เปิดปฏิทินต้นเดือนมิถุนายน แป๊บๆย่างเข้ากลางปีแล้ว วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กระตุ้นความรู้สึกประชาชนรากหญ้า อารมณ์คนหาเช้ากินค่ำ หมุนเงินกันไม่ทัน สวนทางกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ไทยที่อืดเป็นเรือเกลือ เหมือนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่
กิจการซบเซา ค้าขายเงียบเหงา ค่าแรงขั้นต่ำไม่ขยับ รายได้ฝืดเคืองเต็มที
ณ วันที่ไข่ไก่ปาไปฟองละ 4–5 บาท โปรตีนราคาถูกของชาวบ้านแพงขึ้นจนแม่บ้าน พ่อบ้าน จ่ายตลาดต้องร้อง สัญญาณปัญหาปากท้องเข้าขั้นวิกฤติ
ในสภาพรัฐบาลติดหล่ม ฝ่ายบริหารสะดุดปมกฎหมาย
จังหวะเสี่ยงพลิกคว่ำพลิกหงาย สั่นสะเทือนความมั่นใจนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ ยอมรับสภาพความไม่แน่นอนทางการเมือง ฉุดดัชนีเศรษฐกิจทุกตัวร่วงไปตามๆกัน
เรื่องใหญ่ระดับที่สำนักข่าว “บลูมเบิร์ก” ของ สหรัฐอเมริกา ตีแผ่บทวิเคราะห์ไปทั่วโลก สะท้อนสถานการณ์ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ความไม่แน่นอนทางการเมืองเฟสใหม่ ที่เป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจเสี่ยงสร้างความเสียหายต่อตลาดเงินที่เปราะบางของประเทศ
ผลพวงจากอำนาจทับซ้อน สภาพรัฐบาลคลุมเครือ “นายกฯ 2-3 คน”
“นายกฯในตำนาน” มีอิทธิพลเหนือ “นายกฯ ในตำแหน่ง”

...
ที่สุดก็หนีไม่พ้นแง่งแหลมๆ เงี่ยงปมกฎหมายคมๆ สถานการณ์ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ต้องตกอยู่ในสภาพห้อยต่องแต่ง ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา จากคดีที่ 40 สว.ร้องให้ฟัน ฐานกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ ส่อผิดจริยธรรมร้ายแรง
สุ่มเสี่ยงโทษหนักถึงขั้นหลุดตำแหน่ง
จากการดื้อแพ่ง แต่งตั้ง “ทนายถุงขนม 2 ล้าน” นายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งๆที่เคย “ติดตะราง” โดนศาลฎีกาสั่งจำคุกโดยไม่รอลง อาญา พฤติการณ์ทำลายความเชื่อมั่นศาลยุติธรรม
ยิ่งกว่าจิ้งจกทัก คนร้องตะโกนดักทางเตือนกันทั้งเมืองยัง “ฝืน” ชนตอจนได้
อาการแก้ตัวไม่ออก แบบที่ผู้นำยอมรับกับปากเลยว่า “หนักใจ” อารมณ์หวั่นไหว ซ่อนความวิตกกังวลยังไงก็ไม่มิด
จังหวะพลาดสะดุดขาตัวเอง โทษใครไม่ได้
ลูกไหลเข้าทางบาทาขบวนการ “ดักสอย” อารมณ์ไม่ปล่อย “นาทีทอง” แบบที่นายสมชาย แสวงการ หัวขบวนกลุ่ม 40 สว.เปิดเบื้องลึก เผยเบื้องหลัง “ปฏิบัติการลับ” แต่เร็วแบบสายฟ้าฟาด
ตรวจทานสำนวน เช็กเอกสาร ยื่นเช็กบิลนายกฯ กันถึง 14 รอบ
พร้อมโชว์หน้า โชว์ตัว เปิดชื่อของ สว.ที่ร่วมลงลายเซ็นส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ล้วนแต่เบอร์ใหญ่ที่ไม่ใช่ตัวตึง ตัวจี๊ด วิ่งเกาะขบวนอำนาจ มีครบทั้งสายลุง 2 ป. โดยเฉพาะ 23 คน ก็เคยโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี
เกม “มังกรซ่อนพยัคฆ์” ยากจะไล่เช็กผู้สั่งการเบื้องหลัง
แต่ที่แน่ๆหวังผล “ล้มกระดาน” กันเลยก็แล้วกัน
รังสีอำมหิต สัญญาณ “ทำลายล้าง” ที่มาแบบดุดัน สวนทางกับอาการฝ่อ ไม่มั่นใจมาตรฐานทีมกฎหมายในเครือข่ายทีมเพื่อไทยจะรับมือไหว
เพราะตั้งแต่ยุคของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่ตกเก้าอี้เพราะรับจ้างทำกับข้าวออกทีวี จนถึงคิว “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โดนศาลรัฐธรรมนูญฟันตกเก้าอี้ทั้งที่อยู่ในห้วง “รักษาการ”
สะท้อนฝีมือทีมทนายประจำตระกูลของ “เถ้าแก่ใหญ่” ได้เป็นอย่างดี
อาถรรพณ์ “เดจาวู” วนมาหลอน ต้องพึ่งมือระดับซือแป๋ช่วยถอนเท่านั้น
ปรากฏการณ์แบบที่นาย
เศรษฐาต้องไปกดกริ่งหน้าประตูบ้าน ลงทุนเอาเกี้ยวไปหามนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ มือกฎหมายเบอร์ต้นๆ ของประเทศไทย ขอใช้บริการ “เนติบริกร” เป็นกุนซือกฎหมาย
แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นข้าราชการการเมือง

ยอม “เขิน” ลืมเรื่องบาดหมางครั้งเก่าที่เคยด่ากันแรงๆแบบไม่ไว้หน้า นาทีนี้ผู้นำหวังให้นายวิษณุช่วยเป็น “ทนายแก้ต่าง” แนะนำร่างคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ด้วยลีลาโวหารชั้นปราชญ์ อาจโน้มน้าวคณะตุลาการได้
ตามผลงานที่นายวิษณุเคยเป็นหัวขบวนทนายแก้ต่าง ช่วยให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ไม่ต้องหลุดเก้าอี้ จากคดีที่โดนร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติขัดกฎหมาย
และนอกจากความเชี่ยวเชิงกฎหมายระดับอ๋อง การพึ่ง “เนติบริกร” ยังน่าจะหมายรวมไปถึงการพ่วงบารมีของชื่อ “วิษณุ เครืองาม” จัดอยู่ในตำนานที่ผูกขาดทำเนียบฯ อยู่มาแล้วทุกรัฐบาล เป็นผู้มากบารมี มากคอนเนกชัน
หวังเป็นยันต์ช่วย “เศรษฐา” รอดอาถรรพณ์ “เดจาวู”

อย่างไรก็ตาม จับทางจากการที่นายวิษณุชิงออกตัวล่วงหน้า เล่าเบื้องหลังวันที่นายเศรษฐาบุกไปหาถึงบ้าน ทีแรกเสนอให้เป็นรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย แต่บอกปัดไป เพราะไม่สะดวก ไม่อยากวุ่นวาย
เลยรับปากเป็นแค่กุนซือ “พาร์ตไทม์” ของนายกฯ โฉบไปโฉบมาอยู่วงนอก
อารมณ์ “เนติบริกร” ยังเด้งเชือก ไม่ลุยเต็มตัว
สถานะของ “ส่วนตัว” ไม่ได้เป็นทางการ ระดับความชัวร์จึงประกันไม่ได้ในระนาบเดียวกับ “บิ๊กตู่” ที่นายวิษณุลุยให้เต็มที่ในฐานะรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย
น่าจะช่วยให้นายเศรษฐาผ่อนคลายความกังวลได้แค่ระดับหนึ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสถานการณ์แผ่นดินไหวเขย่ารัฐบาลตั้งลำไม่ติดนับตั้งแต่ปรับ ครม.มาเดือนกว่า ล่าสุดถึงโซนอันตราย
แรงปะทะพุ่งเข้ากระแทก “ศูนย์อำนาจ” พรรคเพื่อไทยโดยตรง
จากการที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทุกข้อกล่าวหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
จากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เหตุเกิดเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2558 ระหว่างอดีตผู้นำหลบหนีคดีอยู่ต่างแดน
ตั้งแท่นนำตัว “นายกฯในตำนาน” ส่งฟ้องศาล ลุ้นประกันตัว
ตามปรากฏการณ์แปร่งๆที่หนีไม่พ้นถูกมองเป็นเหลี่ยมแฝง ในจังหวะก่อนหน้านัดไม่ถึง 24 ชั่วโมง นายทักษิณได้ส่งทนายความ ขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งอัยการ อ้างติดเชื้อโควิด ป่วยกะทันหัน พร้อมแนบใบรับรองแพทย์มายืนยัน
ทำให้อัยการต้องนัดใหม่ กำหนดให้อดีตนายกฯ เข้าพบอัยการสูงสุดในคดีความผิดมาตรา 112 ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ พร้อมนำตัวส่งฟ้องศาล
สถานการณ์ “นายใหญ่” กลับมาอยู่ในโซนเสี่ยงคุกอีกคำรบ
โดยรูปคดี บ่งบอกว่า “มันยังไม่จบครับนาย” ดีลอำนาจรัฐบาลสูตรพิสดารถึงจุดพลิกผัน เปิดเกมต่อรอง วัดใจกันใหม่
จังหวะกระตุกอาการผวา กระตุ้นภาวะแพนิกเรือนจำ
การที่ “นายกฯในตำนาน” ที่กำลังเดินสาย ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ทัวร์อีสาน อย่างสบายอุรา เกิดป่วยขึ้นมาอย่างบังเอิญเหมาะเจาะกับจังหวะคาบลูกคาบดอก
บอกไปใครก็ไม่เชื่อว่าไม่ได้หวั่นไหว ไม่ใช่อาการเสียว
โดยเฉพาะกับมาตรฐานสูงๆของอดีตผู้นำลี้ภัยต่างแดน ที่ตั้งธงสร้างวีรกรรม กลับบ้านเท่ๆ ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
จังหวะเช็กไม่ออก จับสัญญาณคลื่นอำนาจไม่ชัด
ท่ามกลางกระแสขัดอกขัดใจในหมู่ขาใหญ่ เบี้ยวดีลลังกาวี มันก็ยิ่งเสียว
แม้นายวิษณุจะปลอบประโลม วิเคราะห์ในอารมณ์ “โลกสวย” ตั้งข้อสังเกตระยะหลังๆ ศาลจะให้ประกันตัวผู้ต้องหา คดีความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112
ดูได้จากเด็กเฮี้ยวทีมส้ม สส.ก้าวไกล ยังไม่ต้องโดนล็อกเข้ากรงขัง
แต่นั่นก็ต้องเงี่ยหูฟังข้อมูลผู้เชี่ยวชาญคดีอีกด้าน สถานการณ์ของนายทักษิณต่างกับคนอื่น เพราะอยู่ในระหว่างพักโทษ ยังไม่พ้นอาญาคดีค้างเก่า ถ้าศาลรับฟ้องตามคำสั่งฟ้องของอัยการสูงสุด
จุดที่ทำให้การพิจารณาให้ประกันตัวอาจซับซ้อน ไม่ง่าย

ท่ามกลางแรงกดดัน สัญญาณลบมาเต็ม กองแช่งเคลื่อนไหวจับตาไม่กะพริบ จากพฤติการณ์ “นายใหญ่” ที่ท้าทาย ยั่วต่อมหมั่นไส้ฝ่ายต่อต้าน กระตุ้นอาการหวาดระแวงในหมู่หัวขั้วอำนาจขัดแย้ง ไม่ไว้วางใจ “ทักษิณ” คนเดิม
เพิ่มเติมคืออาการย่ามใจ “แต้มต่อ” ขี่ไฟต์บังคับขบวนการอนุรักษ์นิยมต้องใช้บริการเป็นหัวขบวนต่อสู้กับทีมเด็กรุ่นใหม่พรรคก้าวไกล
นั่นเลยนำมาซึ่งสถานการณ์ตกที่นั่งลำบาก โดนปักชนักคาหลัง
ลุ้นเสียวทั้ง “นายกฯในตำนาน–นายกฯในตำแหน่ง”.
“ทีมการเมือง”
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม