สส.ภูมิใจไทยตบเท้าแถลงจุดยืนค้าน “กัญชา” เป็นยาเสพติด ย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยฐานะเป็นผู้ริเริ่มและบุกเบิกเรื่องกัญชาเพื่อนำมาใช้ในทางการแพทย์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่เห็นด้วยกับการนำกลับไปสู่ยาเสพติด แต่ควรมีกฎหมายขึ้นมาควบคุม

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย นำขบวน สส.แถลงกลางสภา

เหมือนโยนระเบิดใส่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล

พรรคภูมิใจไทยมีมารยาทมากพอในฐานะพรรคร่วม ไม่ได้มีปัญหากับรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย หลังปรับให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด

“เมื่อมีการปรับเปลี่ยนให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเกิดความสับสนเล็กน้อย เพราะเราเพิ่งจะได้ปลดล็อกกัญชาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทั้งที่มีพี่น้องหลายชุมชนได้ลงทุนด้านนี้เป็นมูลค่าหลายหมื่นล้าน ดังนั้นจะต้องมีกฎหมายควบคุมกัญชาดีกว่าที่จะกลับไปเป็นยาเสพติด”

ฟังเสียงดูนุ่มนวลเป็นกัลยาณมิตร แต่แฝงไว้ด้วยท่าทีขู่ฟ่อ

คอการเมืองฟังแล้วถึงกับสะดุ้ง ตีโจทย์เป็นอื่นใดไม่ได้เลย นอกจากการถอนแค้นเอาคืนของ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ค่ายภูมิใจไทย หลังถูกพรรคเพื่อไทยทุบตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เจ็บปวด เก็บกด แต่ส่งเสียงร้องไม่ได้ ได้แต่ทำหน้าชื่นแต่อกตรม

มาคราวนี้ กล้าเล่นเกมข่มขู่ เพราะดูเหมือนจะมีแต้มต่อ หลังการเลือก สว.ที่ค่าย “เซราะกราว” ภูมิใจไทย กวาดที่นั่งว่าที่ สว.ไปกว่าครึ่ง

ยังไงก็น่าเกรงขาม พาวเวอร์อัปขึ้นแน่ในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับองค์กรอิสระ ข้อกฎหมาย

ดูเหมือนว่าฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ค่ายแดง ค่ายส้ม เพื่อไทย ก้าวไกล ก็ยังไม่สามารถเข้ามาแชร์พื้นที่ ลดแรงปะทะความเสียหายจากนิติสงครามได้สักเท่าไหร่

...

ความพ่ายแพ้ศึกเลือก สว.ครั้งนี้ ถือเป็นความเพลี่ยงพล้ำรุนแรง

โอกาสที่พลิกเกมสลัดหลุดพ้นจากวงจรนิติสงครามก็สูญหายไป

การเลือก สว.ระบบไขว้อาชีพสุดพิสดารครั้งนี้น่าจะผ่านการรับรอง ไม่โมฆะล้มโต๊ะ เพราะไม่รู้จะอธิบายประชาชนยังไง เหมือนเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า ตอบสังคมไทยและสังคมโลกลำบาก

กระนั้นแม้กติกาที่เขียนมาจะไม่เข้าทางฝ่ายอำนาจเก่า แพ้นักเลือกตั้ง นักจัดตั้งยับเยิน แถมยังเห็นแนวโน้มตั้งแต่ก่อนกาบัตร ฝ่ายจ้องล้มโต๊ะจึงต้องออกมาขวางแต่หัววัน

สุดท้ายก็เสร็จนักเลือกตั้งจริงๆ เพียงแต่โชคยังดี ว่าที่ สว.ส่วนใหญ่ไม่ใช่ค่ายส้ม-แดง กลายเป็นค่ายน้ำเงินที่ชนะไปเด็ดขาด

ดังนั้น โอกาสที่จะมีการประนอมอำนาจ จึงมากกว่าล้มกระดาน เพราะมันน่าเกลียดเกินไป

ดูทรงภูมิใจไทยที่กำลังห่ามห้าวชั่วโมงนี้แล้ว อาจเป็นเพราะมีอำนาจเก่าเข้าไปผนวกแล้วหรือไม่ เลยกล้าออกมาบวกกับพรรคเพื่อไทยแบบไม่กลัวเกรง

“ภูมิใจไทย” ตอนนี้เหนืออื่นใดคือทำทุกอย่างเพื่อให้ว่าที่ สว.ผ่านการรับรองไปก่อน

ถ้าหากต้องล้มโต๊ะเลือกกันใหม่ ใช่ว่าค่ายน้ำเงินจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นนี้

การไปร่วมมือกับอำนาจเก่า ปฏิบัติการตอบโต้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ในฐานะศัตรูคนเดียวกันจึงเกิดขึ้น

โมเมนตัมอำนาจในรัฐบาลเริ่มเปลี่ยนอีกรอบ เพื่อไทยไม่ได้กุมสภาพเบ็ดเสร็จ ถือไพ่เหนือกว่าเหล่าบรรดาพรรคร่วมขั้วอนุรักษ์นิยมแล้ว

เมื่อพรรคภูมิใจไทยแรงขึ้นมา ฝ่ายอำนาจเก่าขั้วอนุรักษ์นิยมก็กระโดดขึ้นหลังไปขย้ำพรรคเพื่อไทยระบายความเก็บกด หมั่นไส้

แต่ก็กลายเป็นต้องอาศัยคนอื่นไปเรื่อยๆ ทั้งแดง ทั้งน้ำเงิน เพราะตัวเองไม่แข็งแรงพอ ไม่พยายามที่จะสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่

สุดท้ายหากพรรคสีน้ำเงินขึ้นมาฟัดพรรคสีแดง ตัวเองก็เป็นได้เพียงแค่ลมใต้ปีก

น่าสนใจว่าค่ายน้ำเงินอาจแรงขึ้นมาแทรกกลางอำนาจมั่วๆในรัฐบาล

ต่อรองได้ทั้งซ้ายขวา กลายเป็นตาอยู่คว้าพุงปลาไปกินแล้วกินอีก

แต่ตาอินกับตานา เพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์อาจแห้งตายทั้งคู่.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม