯให้ความสำคัญกับการเร่งรัดปราบปรามยาเสพติด เอกอัครราชทูตสหรัฐฯชื่นชมนายกฯถึงบทบาทนำของไทยในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาคและยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของสหรัฐฯ และกระชับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดกับรัฐบาล ทั้งการสนับสนุนงบประมาณ เครื่องมือตรวจจับและป้องกัน รวมถึงการอบรมบุคลากรไทยด้วย ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและสหรัฐฯพร้อมร่วมมืออย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)และสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration : DEA) หวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างใกล้ชิดร่วมกันต่อไป ในโอกาสนี้สหรัฐฯยืนยันสนับสนุนความร่วมมือกับไทย รวมทั้งอาจพิจารณาแสวงหาความร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงาน รวมถึงกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สภาฯถกงบเพิ่มเติมปี 67 วาระ 2
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท วาระ 2-3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง เป็นประธานพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายพิชัยกล่าวว่า กมธ. เริ่มพิจารณาวันที่ 19 ก.ค.เสร็จวันที่ 25 ก.ค. เป็นการพิจารณางบกลางในส่วนรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยินดีชี้แจงข้อซักถามทุกมาตรา
ก้าวไกลไล่ถล่มเสี่ยงผิดกฎหมาย
จากนั้นที่ประชุมพิจารณาวาระ 2 รายมาตรา เริ่มจากมาตรา 3 งบรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 ตั้งไว้ 1.22 แสนล้านบาท กมธ.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) หลายคนสงวนความเห็นอภิปรายตัดทอนลดวงเงินลงมา อาทิ นายนพณัฐ มีรักษา กมธ.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีปัญหาเข้าข่ายความจำเป็นต้องจัดทำงบฯ เพิ่มเติมประจำปีหรือไม่ ถ้าเพียงหาเงินไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น ขอให้ทราบว่าโครงการจะเริ่มแจกเงินไตรมาสแรก ปีงบฯ 68 ไม่ได้แจกในปีงบฯ นี้ ไม่จำเป็นต้องร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 ร่างกฎหมายนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเงินการคลังของรัฐ การที่กระทรวงการคลังอ้างแม้จะแจกไม่ทันวันที่ 30 ก.ย. แต่ใช้ช่องทางงบเหลื่อมปีตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณได้ เพราะการที่ประชาชนลงทะเบียนถือเป็นการก่อหนี้ผูกพันแล้ว อธิบายแบบนี้มีปัญหาแน่นอน ไม่ใช่สัญญาทุกประเภทจะก่อให้เกิดหนี้ การเปิดลงทะเบียนแล้วอ้างเป็นการก่อหนี้ผูกพันไม่เคยมีมาก่อน ต่อให้เปิดลงทะเบียน แต่ยังไม่ส่งมอบเงินถือว่าสัญญาไม่สมบูรณ์ฟ้องศาลไม่ได้
อัดยับ ก.คลังมั่วตัวเลขจีดีพี
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ในฐานะ กมธ. อภิปรายว่าการที่รัฐบาล บอกโครงการดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นจีดีพีได้ 1.2-1.8% ย้อนแย้งตัวเลขที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินกระตุ้นจีดีพีได้ 0.9% และคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินกระตุ้นได้แค่ 0.3% ต่อมาการประชุม กมธ.งบรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 ปลัดกระทรวงการคลังชี้แจง กมธ.ว่า ได้ทบทวนใหม่ โครงการนี้ให้ผลตอบแทนแค่ 0.9% แต่ต่อมาวันที่ 26 ก.ค. รมว.คลังบอกโครงการดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.2-1.8% กลับไปตัวเลขเดิม ไม่รู้จะเชื่อใครดี ถ้าขอเงินใช้มากขนาดนี้ ต้องบอกได้จะเกิดผลตอบแทนแค่ไหน ตัวเลข 1.2-1.8% เป็นตัวเลขที่ประเมินตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.67 แต่ตัวเลขที่ปลัดกระทรวงการคลังชี้แจงต่อ กมธ.เป็นตัวเลขที่ประเมินใหม่ หลังเดือน เม.ย.67 การประเมินจีดีพีโต 1.2-1.8% อยู่บนสมมติฐานวงเงิน 5 แสนล้านบาท เป็นการกู้เงินทั้งหมด รวมกับเงินธ.ก.ส. แต่ข้อเท็จจริงล่าสุดวงเงินลดเหลือ 4.5 แสน ล้านบาท ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่โฆษณาไว้การประชุมวิปฝ่ายค้านวันที่ 30 ก.ค. สศช.ชี้แจงว่า เดิมประเมินกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.3% จากสมมติฐานการใช้เม็ดเงินใหม่ ใช้เงิน ธ.ก.ส. แต่ปัจจุบันแหล่งที่มาของเงินเปลี่ยนไป ต้องประเมินใหม่ เชื่อว่าตัวเลขกระตุ้นเศรษฐกิจจะลดลง
ซัดมุ่งหาเสียงสร้างภาระการคลัง
นายวีระ ธีระภัทรานนท์ กมธ.พรรค ก.ก. อภิปรายว่า อยากให้รัฐบาลถอนคันเร่งโครงการดังกล่าว เห็นชัดเจนว่ามีปัญหา อาจต้องส่งให้องค์กรอิสระตีความในอนาคต และยังพบสัญญาณอันตรายคือ รายจ่ายจากภาระดอกเบี้ยที่สูงเกือบ 10% ของรายได้ที่หามาได้ การจัดทำงบปี 68 มีการตั้งงบเพื่อชดใช้หนี้ 4.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 1.5 แสนล้านบาท ดอกเบี้ย 2.6 แสนล้านบาท เป็นการทำงบขาดดุลสูงสุดไม่เคยมีมาก่อน ขอตั้งข้อสังเกตโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายเรือธงพรรคเพื่อไทยที่นำเป้าหมายมาสร้างความชอบธรรม แต่วิธีนำไปสู่เป้าหมายอันตรายมาก เป็นนโยบายหาเสียงที่สร้างภาระการคลังในอนาคต เป็นตัวอย่างให้รัฐบาลในอนาคตใช้นโยบายการคลังสุ่มเสี่ยงเช่นนี้

“ฐากร” แนะแจกเงินสดกลุ่มเปราะบาง
นายฐากร ตันฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายว่า ขอปรับลดรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 ลง 100% สิ่งที่รัฐบาลทำส่อขัดกฎหมาย 2 ฉบับคือ 1.มาตรา 21 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เปรียบกับการขี่มอเตอร์ไซค์ปล่อยมือ เสี่ยงอันตราย 2.ขัดมาตรา 43 พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ที่กระทรวงการคลังบอกเป็นการก่อหนี้ผูกพัน เพื่อให้ใช้งบประมาณเหลื่อมปีได้ ทั้งที่ไม่ใช่การก่อหนี้ผูกพัน ถ้าไม่สามารถกันงบ 1.22 แสนล้านบาทได้ทันวันที่ 30 ก.ย. ขอเสนอทางออกว่า 1.เงินที่รัฐบาลกันไว้แล้วจากเงินงบกลาง 43,000 ล้านบาท และงบเพิ่มเติมปี 2567 อีก 1.22 แสนล้านบาท รวมเป็น 1.65 แสนล้านบาท ขอให้รัฐบาลแจกเงินดังกล่าวผ่านแอปเป๋าตัง หรือเป็นเงินสด ให้ประชาชน 16.5 ล้านคน เฉพาะกลุ่มเปราะบางให้เสร็จก่อนวันที่ 30 ก.ย. จะทำให้เงินดังกล่าวสามารถใช้ได้ถูกต้องตามระเบียบต่อไป
ออกตัวดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่ยาวิเศษ
ต่อมานายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า ยืนยันตัวเลขที่ระบุโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.2-1.8% แต่มีคำห้อยท้ายว่า ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มางบประมาณ เงื่อนไขโครงการ จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการและพฤติกรรมการใช้จ่ายเงิน ขณะนี้ไม่มีโมเดลใดรองรับผลโครงการได้ชัดเจน เพราะไม่เคยมีโครงการใดในประเทศที่มีข้อจำกัดเรื่องการใช้ ระยะทาง กรอบการบังคับใช้ 2 รอบมาก่อน จึงไม่มีตัวเลขชี้ชัดเฉพาะให้มั่นใจ จะเชื่อตัวเลขของใครขอให้เดินหน้าโครงการ เชื่อว่าตัวเลข 1.2-1.8% เป็นไปได้ อย่าคิดว่าโครงการใดของรัฐเป็นยาวิเศษปรับโครงสร้างเศรษฐกิจได้ ไม่ยืนยันดิจิทัลวอลเล็ตเป็นยาวิเศษขนาดนั้น แต่อย่ามองแค่มิติตัวเลขจะกระตุ้นจีดีพีเติบโตเท่าไร ยังมีผลที่เกิดขึ้นอีกมากมาย เช่น กำลังซื้อในหมู่ประชาชน 50 ล้านคน ระบบแอปพลิเคชันนำไปสู่การเป็น E-goverment ไม่มีแอปใดลงทะเบียนได้ถึง 40-50 ล้านคน ช่วยให้นำข้อมูลมารวมกันไปต่อยอดนโยบายรัฐอื่นๆ ส่วนที่ห่วงเงินจะกระจุกตัวกับรายใหญ่ ขอย้อนถาม กมธ.ที่สงวนความเห็นว่านโยบายของท่าน เช่น เบี้ยผู้สูงอายุที่เติมเงินสดเป็นห่วงหรือไม่ว่าเงินจะกระจุกตัวรายใหญ่ เพราะผู้สูงอายุเข้าร้านสะดวกซื้อเช่นกัน ยืนยันจะแจกเงินได้ไม่เกินเดือน ธ.ค. ถึงมือประชาชนแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสมาชิกอภิปรายยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง ที่ประชุมลงมติเห็นชอบ มาตรา 3 ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอมา ด้วยคะแนน 287 ต่อ 170 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1
“ไหม” ให้แบ่งงบไปตรึงราคาน้ำมัน
ช่วงบ่าย เข้าสู่มาตรา 4 งบฯรายจ่ายเพิ่มเติมงบกลาง ให้ตั้งไว้ที่ 1.22 แสนล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดย กมธ.เสียงข้างน้อยจากพรรค ก.ก.อภิปรายท้วงติงการจัดงบฯมาทุ่มให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว โดยไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด ควรกระจายไปใช้กับโครงการอื่นด้วย ตลอดจนการจัดงบเพิ่มเติมในรูปแบบงบกลาง ทำให้ยากแก่การตรวจสอบ อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายว่า อยากให้นำงบกลางไปใช้ช่วยเหลือบรรเทาค่าครองชีพประชาชน เช่น การตรึงราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน การลงทุนเศรษฐกิจฐานรากในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ รัฐบาลไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้ท้องถิ่นจัดการกันเอง หลังสมาชิกอภิปรายครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 4 ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอมาด้วยคะแนน 290 ต่อ 160 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 2 เช่นเดียวกับมาตรา 5 การให้กระทรวงการคลังมีอำนาจสั่งจ่ายเงินแผ่นดินตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.นี้ หรือตามที่สำนักงบจะได้จัดสรร หรือตามที่จะได้โอนเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย ที่ประชุมให้ความเห็นชอบตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอมา
โหวตท่วมท้นผ่านงบเพิ่มเติมวาระ 3
กระทั่งเวลา 15.00 น. หลังจากที่สมาชิกอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 67 ครบถ้วน ทั้ง 6 มาตราแล้ว ที่ประชุมลงมติวาระ 3 เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ทั้งฉบับ ด้วยคะแนน 292 ต่อ 161 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง จากนั้นนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธาน กมธ. กล่าวปิดท้ายว่า ขอบคุณสมาชิกที่ให้ความเห็นชอบ งบนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญใช้ขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ รวมถึงความห่วงใยต่างๆ รัฐบาลจะนำไปประกอบพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้เม็ดเงินงบประมาณมากที่สุด ขอให้ความมั่นใจงบที่ได้รับอนุมัติจะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ จะกำกับดูแลการใช้จ่ายงบให้โปร่งใส บรรลุผลสัมฤทธิ์ ใช้งบให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน
“จุลพันธ์” ขอ ปชช.ทยอยลงทะเบียน
ต่อมานายจุลพันธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในวันที่ 1 ส.ค. ขอให้ประชาชนทยอยลงทะเบียน ไม่ต้องรีบเร่งเกินไป เพราะเปิดลงทะเบียนได้แบบไม่อั้น ไม่จำกัดโควตา และเปิดลงต่อเนื่องถึง 45 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย. เพื่อป้องกันระบบหน่วง แอปทางรัฐจะรองรับเข้าได้ 50,000 คนต่อวินาที หากเข้ามาเกินในเวลาพร้อมกันอาจต้องรอระบบสักระยะถึงเข้าได้ เช่นเดียวกับการยืนยันตัวตน ทยอยทำได้ กรณีที่แจกเป็นเงินดิจิทัลไม่ใช่เงินสด เพราะจะช่วยให้เงินหมุนเวียนในระบบได้ดีกว่า
“เผ่าภูมิ” ยันแอปฯทางรัฐไม่มีล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลจะเปิดระบบแอป พลิเคชัน “ทางรัฐ” ให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 08.00 น. สำหรับผู้ยืนยันตัวตน (KYC) ในแอปฯทางรัฐเรียบร้อยแล้ว กดปุ่มยืนยันรับสิทธิ์ดิจิทัลวอลเล็ตได้ตามขั้นตอนโดยสมบูรณ์ และรอคำตอบว่ามีสิทธิ์หรือไม่ในวันที่ 22 ก.ย. หากไม่ได้ รับสิทธิ์จะมีเหตุผลแจ้งกำกับและยื่นอุทธรณ์ได้ตามช่องทางที่ระบุไว้ในแอปฯ ทั้งนี้ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า ระบบแอปทางรัฐพร้อม 100% รองรับการลงทะเบียนรับสิทธิ์ดิจิทัลวอลเล็ตได้มากกว่า 5 ล้านคนต่อวัน และเปิดระบบคอลเซ็นเตอร์ 1111 ให้สอบถามตลอด 24 ชั่วโมง รัฐบาลได้ตั้งวอร์รูมเตรียมแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ขอยืนยันว่าแอปฯทางรัฐจะไม่ล่ม กรณีขัดข้องหรือล่มเป็นช่วงๆเมื่อวันที่ 30 ก.ค. เนื่องจากเป็นช่วงปรับปรุงรีเซ็ตระบบ

“เฉลิม” ปัดไม่รู้คน พท.ไหลซบ พปชร.
เมื่อเวลา 13.10 น. ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เดินมาขึ้นลิฟต์ พร้อมเดินมาทักทายสื่อว่า ตนอยู่ที่ห้องทำงาน สส.ในสภาฯ มาสภาทุกครั้งที่มีการนัดประชุมใหญ่ ผู้สื่อข่าวถามว่าท่านแฮปปี้ดีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษว่า “Very Happy” พร้อมยิ้มให้ผู้สื่อข่าว ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรค พปชร. ระบุจะมีการเปิดตัว 2 อดีตสมาชิก-สส.พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิมรีบกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องแล้วเดินขึ้นลิฟต์ไปทันที
“ไผ่” โชว์รูป สส.พปชร.ปึกย้ำขับแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า จากกรณีปัญหาภายในพรรค พปชร. หลังไลน์ สส.พรรคหลุด แสดงความไม่พอใจนายสามารถ เจนชัยจิตวณิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรมและสมาชิกพรรค พปชร.ทีิ่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและนายกฯ ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถ้ายังไม่หยุดเคลื่อนไหวจะใช้มติกรรมการบริหารพรรคขับออก ล่าสุดเมื่อเวลา 12.45 น.นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร. โพสต์ภาพถ่ายร่วมกันของ สส.พรรค 30 กว่าคน ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส สส.พะเยา นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ สส.ฉะเชิงเทรา ในฐานะกรรมการบริหารพรรค และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ผ่านเฟซบุ๊กระบุข้อความว่า “พวกเราพี่น้องพรรคพลังประชารัฐ อยู่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน ปลดแน่นอนคนที่สร้างความวุ่นวายครับ เซ็นกันทั้งพรรคทุกคนครับ” ป.ล.รูปเพิ่งถ่าย 12.30 น. 31/7/67 ก่อนหน้านี้นายสามารถโพสต์ว่า“ลุงป้อมโทร.มาเช้านี้ พร้อมบอกว่าไม่มีใครปลดมึงได้ ไม่ต้องห่วง เป็นกำลังใจให้ลุงด้วยนะเอฟซี ส่วนเย็นนี้ผมจะพา สส.เข้าพบลุงป้อม คุยการเมืองต่อ”
กก.บห.–สส.ลงชื่อชง “บิ๊กป้อม” ขับ
วันเดียวกัน กรรมการบริหารพรรคและ สส.ได้ร่วมลงชื่อเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ขับนายสามารถพ้นจากสมาชิกพรรค หากไม่หยุดสร้างความเสียหายให้พรรค วันที่ 1 ส.ค. นายสันติจะเรียกนายสามารถเข้าพบ ต่อมานายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ขอตอบว่าเซ็นชื่อไปหรือยัง การขับออกเป็นข้อเสนอตามความเห็นของ สส.ที่ประชุมหารือกันไปแล้ว
โวยชู “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ ผิดตรงไหน
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรค พปชร. กล่าวว่า ไม่ได้ทำอะไรให้พรรคเสียหาย ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพูดแทนประชาชนที่เดือดร้อนปากท้อง ทำในนามส่วนตัว เป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เคยใส่เสื้อพรรค พปชร.ไปด่านายกฯ ถ้านายกฯ เสียหายฟ้องได้ แต่นายกฯไม่เคยฟ้องแม้แต่คดีเดียว ไม่เคยมี สส.หรือสมาชิกพรรค พท.ออกมาโต้ตอบ กลับกันพรรคพ ปชร.เดือดร้อนแทน พรรคเป็นลูกไล่หรือพรรคร่วมรัฐบาล และพรรค พปชร.มีแคนดิเดตนายกฯคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. ถ้าจะเชียร์ให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯผิดหรือ และตนไม่เคยถูกขับพ้นพรรค คนพูดเคยถูกขับหรือเปล่า สื่อมวลชนคงรู้ วันที่ 14 ส.ค.ไม่มีใครรู้ว่านายเศรษฐาจะรอดหรือจะโดน แต่การเตรียมพร้อม ต้องทำ 40 สส.ที่แอบอ้างว่าอยากเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เคยคิดจะชู พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯบ้างหรือ
“ทักษิณ” ย่องขอศาลบินดูไบ 16 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญาว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมานายทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดี ป.อาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพ และเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้ นายทักษิณเดินทางไปยื่นคำร้องด้วยตัวเอง เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการมีเพียงเจ้าหน้าที่ธุรการเข้าเวรไม่กี่คน ขณะที่ศาลได้นัดไต่สวนและฟังคำสั่งไปเมื่อวันที่ 30 ก.ค. มีคำสั่งในทางไต่สวนสรุปได้ความว่า จำเลยมีความประสงค์เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปพำนักอยู่สหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) ระหว่างวันที่ 1-16 ส.ค.2567 เพื่อพบแพทย์ที่เคยตรวจรักษาอาการป่วยปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบหายใจและหลอดเลือดหัวใจเอ็นไหล่ขวาฉีกขาด และหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ในสถานพยาบาล ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 2 และ 8 ส.ค.2567 โดยจำเลยยังมีนัดหมายกับบุคคลสำคัญหลายคนด้วยภารกิจส่วนตัวหลายเรื่อง จำเลยจะเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่ศาลนัดไว้ในวันที่ 19 ส.ค.2567
ศาลยกคำร้องชี้หมอไทยรักษาได้
ศาลเห็นว่าแม้จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยมีเอกสารหลักฐานจากแพทย์สนับสนุน และนัดพบบุคคลสำคัญหลายคน โดยช่วงเวลาที่จำเลยพำนักอยู่ ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นช่วงเวลาก่อนกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานก็ตาม แต่อาการป่วยของจำเลยเป็นโรคที่เกิดแก่บุคคลทั่วไป และแพทย์ในประเทศไทยตรวจรักษาเป็นประจำอยู่แล้ว การเดินทางไปพบบุคคลสำคัญของจำเลยเป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลย ทั้งไม่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดแจ้งถึงความจำเป็นดังกล่าว ประกอบกับช่วงระยะเวลาที่เดินทางใกล้กับวันนัดตรวจพยานหลักฐานในชั้นนี้ ไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้ยกคำร้อง จากนั้นนายทักษิณได้เซ็นรับทราบคำสั่งแล้วกลับไป
สั่งจำคุก 2 ปี “เพนกวิน” หมิ่นสถาบัน
สายวันเดียวกัน ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร จำเลยฐานดูหมิ่นสถาบันตาม ป.อาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 กรณีระหว่างวันที่ 28 ก.ค.-1 ส.ค.2564 จำเลยโพสต์ข้อความและเผยแพร่ภาพผ่านเฟซบุ๊ก อันเป็นการหมิ่นประมาทแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบัน จำเลยหนีศาล ถูกออกหมายจับ ปรับนายประกัน ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานดูหมิ่นสถาบันฯ บทหนักสุดจำคุก 3 ปี คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ให้ออกหมายจับจำเลยมารับโทษต่อไป
ป.ป.ช.ขยายผลคดี “ชาญ พวงเพ็ชร์”
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการกล่าวหานายชาญ พวงเพ็ชร์ เมื่อครั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี กับพวก จัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของ อบจ.ปทุมธานี ราคาสูงเกินจริงระหว่างปี 2555-2556 ว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้ไต่สวนเพิ่มเติมและขยายผล เนื่องจากเห็นว่ายังมีผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน ให้ไต่สวนเพิ่มเติมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง อาจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือเอกชน