“นายกฯ” แถลงแจกเงินหมื่นตามสัญญา ส่งถึงมือ 50 ล้านคนไตรมาส 4 ปีนี้ ใช้งบฯทั้งหมดไม่พึ่ง พ.ร.บ.กู้เงิน ดันเศรษฐกิจโตร้อยละ 1.2-1.6 “ปลัดคลัง” การันตีถูกกฎหมาย ไม่ขัดวินัยการเงินการคลัง แจงปรับใช้งบฯปี 67-68 กู้ ธ.ก.ส.แจกเกษตรกร 17 ล้านคน “จุลพันธ์” โล่งอกเลิกเถียงปมเศรษฐกิจวิกฤติ เปิดเกณฑ์ผู้มีสิทธิรายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี เงินฝากแบงก์ไม่เกิน 500,000 บาท ไม่รวมสลากออมทรัพย์ หุ้นกู้ พันธบัตรแง้มร้านสะดวกซื้อ 7/11 เข้าร่วมได้ เพิ่มเกณฑ์ร้านค้าต้องใช้เงินหมุน 2 รอบถึงถอนเงินสดได้ ธปท.ยังห่วงขอสแกนที่มาเม็ดเงิน-ความคุ้มค่า “ไหม” บี้แจงเกณฑ์ใช้เงินให้ชัด แนะถามกฤษฎีกายืมเงิน ธ.ก.ส. คาใจลดภาษีโอนบ้านหลังไม่เกิน 7 ล้านบาทเอื้อใคร อสส.เลื่อนสั่งคดี ม.112 “ทักษิณ” นัดฟังคำสั่ง 29พ.ค. ทีมโฆษกฯแจงเหตุพนักงานสอบสวนส่งข้อมูลสอบเพิ่มเติมยังไม่ครบ
รัฐบาลได้ฤกษ์ประกาศเริ่มต้นเดินหน้าโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยืนยันแจกเงินหมื่นให้ประชาชนในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 โดยไม่ต้องออก พ.ร.บ.กู้เงิน ครอบคลุมเป้าหมาย 50 ล้านคน วงเงิน 5 แสนล้านบาท เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ
นายกฯนั่งหัวโต๊ะถกบอร์ดเงินดิจิทัล
เมื่อเวลา 10.30 น. เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ครั้งที่ 3/2567 ทั้งนี้ ก่อนการประชุมนายกฯได้ถามหานายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยนายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าฯ ธปท. ตอบว่า “ผู้ว่าการ ธปท. ติดภารกิจประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครับ” โดยนายกฯกล่าวว่า “ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
...
ปลื้ม รบ.ทำตามสัญญาได้แล้ว
จากนั้นเวลา 11.35 น. นายเศรษฐาเป็นประธานการแถลงข่าวผลการประชุม ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) มีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผอ.สำนักงบประมาณ และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าร่วม โดยนายกฯเริ่มแถลงข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ฝนตกเดือน เม.ย.เป็นนิมิตหมายอันดี วันนี้รัฐบาลยินดีที่จะประกาศให้พี่น้องประชาชนทราบว่านโยบายการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายโดยตรงของรัฐบาลที่จะยกระดับเศรษฐกิจ ทั้งระดับประเทศและระดับประชาชนเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐบาลได้ใช้ความพยายามสูงสุด ฟันฝ่าอุปสรรคและข้อจำกัดทั้งหลาย
เงินหมื่นถึงมือ 50 ล้านคนไตรมาส 4 ปีนี้
“วันนี้ได้มาถึงวันที่รัฐบาลทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน จะให้สิทธิแก่ประชาชน 50 ล้านคน ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตวงเงิน 5 แสนล้านบาท กำหนดให้ใช้จ่ายในร้านค้าที่กำหนด จะเติมเงินลงสู่ฐานราก จะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยประมาณ 1.2-1.6% เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด โดยประชาชนและร้านค้าจะได้ลงทะเบียนยืนยันตัวตนในไตรมาส 3 และเงินจะส่งตรงถึงพี่น้องประชาชนในไตรมาส 4 ปีนี้” นายกฯกล่าวและว่า เป็นการใส่เงินในระบบเศรษฐกิจทั่วถึงและกระจายไปทุกพื้นที่ ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจให้ถึงฐานราก เกิดการจับจ่ายใช้สอย ยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจที่จะขยายการลงทุนขยายกิจการ เกิดการผลิตสินค้ามากขึ้นนำไปสู่การจ้างงาน สร้างอาชีพ เกิดการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบของภาษี เป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประเทศ เตรียมความพร้อมของประเทศให้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความโปร่งใสให้กลไกการชำระเงิน ความคุ้มค่าของการดำเนินงาน
รับผิดจากตั้งใจดีเลย์ไปปลายปี
เมื่อถามว่า มาตรการที่ออกมา ความรู้สึกลึกๆของนายกฯผิดจากความตั้งใจตอนหาเสียงอย่างไร นายกฯกล่าวว่า เป็นเรื่องระยะเวลาที่จะเกิดขึ้นได้ แน่นอนเราเป็นรัฐบาลที่ต้องรับฟังเสียงของประชาชน ที่คาดว่าทีแรกจะออกประมาณต้นปีนี้ แต่ดีเลย์ไปถึงปลายปี เราต้องฟังเสียงของทุกคน ให้ข้อแนะนำ คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ ก็พยายามตั้งคณะกรรมการต่างๆขึ้นมา ต้องดูอย่างดีอย่างละเอียด เพื่อให้เป็นโครงการที่โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริตและผลประโยชน์ทุกบาททุกสตางค์ตกอยู่กับพี่น้องประชาชน เมื่อถามว่านายกฯในฐานะประธานบอร์ดดิจิทัลซีเรียสหรือไม่ที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่เข้าร่วมการประชุมบอร์ดดิจิทัล 2 ครั้งสำคัญติดต่อกัน นายกฯกล่าวว่า ท่านติดภารกิจ ท่านบอกมาก็รับทราบ มีการส่งมอบตัวแทนมาเป็นไปตามกฎหมาย ถือว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความชอบธรรมถูกต้อง
เปิดแหล่งเงินใช้งบฯ 67–68 ยืม ธ.ก.ส.
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวถึงแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการ 500,000ล้านบาทว่า บริหารจัดการผ่านกระบวนการงบฯทั้งหมด แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1.งบฯปี 68 จำนวน 152,700 ล้านบาท ได้ขยายกรอบวงเงินเรียบร้อยแล้ว 2.ใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 172,300 ล้านบาทดูแลกลุ่มเกษตรกร 17 ล้านคนเศษ อำนาจหน้าที่ของ ธ.ก.ส.ทำได้ และมีสภาพคล่องเพียงพอ จะดำเนินการผ่านมาตรการ 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เริ่มต้นในงบฯปี 68 ส่วนรัฐบาลจะตั้งงบฯใช้คืน ธ.ก.ส.เมื่อใดและเท่าใด ต้องรอให้งบฯปี 68 ออกมาก่อน มีการตั้งใช้คืนสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเป็นระยะอยู่แล้ว ต้องดูความเหมาะสมแต่ละปีงบประมาณ 3.มาจากงบฯปี 67 จำนวน 175,000 ล้านบาท ยังมีเวลาที่รัฐบาลพิจารณาว่ารายการไหนปรับเปลี่ยนได้ รวมถึงงบกลางเพิ่มเติมหากวงเงินไม่เพียงพอ
ยันถูกต้องตาม ก.ม.ทุกประการ
“ถ้ารวมทั้งหมด 3 ส่วน จะได้วงเงินอยู่ที่ 5 แสนล้านบาทพอดี ขอยืนยันว่า การดำเนินการแหล่งเงินเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ กฎหมายงบประมาณหรือ พ.ร.บ.เงินตราที่ ธปท.กังวล ณ วันที่เริ่มโครงการปลายปี จะมีเงิน 5 แสนล้านบาทอยู่ทั้งก้อน ไม่ได้ใช้เงินสกุลอื่นหรือใช้มาตรการอื่นแทนเงิน ยืนยันมีเงิน 5 แสนล้านบาทในวันที่เริ่มโครงการแน่ ขอให้มั่นใจว่าเราทำตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องครบถ้วน” นายลวรณกล่าวและว่า ทั้งนี้ ยังไม่มีกำหนดวันเวลาชัดเจนเกี่ยวกับเงินฝากในบัญชี 500,000 บาท ว่าจะยึดข้อมูล ณ เวลาใด คณะทำงานจะประกาศรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนรายได้ 840,000 บาทต่อปี จะยึดข้อมูลการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 66 เป็นฐานข้อมูล

“จุลพันธ์” โล่งเลิกเถียงปม ศก.วิกฤติ
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แถลงต่อว่า ตอนนี้รัฐบาลปรับวิธีการมาใช้งบประมาณปกติ และไม่มีการออก พ.ร.บ.กู้เงินแล้ว ก็ไม่ต้องมีประเด็นมาถกกันอีกว่าเศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่วิกฤติ แต่รัฐบาลยืนยันว่าเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนยังลำบาก จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องดำเนินโครงการนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และแม้ว่ารัฐบาลใช้งบประมาณ แต่ก็นับเป็นเงินก้อนใหม่เพราะรัฐบาลใช้วิธีขาดดุลงบประมาณ 2568 เพิ่มเติม ส่วนงบปี 2567 แม้เป็นเงินเก่าแต่ผลจากการเริ่มใช้ล่าช้า จึงนำส่วนที่ใช้ไม่ทันปีงบประมาณมาใช้ในโครงการนี้แทน ส่วนผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้อาจไม่ชัด แต่ในปี 2568 ที่จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5% แน่ และคนที่ใช้สิทธิซื้อสินค้าเพื่อลดหย่อนภาษีผ่านโครงการ Easy e-receive เมื่อต้นปีก็สามารถรับสิทธินี้ได้ โดยจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือน เม.ย.นี้
เงินฝาก 5 แสนไม่รวมสลากออมทรัพย์
สำหรับคุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิได้รับเงิน ประมาณ 50 ล้านคน มีเกณฑ์ได้แก่ อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี และมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท ไม่นับรวมสลากออมทรัพย์ หุ้นกู้ ตราสารหนี้ พันธบัตร ขณะนี้ยังไม่กำหนดวันเวลาที่ชัดเจนเกี่ยวกับเงินฝากในบัญชี เช่นเดียวกันเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินของประชาชน ที่กำหนดใช้จ่ายในพื้นที่ระดับอำเภอที่มีทะเบียนบ้านอยู่นั้นจะใช้เกณฑ์วันเวลาใดก็ยังไม่ชัดเจน โดยนายจุลพันธ์กล่าวว่า เอาเป็นว่ายังไม่อยากบอกตอนนี้ คิดว่าคงไม่มีใครจะย้ายทะเบียนบ้านมาเพื่อเรื่องนี้หรอกมั้ง
ร้านค้าสะดวกซื้อ 7/11 ได้สิทธิ์ด้วย
นายจุลพันธ์กล่าวต่อไปว่า มีเกณฑ์การใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น ซึ่งที่มีคำถามว่าร้าน 7/11 ได้หรือไม่ ต้องบอกว่าเบื้องต้นเป็นร้านสะดวกซื้อลงมาถือว่าเป็นร้านขนาดเล็ก เพราะต้องการให้เงินกระจายอยู่ในชุมชน ส่วนแม็คโคร ห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ ซุปเปอร์มาเก็ต และห้างสรรพสินค้าไม่นับรวม นอกจากนี้ต้องการให้เงินเกิดการหมุนเวียน ต้องการให้ใช้จ่ายเงินได้หลายรอบ โดยรอบที่ 1 จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ร้านค้าไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันทีหลังประชาชนใช้จ่าย แต่ร้านค้าจะสามารถถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่ในรอบที่ 2 เป็นต้นไป ซึ่งการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเชิงพื้นที่และขนาดของร้านค้า
ร้านค้าถอนเงินสดต้องอยู่ในระบบภาษี
ส่วนประเภทสินค้า สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการได้ ยกเว้นสินค้าอบายมุข น้ำมัน บริการ และออนไลน์ นอกจากนี้คุณสมบัติร้านค้าที่ถอนเงินสดจากโครงการ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่วนวิธีการใช้เงินจะมีการจัดทำระบบเป็นการพัฒนาต่อยอดของรัฐบาลดิจิทัล โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีเป้าหมายให้เป็นซุปเปอร์แอปของรัฐบาล โดยการใช้งานจะพัฒนาให้สามารถใช้จ่ายได้กับธนาคารอื่นๆได้ด้วย ด้านการป้องกันการทุจริตของโครงการมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ มีผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน และผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นอนุกรรมการและเลขานุการร่วม มีหน้าที่หลักตรวจสอบ วินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ รวมถึงการกระทำที่อาจฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ย้ำ 50 ล้านคนได้เงินตามหาเสียง
จากนั้นเวลา 12.00 น. หลังเสร็จสิ้นการแถลง นายเศรษฐาได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวถามว่าได้อธิบายไปแล้วสบายใจขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า อย่างที่บอกทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้ ไม่มีอะไรที่ผิดแปลก ท่านถามมา ตนก็ตอบไปแล้วทุกอย่าง วันนี้ให้กลไกดำเนินงานไป และพี่น้องจะได้สตางค์ ทุกคนจะได้สตางค์ตามกฎที่บอกไว้คือ 50 ล้านคน
นับเงินฝากไม่เกิน 5 แสนถึง มี.ค.67
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้แม้จะไม่มีความชัดเจนเรื่องวันเวลาเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท แต่ได้มีการหารือกันในเบื้องต้นว่า จะไม่กำหนดวันเวลาหลังจากนี้ เนื่องจากเงื่อนไขต่างๆ ได้ออกมาชัดเจนแล้ว หากกำหนดเวลาหลังจากนี้จะมีการโยกย้ายเงินออกจากแบงก์พาณิชย์และแบงก์รัฐ จึงคาดว่าจะกำหนดว่ามีเงินฝากในทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท ภายในเดือน มี.ค.67 จึงจะได้รับสิทธิ์เงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่หากมีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันเกิน 500,000 บาท ตั้งแต่เดือน เม.ย.67 เป็นต้น ถือว่าหมดสิทธิ์รับเงิน 10,000 บาท
ธปท.ห่วงความคุ้มค่าที่มาเม็ดเงิน
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์และโฆษก ธปท.กล่าวถึง โครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขณะนี้ยังต้องศึกษาเงื่อนไขของโครงการให้ชัดเจน หลังรัฐบาลแถลงรายละเอียด ในการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตครั้งก่อนหน้า ธปท.ได้ส่งรายงานแสดงความห่วงใยหลายประเด็น แหล่งที่มาของเงินเป็นสิ่งหนึ่งในที่ ธปท.กังวล ธปท.ต้องมั่นใจว่าวงเงินหรือเม็ดเงินที่ต้องใช้ ต้องมีครบถ้วนตามกำหนดเวลา ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.เงินตรา ขณะที่แหล่งเงินตามมาตรา 28 ควรต้องผ่านกระบวนการ หลักเกณฑ์ถูกต้องครบถ้วน ทั้งเสถียรภาพและสภาพคล่องที่ต้องพิจารณา มุมที่ใช้วงเงิน ธ.ก.ส.ต้องดูตามขั้นตอนต่อไป หากดำเนินการได้ตามปกติ เป็นไปตาม พ.ร.บ.เงินตรา จะเป็นเงื่อนไขที่ ธปท.ให้ความสำคัญ
ยังติดใจอยากให้แจกเฉพาะกลุ่ม
โฆษก ธปท.กล่าวว่า อีกข้อที่ ธปท.กังวลคือกลุ่มเป้าหมาย ธปท.ชัดเจนตลอดอยากเห็นแบบเฉพาะกลุ่มที่เหมาะสม และต้องคุ้มค่าไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพการคลังระยะปานกลาง และยังต้องคำนึงเสถียรภาพการคลังโดยรวม อยากเห็นแนวทางว่าหากการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จะปรับลดลงมาอย่างไรในอนาคต กระทรวงการคลังได้พูดจาแล้วในระดับหนึ่ง ธปท.ยังมีหน้าที่ต้องดูแลระบบการชำระเงิน ระบบที่นำมาใช้แจกเงินเป็นระบบใหม่ ซับซ้อน ต้องใช้ระยะเวลาสร้างให้เกิดขึ้น ที่สำคัญต้องเสถียร ไม่ผิดพลาด และต้องดูแลข้อมูลส่วนบุคคลได้ ปลอดภัยจากภัยไซเบอร์

“ศิริกัญญา” บี้แจงแผนใช้เงินให้ชัด
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า อยากฝากรัฐบาลเมื่อยืนยันจะได้ใช้ในไตรมาส 4 ไม่เลื่อน อยากเห็นแผนงานทั้งหมด เช่น ร่าง พ.ร.บ.งบฯเพิ่มเติมประจำปีจะทำได้เมื่อไร การพัฒนาระบบแอปพลิเคชันใหม่จะเสร็จเมื่อใด ไม่ใช่แค่หาแหล่งที่มางบฯให้ครบจำนวน ร้านสะดวกซื้อจะรวมอยู่ในร้านค้ารายเล็กที่มีสิทธ์ิเข้าร่วมโครงการหรือไม่ รายละเอียดยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะกลไกยุ่งยากในการแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินสดคือต้องใช้ 2 รอบ จึงแลกเป็นเงินสดได้ แลกได้เฉพาะร้านที่อยู่ในฐานภาษีอาจทำให้ร้านค้ารายย่อยตัวจริง ไม่อยากเข้าร่วม เพราะลำบากแลกมาแล้วยังแลกเป็นเงินสดไม่ได้ ถ้าร้านค้ารายเล็กร่วมโครงการน้อย การให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับฐานรากน่ากังวลใจ ผลกระทบที่จะตามมาคือหนี้สาธารณะ เอาเฉพาะการขยายวงเงินงบฯปี 2568 หนี้สาธารณะขึ้นไปอยู่ที่ 67% แล้ว ยังมีภาระดอกเบี้ยแต่ละปีเพิ่มเป็น 11% ของรายได้ เท่ากับเก็บภาษีมาเท่าใดเอาไปจ่ายดอกเบี้ยหมด เป็นคอขวดสำคัญที่รัฐบาลต้องก้มหน้ารับไป รัฐบาลชุดต่อไปต้องมาแบกรับภาระหนี้จ่อคอหอยที่จะชนเพดาน 70%
แนะยื่นถามกฤษฎีกายืมเงิน ธ.ก.ส.
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะยืมเงิน ธ.ก.ส.172,300 ล้านบาท มาจ่ายให้เกษตรกรถือว่ามีอำนาจใช้เงิน ธ.ก.ส.และเป็นไปตามวินัยการเงินการคลังหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า เรื่อง ธ.ก.ส.ยังมีประเด็นข้อกฎหมาย เพราะวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส.ตามกฎหมาย ทำได้เฉพาะช่วยให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ไม่ได้มีวัตถุประสงค์พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร โดยแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ต้องส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเหมือนกรณีธนาคารออมสินหรือไม่ แต่มันมีความเทาๆที่ตีความเข้าข้างรัฐบาลทำได้ การละเลยให้กฤษฎีกาตีความก่อนน่ากังวล ธ.ก.ส.ยังติดเกณฑ์กรอบวินัยการเงินการคลัง ไม่แน่ใจรัฐบาลจะถามกฤษฎีกาก่อนหรือไม่ แต่ฝ่ายค้านจะช่วยกระทุ้งอีกแรงต้องดูให้ดีๆหรือต้องแก้ไข พ.ร.บ.ธ.ก.ส.ให้เรียบร้อยก่อน ถ้ารัฐบาลจะออกพ.ร.บ.งบฯกลางปี 2567 เพิ่มเติม ให้สบายใจ ธ.ก.ส.ไม่ต้องกังวลจะเอาเงินมาใช้ดิจิทัลวอลเล็ต แค่นี้ก็บิดมากพอแล้วเพื่อจ่ายให้เฉพาะเกษตรกร 17 ล้านคน
คาใจกระตุ้นภาคอสังหาฯเอื้อใคร
น.ส.ศิริกัญญากล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ล่าสุดไม่ใช่นโยบายใหม่ทำกันมาหลายครั้ง กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เดินต่อไปได้ แต่แปลกรอบนี้คือการลดค่าโอนจากเดิมที่ลดค่าโอนเฉพาะบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ขยายเป็น 7 ล้านบาท เพราะมีสต๊อกคงค้างขายไม่ออกถึง 46% ชวนตั้งข้อสังเกตโครงการนี้เป็นไปเพื่ออะไร ให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น หรือแค่กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว ให้บริษัทในภาคนี้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เลี่ยงไม่ได้ถูกตั้งคำถามถึงผลประโยชน์ทับซ้อนของนายกฯ เพราะเป็นเงินที่ต้องส่งต่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่การลดค่าโอนที่ขยายฐานไปถึง 7 ล้านบาท ทำให้สูญเสียเงินค่าธรรมเนียมถึง 2.3 หมื่นล้านบาท อยากให้รัฐบาลเปลี่ยนวิธีการ เหมือนควักเงิน อปท.ไปอุดหนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ไม่ยุติธรรมกับ
อปท.ที่อยู่ๆรายได้หายไป
อสส.เลื่อนสั่งคดี ม.112 “ทักษิณ” 29 พ.ค. เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารรัชดาภิเษก นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมนายณรงค์ ศรีระสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายจิตภัทร พุ่มหิรัญ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีแพ่งกรุงเทพใต้ 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เเละ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่เกาหลีเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2558 โดยนายประยุทธกล่าวว่า อัยการสูงสุดยังมิได้มีความเห็นและคำสั่งทางคดี เนื่องจากพนักงานสอบสวนส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติม ตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งยังไม่ครบถ้วน สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 จึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่งไปในวันที่ 29 พ.ค.2567 เวลา 09.00 น. โดยมีผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ชินวัตร มารับทราบการเลื่อนคดีเพื่อไปฟังคำสั่งตามวันเวลาดังกล่าวแล้ว
พงส.ส่งผลสอบเพิ่มเติมยังไม่ครบถ้วน
นายประยุทธกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้นายทักษิณได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมผ่านพนักงานสอบสวนไปตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. ทำให้อัยการต้องพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและเห็นว่ามีประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม โดยพนักงานสอบสวนได้ส่งผลการสอบสวนมาเพียงบางประเด็น ทำให้ยังไม่มีความเห็นทางคดี และนัดมาฟังอีกครั้งวันที่ 29 พ.ค. เวลา 09.00 น. ขณะที่นายทักษิณไม่ได้เดินทางมา แต่ส่งนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความในฐานะผู้รับมอบอำนาจและนายประกันเป็นผู้มารับฟังคำสั่งเลื่อนแทนตัวผู้ถูกกล่าวหา อัยการสูงสุดได้แสดงผลสถานะทางคดีผ่านระบบ OAG-Tracking แจ้งให้ทราบผ่านออนไลน์ คดีนายทักษิณได้แจ้งผ่านระบบไปเมื่อช่วง 16.00 น. วันที่ 9 เม.ย. ทำให้ตัวผู้ต้องหาส่งตัวแทนมาได้และไม่ต้องมาเอง เเนวทางนี้ถือเป็นเเนวทางปฏิบัติที่เท่าเทียมกันทุกคนใช้กับประชาชนทั่วไป
นัดหน้ายังร้องขอความเป็นธรรมได้อีก
เมื่อถามว่าประเด็นสอบสวนเพิ่มเติม เรียกพยานหลักฐานจากประเทศเกาหลีใต้เป็นเอกสารสำเนาต้นขั้วมาได้หรือไม่ นายประยุทธกล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้เป็นรายละเอียดเชิงลึกในคดี เมื่อถามว่า เมื่อถึงวันนัดฟังคำสั่งนัดหน้าหากนายทักษิณยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีกทำได้หรือไม่ ตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม รวมถึงผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้องในคดี แต่เป็นดุลพินิจของอัยการจะมองว่าเป็นประเด็นเดิมหรือเป็นการประวิงหรือไม่ ถ้าเป็นสั่งยุติได้ ทุกอย่างอยู่ภายใต้หลักการ
ขาดงานเอกสาร–การสอบผู้เชี่ยวชาญ
นายณรงค์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวว่า แนวทางการเลื่อนคดีแบ่งเป็น 3 กรณี 1. เลื่อนจากหน่วยงานราชการติดปัญหา เช่น กรณีสอบสวนไม่แล้วเสร็จ 2.ผู้ต้องหาขอเลื่อนเอง แต่ต้องแจ้งสาเหตุ 3.หากมีคำสั่งฟ้องแล้วแต่ผู้ต้องหายังไม่พร้อม หาหลักทรัพย์ไม่ทัน ยื่นเหตุความจำเป็นถึงอัยการขอเลื่อนการส่งตัวต่อศาลได้ เมื่อถามว่าตอนนี้มีการสอบสวนเสร็จไปแล้วกี่ประเด็น ประเด็นใดสอบสวนเสร็จแล้ว นายประยุทธระบุว่า ไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นรายละเอียดในสำนวนคดี แต่กรณีนี้ประชาชนให้ความสนใจ จึงต้องมีข้อมูลเบื้องต้น ให้สื่อมวลชน ตอนนี้ผลการสอบสวนเพิ่มซึ่งงานโฆษกฯประสานกับอัยการผู้รับผิดชอบพบว่า ประเด็นที่สั่งสอบเพิ่มเติมไปสอบสวนกลับมาแล้ว 70-80% โดยเฉพาะถ้อยคำบุคคลที่เกี่ยวข้องตามที่มีคำสั่งของอัยการสูงสุดมีคำสั่งก่อนหน้านี้ ส่วนที่เหลือเป็นงานด้านเอกสารและการสอบผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ หากส่งผลสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนแล้ว อสส.จะสั่งคดีได้ทันวันที่ 29 พ.ค.หรือไม่ ไม่อาจไปก้าวล่วงดุลพินิจอัยการสูงสุดได้ แต่ด้วยนโยบายหลักปฏิบัติของอัยการสูงสุดที่ทำมาตลอด มีการทำงานที่เร่งรัดทุกคดีและเป็นธรรม โดยเฉพาะคดีนอกราชอาณาจักร ที่มีคณะทำงานที่มีความรู้ความสามารถ คดีจะไม่ล่าช้าแน่นอน แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะทันครบในนัดหมายครั้งต่อไปหรือไม่
ปธ.ศาล รธน.ยันไม่มีธงตัดสินคดี
ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถูกสังคม และนักวิชาการวิพากษ์วิจารณ์หลายคดีว่า การถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่วิจารณ์แล้วทำให้บ้านเมืองสงบและเป็นที่ยอมรับ บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ ปัญหาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการวิพากษ์ วิจารณ์เพราะเป็นเรื่องจำเป็น แสดงให้เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับ หากพรรคการเมืองตกลงเจรจากันได้ในสภาฯคดีจะไม่มาถึงศาล แต่เมื่อสภาฯตัดสินใจยื่นให้พิจารณาแสดงว่าศาลเป็นที่พึ่งพร้อมรับฟังข้อโต้แย้งของทั้ง 2 ฝ่าย และพิจารณาตามข้อกฎหมายแล้วตัดสินใจ ยืนยันว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่มีธงในการตัดสินคดี และการวินิจฉัยคดีก็ชี้ขาดได้เพียงซ้ายหรือขวา หรือชอบหรือไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ไฟเขียวยืดเวลา ก.ก.สู้คดียุบพรรค
นายนครินทร์กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขอยื่นขยายเวลาการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคำร้องยุบพรรค กรณีล้มล้างการปกครองว่า ในวันที่ 17 เม.ย.ในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะนำวาระเข้าพิจารณา อยู่ที่ดุลพินิจของตุลาการ เบื้องต้นอนุมัติให้ขยายเวลา 15 วัน และอาจขยายได้อีกตามเหตุสมควร พร้อมรับฟังผู้ขอ ต้องชี้แจงเหตุผล ยื่นพยานหลักฐานให้ที่ประชุมได้พิจารณา ส่วนกระบวนการวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องยุบพรรค ก.ก.ยังไม่เกิดขึ้นภายในเดือน เม.ย.นี้ เพราะการขอขยายเวลาจากพรรค ก.ก. ตามกรอบเลยเดือน เม.ย.ยังไม่ทราบว่าจะมีการไต่สวนหรือไม่ หากพรรค ก.ก.ขอมาจะรับไว้พิจารณาว่าต้องไต่สวนเรื่องอะไร ที่ประชุมต้องพิจารณา ปกติจะไต่สวนเรื่องหลักฐานและบุคคล ตุลาการพร้อมที่รับฟังความเห็น อาจให้ผู้รู้ที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างพยานเข้ามาชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยไม่จำเป็นต้องมาที่ศาลทั้งหมด
เสื้อแดงรำลึก 14 ปี 10 เม.ย.53
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา กลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อคนเสื้อแดง นำโดยนายภัทรพล ธนเดชพรเลิศ หรือไก่ บิ๊กแมน จัดงานชุมนุม “รำลึกวีรชนเสื้อแดงผู้กล้า” เหตุการณ์สลายชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 มีพิธีสงฆ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์ ท่ามกลางคนเสื้อแดงที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมกันสวมเสื้อแดง และเสื้อสกรีนคำว่า “นายกในดวงใจ” พร้อมรูปนายทักษิณ ชินวัตร มีแกนนำพรรค พท. สส.และอดีตสส.พรรค พท.มาร่วมวางพวงหรีดไว้อาลัย อาทิ ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ รองเลขาธิการพรรค พท.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกฯ นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.สุรินทร์ นายกรวีร์ สาราคำ และนายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี นายวรชัย เหมะ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายสุชาติ ลายน้ำเงิน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.พรรค พท. เป็นต้น โดยช่วงเย็นมีการเปิดปราศรัย จุดเทียน และร้องเพลงรำลึกแก่ผู้เสียชีวิต
แตกยับแบ่ง 3 ก๊กแยกจัดงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดงานรำลึกเหตุการณ์ 10 เม.ย. ของกลุ่มคนเสื้อแดงปีนี้มีการแยกการจัดงานเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มเสื้อแดงสนับสนุนพรรค พท. จัดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกขาดกับกลุ่มคณะประชาชนทวงความยุติธรรม ที่เป็นกลุ่ม นปช.ที่เปลี่ยนมาสนับสนุนพรรค ก.ก. จัดที่บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยมีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. มาร่วมงาน กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มแดง กทม. 50 เขต ใช้สถานที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยฝั่งร้านอาหารศรแดง นำโดยนายทรงรักษ์ นิตยาชิต ประธานกลุ่ม และนายชาญชัย ปุสรังษี อดีตการ์ดคนเสื้อแดง

“วรชัย” จี้ รบ.คืนความยุติธรรม
นายวรชัย เหมะ อดีตแกนนำ นปช.และอดีต สส.สมุทรปราการ พรรค พท. กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาคนเสื้อแดงที่บาดเจ็บเสียชีวิตจากการชุมนุมจะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ในส่วนของคดีอาญายังไม่ไปถึงไหน คนสั่งฆ่ายังไม่ถูกดำเนินคดี ข้อเรียกร้องของเราต้องการให้รัฐบาลออกกฎหมายให้ญาติพี่น้องของผู้บาดเจ็บเสียชีวิต สามารถยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ต่อศาลเองได้เพื่อคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง และยังติดใจอยู่ ทั้งอยากให้เซ็ตซีโร นิรโทษกรรมคดีความของผู้ที่ชุมนุมทั้งหมดเพื่อยุติความขัดแย้งในอดีตทั้งหมด 14 ปีที่ผ่านมา สังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก คนรุ่นใหม่ตื่นตัวทางการเมืองเคลื่อนไหวปฏิรูป ผู้มีอำนาจต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง ส่วนอุดมการณ์ความเป็นเสื้อแดง หรือเสื้อส้ม ไม่ต่างกันแต่การจะเชียร์พรรคไหน แยกกลุ่มเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่