สุดยื้อ “บุ้ง ทะลุวัง” หลังหมดสติและหัวใจหยุดเต้นคา รพ.ราชทัณฑ์ ก่อนส่งต่อ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ และเสียชีวิตในเวลา 11.22 น. หมอระบุสาเหตุมาจากหัวใจล้มเหลว ด้าน “ทวี สอดส่อง” สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงทันที รวมถึงให้สหวิชาชีพร่วมชันสูตรศพ ส่วนครอบครัวยังทำใจไม่ได้ ขณะที่มีการเปิดพินัยกรรม “บุ้ง” บริจาคร่างกายให้คณะแพทยศาสตร์ มธ. เพื่อใช้ศึกษาภาวะร่างกายของมนุษย์ที่เกิดจากการอดอาหาร กับยกทรัพย์สินบางส่วนให้ “หยก” ด้านเครือข่ายนักเคลื่อนไหวรวมตัวจุดเทียนวางดอกไม้ให้ “บุ้ง” นักกิจกรรมที่ต้องจบชีวิตเพราะอดอาหารประท้วงเรียกร้องปฏิรูประบบยุติธรรม

จากกรณี น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง แกนนำกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาคดี ม.112 ที่ถูกส่งเข้าคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำกลางคลองเปรม และประกาศอดอาหารประท้วงในเรือนจำ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และต้องไม่มีคนเห็นต่างทางการเมืองถูกคุมขัง มีอาการหมดสติหัวใจหยุดเต้น ขณะเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 14 พ.ค.

...

“ปอ” แจ้งข่าว “บุ้ง” หัวใจหยุดเต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 08.22 น. น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ ทะลุวัง ได้โพสต์ข้อความในไลน์กลุ่มสื่อมวลชนนักศึกษานักกิจกรรมใจความว่า ฝากกระจายข่าวด่วนค่ะ!! เช้านี้โรงพยาบาลราชทัณฑ์แจ้งว่าบุ้งหัวใจหยุดเต้นและกำลังปั๊มหัวใจอยู่ สามารถไปติดตามสถานการณ์ได้ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

ไม่พบสัญญาณชีพแต่แรก

ต่อมาเวลา 09.25 น. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หรือทนายด่าง ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากญาติของบุ้งว่าแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้นำตัวบุ้งขึ้นรถไปรักษาต่อที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต จ.ปทุมธานี เบื้องต้นจากที่ ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์นั่งรถพยาบาลไปส่งบุ้งด้วยแจ้งกับญาติบุ้งล่าสุดคือ ไม่พบสัญญาณชีพ บุ้งอาการทรุดหนักมาตั้งแต่เวลา 06.00 น.ไม่รู้สึกตัว คาดว่าหัวใจหยุดเต้น จึงมีการปั๊มหัวใจ ก่อนหน้าบุ้งอดอาหารประท้วงในเรือนจำ แต่เนื่องจากอาการหนักขาบวมมาก ทำให้ทางพ่อแม่บุ้ง ขอร้องให้บุ้งรับสารอาหารที่ขาด เช่น แคลเซียม จึงน่าจะมีผลมาจากการอดอาหารมาเป็นเวลานาน ขณะที่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีครอบครัวของบุ้งเดินทางมาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงเพื่อนๆนักกิจกรรมที่รู้ข่าวต่างทยอยเข้ามาให้กำลังใจบุ้งไม่ขาดสาย

รพ.มธ.ฯ แจงทำ CPR ตลอด

จากนั้นไม่นาน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ออกหนังสือแถลงการณ์ชี้แจงการเข้ารับการรักษาของนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม (บุ้ง ทะลุวัง) วันนี้ (14 พฤษภาคม 2567) เวลา 09.30 น. โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติรับตัวนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม (บุ้ง ทะลุวัง) จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วยอาการหมดสติ ไม่มีสัญญาณชีพและได้รับการทำ CPR เพื่อฟื้นคืนชีพจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตั้งแต่เวลา 06.23 น. และส่งผู้ป่วยมารับการรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยระหว่างการนำส่งมายังโรงพยาบาล ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ผู้ป่วยยังได้รับการช่วยฟื้นคืนชีพตลอดเวลาขณะนำส่ง

“บุ้ง” จากไปเวลา 11.22 น.

เมื่อผู้ป่วยถูกส่งตัวมาถึงได้ถูกนำเข้ารับการรักษา ณ ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ชั้น 1 อาคารกิตติวัฒนา โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เบื้องต้นแพทย์ประเมินพบว่าผู้ป่วยไม่มีสัญญานชีพ ระบบประสาทไม่มีการตอบสนอง ไม่พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ จึงทำการ CPR อย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือชีวิตอย่างเต็มที่ หลังจากการทำ CPR ฟื้นคืนชีพอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 09.30-11.22 น.ร่างกายผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาและถึงแก่กรรมอย่างสงบ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.22 น. ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตรอการชันสูตรตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

ทั้งสอง รพ.ยันยื้อเต็มที่แล้ว

ขณะที่กรมราชทัณฑ์ก็ออกเอกสารชี้แจงการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม เช่นกันว่า ด้วยทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้รายงานว่า น.ส. เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง มีอาการหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน ในช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ค. โดยทางทีมแพทย์ได้ทำการกู้ชีพพร้อมนวดหัวใจ จากนั้นส่งตัวออกรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งทีมแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯได้พยายามกู้ชีวิตผู้ป่วยอย่างสุดความสามารถ ตั้งแต่เวลา 06.20-11.22 น. ร่างกายผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาและถึงแก่กรรมอย่างสงบ ในเวลา 11.22 น. กรมราชทัณฑ์ จึงขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต

รมว.ยธ.สั่งตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า หลังจากที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้รับตัว น.ส.เนติพร จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. น.ส.เนติพรได้รับประทานอาหารและน้ำปกติ แพทย์และพยาบาลได้รักษาดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง แต่ยังมีอาการขาอ่อนแรงและบวมเล็กน้อย ผลเลือดมีภาวะโลหิตจางเล็กน้อย เกลือแร่ต่ำ โดย น.ส.เนติพร ปฏิเสธการรับประทานเกลือแร่และวิตามินบำรุงเลือด จนเกิดอาการดังกล่าวและเสียชีวิตในวันนี้ กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีข้อห่วงใยในเรื่องนี้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม จึงเห็นควรให้ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ทำการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ซึ่งจะต้องรอผลการชันสูตร นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม ได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว

จากลูกผู้พิพากษาสู่นักโทษ ม.112

สำหรับประวัติ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ปัจจุบันอายุ 28 ปี เกิดและเติบโตในครอบครัวผู้พิพากษา มีพี่สาวเป็นทนายความ โดยบุ้ง เป็นเด็กที่เรียนดีมาโดยตลอด เคยศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า บทบาทที่สำคัญคือเป็นคณะกรรมการนักเรียน จากนั้นมาศึกษาต่อที่สาขาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และยังรับงานพิเศษเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษ ระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย จบการศึกษาจาก ม.เกษตรศาสตร์ เคยเข้าร่วมม็อบ กปปส. และในการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 2553 จนมีผู้เสียชีวิตนับร้อย “บุ้ง” ในชุดเครื่องแบบนักเรียนก็เห็นดีเห็นงามด้วย แต่ต่อมามุมมองความคิดได้เปลี่ยนไปและเริ่มเคลื่อนไหวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และบนท้องถนน ช่วงที่มีการรวมตัวของม็อบราษฎร ปี 2563 กับกลุ่มนักเรียนเลว ก่อนจะมาเป็นหัวเรือใหญ่ของกลุ่มมวลชนที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มทะลุวัง” และตกเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 กรณีทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จที่บริเวณห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2565

อดอาหาร 109 วันก่อนสิ้นชีพ

ทั้งนี้ บุ้งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2565 ภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งถอนประกันตัวบุ้งกับใบปอ จากคดีทำโพลขบวนเสด็จที่บริเวณห้างสยามพารากอน บุ้งและใบปอประกาศประท้วงอดอาหารครั้งแรก ในการคุมขังครั้งดังกล่าว ก่อนได้รับการประกันตัวหลังทนายเข้ายื่นคำร้องขอประกันตัวบุ้งและใบปอ กว่า 8 ครั้ง ในวันที่ 4 ส.ค.2565 นับว่าเป็นการสิ้นสุดการคุมขังกว่า 94 วันของทั้งคู่ ส่วนการคุมขังครั้งที่ 2 มาจากกรณีที่บุ้งละเมิดอำนาจศาล ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2567 มีคำสั่งลงโทษจำคุกบุ้ง 1 เดือน และในวันเดียวกัน ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยังมีคำสั่งให้ถอนประกันตัวบุ้ง ซึ่งภายหลังการถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ ในวันที่ 27 ม.ค.2567 บุ้งได้เริ่มอดอาหารและน้ำเพื่อประท้วง โดยมี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ 2.จะต้องไม่มีคนเห็นต่างทางการเมืองถูกคุมขังอีก โดยก่อนหน้านี้ในการอดอาหารประท้วงช่วงแรกบุ้ง เคยถูกส่งไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แล้วครั้งหนึ่ง ต่อมาเมื่อเริ่มฟื้นตัว กรมราชทัณฑ์นำบุ้งกลับมารักษาที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ กระทั่งเวลา 06.00 น. วันที่ 14 พ.ค. บุ้งหมดสติและหัวใจหยุดเต้น แพทย์ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์พยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล จึงนำร่างที่ไร้สัญญาณชีพ ไปรักษาต่อที่ห้องฉุกเฉิน รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แต่ไม่เป็นผลและเสียชีวิตในที่สุด รวมเวลาที่อดอาหารประท้วง 109 วัน

เปิดพินัยกรรม “บุ้ง” บริจาคร่างกาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้บุ้งได้ทำหนังสือ แสดงเจตนารมณ์ขอบริจาคร่างกาย ไว้เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2567 มีใจความว่า ทำที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ข้าพเจ้านางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หนังสือฉบับนี้ทำขึ้นเพื่อแสดงเจตนาของข้าพเจ้า ซึ่งถูกคุมขังอยู่ตามหมายขังของศาลอาญากรุงเทพใต้และขณะนี้กำลังทำการอดอาหารและน้ำเพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรมและเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบตุลาการและกระบวนการยุติธรรมของไทย

มอบร่างให้คณะแพทย์ มธ.

ข้าพเจ้าขอแสดงเจตนาต้องการบริจาคร่างกายของตนภายหลังจากที่ตายแล้ว โดยขออุทิศร่างนี้ให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อการศึกษาและวิจัย เพื่อนำร่างข้าพเจ้าไปใช้ทำประโยชน์ เป็นการเผยแพร่ความรู้ถึงภาวะที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์เมื่อเกิดการอดอาหารขึ้น ในการอุทิศร่างกายดังกล่าว ขอความกรุณาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุณารับร่างของข้าไว้ แม้จะไม่สามารถเดินทางมากรอกข้อมูลและยื่นเอกสารด้วยตนเองได้ ด้วยเหตุผลส่วนตนและเหตุผลจากการที่ถูกคุมขังอยู่ภายใต้การควบคุมของราชทัณฑ์ ทั้งนี้ หากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะทำการรับร่างของข้าไว้ ก็จักเป็นการขอบพระคุณยิ่ง และต้องขออภัยหากหนังสือแสดงเจตนาของข้าพเจ้าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ โดยประการใด ขอแสดงความนับถือเป็นอย่างสูง ในกิจการที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ยืนหยัดช่วยเหลือประชาชนตลอดมา คุณความดีใดที่ได้จากการอุทิศร่างกายในครั้งนี้ ขอส่งให้กับประชาชนที่ยากลำบากทุกคน และขอให้ไม่มีความเหล่ือมล้ำในประเทศ ขอขอบพระคุณล่วงหน้า

ยกเงินเครื่องประดับให้ “หยก”

นอกจากนี้ บุ้ง ทะลุวัง ยังได้เขียนพินัยกรรมลงวันที่ 2 ก.พ. เพื่อแสดงเจตนาในการจัดการทรัพย์สินของตน ภายหลังจากที่ตนถึงแก่ความตายแล้ว ทรัพย์สิน ที่เป็นเงินสดของตนที่มีเก็บรักษาไว้และที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง รวมทั้งทรัพย์สินคือ นาฬิกาข้อมือ ต่างหู และสัตว์เลี้ยงคือ แมวชื่อ โซ 1 ตัว ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ น.ส.หยก ส่วนทรัพย์สินอื่นนอกจากที่ระบุไว้ข้างต้น อันรวมถึงที่ดิน สิทธิเรียกร้อง และสิทธิตามมรดกใดที่ตนพึงมีอยู่ก่อนที่จะถึงแก่ความตาย ขอยกให้แก่พี่สาวของตนแต่เพียงผู้เดียว และภายหลังจากที่ตนถึงแก่ความตายแล้ว ขอมอบให้ทนายความเป็นผู้จัดการมรดกของตนตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอํานาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ หากปรากฏว่า ณ วันที่ทําพินัยกรรม ฉบับนี้ขึ้น มีพินัยกรรมใดๆที่ปรากฏว่าได้ทําก่อนหน้า ให้ถือว่าพินัยกรรมที่ได้ทําก่อนหน้านั้นถูกยกเลิกทุกฉบับ ยืนยันว่าข้อความตามพินัยกรรมฉบับนี้เป็นไปตามเจตนาของตนทุกประการ ในขณะที่ทําพินัยกรรมฉบับนี้ ตนเข้าใจข้อความแห่งพินัยกรรมนี้เป็นอย่างดีและเห็นว่าตรงตามเจตนาของตน จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน

หมอชี้ตายจากหัวใจล้มเหลว

จากนั้นในเวลา 14.00 น. ที่สถาบันนิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการเสียชีวิตของ บุ้งว่า คุณหมอยืนยันว่าบุ้งเสียชีวิตที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับครอบครัว เนื่องจากครอบครัวยังทำใจไม่ได้ เท่าที่ทราบจากหมอที่ทางห้องฉุกเฉินส่งมาว่าสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นเกิดจากหัวใจล้มเหลว ส่วนสาเหตุการตายที่แท้จริง ต้องชันสูตรพลิกศพในวันที่ 15 พ.ค. เวลา 09.00 น. ก่อนจะส่งผลเลือดต่างๆไปตรวจสอบตามขั้นตอน ส่วนตัวยังไม่ออกความคิดเห็นอะไรมาก ขอดูรายละเอียด ให้ชัดเจนก่อน

ถ้าตายผิดธรรมชาติต้องมีคำชี้แจง

นายกฤษฎางค์กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้เข้าเยี่ยมบุ้ง แต่มีทนายประจำศูนย์ทนายความฯ จากการสังเกตทางกายภาพ บุ้งเริ่มบวม เจ้าตัวปวดท้อง อ่อนเพลีย แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก ย้ำแค่ว่าป่วย หลังจากนี้ถ้าหากผลการชันสูตรร่างของบุ้งออกมาอย่างละเอียดแล้วพบว่าการเสียชีวิตเป็นการตายโดยธรรมชาติ ครอบครัวจะยอมรับ แต่ถ้าหากผลออกมาเป็นการตายแบบผิดธรรมชาติ ทางกรมราชทัณฑ์จะต้องออกมาชี้แจง โดยก่อนที่บุ้งจะเสียชีวิต สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือครอบครัว และยังยืนหยัดว่าเขายังเชื่อในสิ่งที่เขาเรียกร้องมาตลอด

ข้องใจขอย้าย รพ.ไม่ได้

นายกฤษฎางค์ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าหลังจากเป็นข่าว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้โทรศัพท์มาหาพร้อมกับย้ำว่ากังวลเรื่องความโปร่งใส จึงอยากจะให้ชันสูตรที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ไม่ต้องส่งตัวไปที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนเห็นด้วย ที่ผ่านมาทนายพยายามยื่นประกันตัวบุ้งได้ไม่กี่ครั้งในคดี ม.112 และทางศาลได้ถอนประกันในคดีอื่นๆ แต่คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพ ใต้ไม่ให้ประกันตัว ส่วนเรื่องพินัยกรรมของบุ้งให้ว่าไปตามข้อกฎหมาย แต่ขอให้ผู้จัดการมรดกเป็นคนจัดการ ขออย่าเพิ่งโฟกัสประเด็นดังกล่าว ให้ไปโฟกัสถึงสาเหตุการตายว่าทำไมถึงตาย หรือทำไมถึงปล่อย ให้ตาย หรือทำไมไม่รีบส่งรักษา หลังจากขอร้องมานานแล้ว กรมราชทัณฑ์จะต้องตอบประเด็นนี้ให้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาทีมทนายยื่นขอส่งตัวมารักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ แต่ รพ.ราชทัณฑ์ยืนยันว่ารักษาได้ แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้กลับส่งตัวมาที่นี่ พร้อมขอตั้งคำถามถึงมาตรฐานของกรมราชทัณฑ์ไทยว่ามีหรือไม่

“ทวี” ย้ำให้ทำตรงไปตรงมา

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือบุ้ง ทะลุวัง ภายในเรือนจำว่า ได้รับรายงานแล้ว เบื้องต้นเพื่อให้เป็นไปตามหลักการของกฎหมาย จะต้องมีการชันสูตรพลิกศพ โดยการทำงานร่วมกันของกรมราชทัณฑ์และแพทย์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เพื่อไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจ เพราะโดยหลักการเสียชีวิตของผู้ที่อยู่ระหว่างการควบคุมของราชทัณฑ์หรือเป็นการควบคุมของเจ้าพนักงาน ถือเป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ ดังนั้น หลักการต้องมีการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งจะประกอบด้วยแพทย์จากนิติเวช กรณีนี้เป็นแพทย์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ กับเจ้าพนักงานสอบสวน และเนื่องจากเรื่องนี้เป็นการเสียชีวิตโดยการควบคุมของเจ้าพนักงาน จะต้องมีพนักงานอัยการ พนักงานฝ่ายปกครองและผู้เกี่ยวข้องมาร่วมชันสูตรพลิกศพ จะต้องทำให้เสร็จภายใน 7 วัน และได้รายงานเรื่องนี้ให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทราบแล้ว ทั้งนี้ ในฐานะ รมว.ยุติธรรมและรัฐบาล ทุกคนขอแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิต และอยากให้กระบวนการการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งถือเป็นสหวิชาชีพ และเป็นคนกลาง ได้เข้าทำหน้าที่ เชื่อกันว่าจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และจะลดความรู้สึกที่ไม่สบายใจของแต่ละฝ่ายลงได้

นัดจุดเทียนส่ง “บุ้ง ทะลุวัง”

ขณะเดียวก็มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักกิจกรรมต่างๆ โดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งดูแลคดีให้กับกลุ่มราษฎรและคดี ม.112 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “อยากชวนไปจุดเทียนส่งบุ้ง วันนี้หน้าศาลอาญา 19.00-19.30 น. กิจกรรมมีแค่จุดเทียนและรำลึกถึงบุ้งค่ะ ใครอยากไปส่งบุ้งด้วยกันเชิญค่ะ” ส่วนเครือข่ายกิจกรรมทางการเมืองบางส่วนได้เปลี่ยนโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียเป็นภาพสีดำเพื่อไว้อาลัย พร้อมประกาศนัดทำกิจกรรมร่วมจุดเทียนและวางดอกไม้ไว้อาลัยแด่ “บุ้ง เนติพร” ผู้เสียชีวิตระหว่างการอดอาหารประท้วงเรียกร้องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อาทิ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เวลา 17.00 น. ศาลอาญารัชดา เวลา 19.00 น. ท่าแพ จ.เชียงใหม่ เวลา 18.30 น. ช่วงนครห้าแยกหอนาฬิกา จ.ลำปาง เวลา 18.30 น. ลานย่าโม จ.นครราชสีมา 18.00 น. อนุสาวรีย์พญามังราย จ.เชียงราย 21.12 น. ตรงข้ามอาคารจอดรถ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เวลา 19.00 น.

“หยก” โพสต์อาลัย “บุ้ง”

ด้าน น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือหยก ผู้ต้องหาคดี ม.112 อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “Respect มากๆ ที่ตั้งตรงอยู่ในหลักการ วันนี้ในปีที่แล้วเรายังไม่ได้เจอกันข้างนอกเลย...เมื่อไหร่สังคมไทยจะก้าวไป เปิดรับ สีที่หลากหลายได้จริงๆเสียที สังคมไทยมีแต่สีขาวกับสีดำ คุณได้มองดูตัวเองบ้างหรือยัง คุณไม่เคยก้าวพลาด ไม่เคยทำผิดเลยหรือ ก่อนที่คุณจะป้ายสีให้ใครดำมืด ช่วยกรุณาดูสิ่งที่ตัวเองพิมพ์เสียก่อน ในตอนนี้ยังมีแพทย์รังสี มี rapper มีหัวหน้าครอบครัว มีสมาชิกครอบครัว พ่อ แม่ ลูก หลาน แต่เขาต้องจากเป็นจากไปอยู่ในนั้น ทั้งที่เขาควรได้อยู่ด้วยกันทำตามความฝันตัวเอง ฝันของพวกเขาแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่เขาก็มีฝัน มีแพลนของตัวเอง แต่ฝันร่วมกันของพวกเขาคือ อยากเห็นประเทศนี้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ขอให้ประเทศไทยโชคดีในการลงคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน

“ช่อ-โรม-ก.ก.” ร่วมแสดงความเสียใจ

ขณะที่คนในแวดวงการเมืองทยอยโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ “บุ้ง ทะลุวัง” อย่างต่อเนื่อง อาทิ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่าน x ว่า ต้องรอให้มีคนตายก่อนหรือถึงจะทำให้สังคมตระหนักว่าคนเห็นต่าง ไม่สมควรตาย หรือติดคุกและสิทธิการประกันตัวเป็นของทุกคน หรือแม้ แต่มีคนตายแล้ว ก็จะยังไม่เข้าใจ ไม่รับรู้กันอีก? พร้อม RIP บุ้ง เช่นเดียวกับ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.ทวีตข้อความผ่าน x ว่า ข่าวการจากไปของบุ้ง เป็นเรื่องที่สะเทือนใจมาก ที่สังคมต้องเห็นการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อทวงถามความเป็นธรรม ถามหาสิทธิในการประกันตัวออกมาสู้คดี ทั้งที่เป็นเรื่องพื้นฐานมากๆ ในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งแสดงความเสียใจต่อการจากไปของบุ้ง ขณะที่เพจเฟซบุ๊กของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์แสดงความเสียใจ พร้อมยืนยันหลักการว่า ในสังคมประชาธิปไตย สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนต้องได้รับการรับรอง ไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพียงเพราะเห็นต่างทางการเมือง ไม่ควรมีใครถูกปฏิเสธสิทธิในการได้รับประกันตัว เป็นต้น

กลุ่มปกป้องสถาบันย้ำจุดยืน

ด้านความเคลื่อนไหวของเครือข่ายปกป้องสถาบัน หลังการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. เฟซบุ๊กเพจ ขวาจัดชาติศาสนากษัตริย์ โพสต์ข้อความว่า เราพูดในแบบฉบับของเราเอากันตรงๆไม่อ้อมค้อม ต่อให้ต้องเสียอีกเท่าไหร่ อีกกี่คน การเปลี่ยนแปลงต้องไม่มี ยังคงเหมือนเดิม สถาบันและในหลวงยังต้องอยู่ต่อไป ไม่มีใครทำลายได้ ใครหมิ่นผมไม่ยอมไม่มีวันให้อภัย...#จงจำไว้อย่างนะคุณทำตัวของคุณเองไม่มีใครทำร้ายคุณ เราไม่ยอมยังไงก็ไม่ยอมสำหรับคนที่หมิ่นทำร้ายจ้องและทำลาย...

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่