ในที่สุดก็ถึงฤดูกาลการอภิปรายยาวในสภาอีกครั้ง นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่าพรรคฝ่ายค้าน มีมติให้เปิดอภิปรายโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ ม.152 คาดว่า จะมีในต้นเดือนเมษายน ก่อนปิดสมัยประชุมรัฐสภา และหลังการอภิปรายของวุฒิสภา
แม้รัฐบาลจะบริหารประเทศได้เพียง 6 เดือนเศษ แต่มีเหตุควรถูกอภิปรายยาวหลายประการ เช่นไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาชน ซ้ำยังเพิกเฉยนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ปล่อยปละ ละเลยให้กลุ่มผู้มีอิทธิพล ทั้งคนไทยและต่างประเทศรีดนาทาเร้นคนไทย บริหารประเทศโดยไร้จริยธรรม และไร้วุฒิภาวะ
ฝ่ายค้านซึ่งประกอบด้วยพรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม ไม่ได้ระบุว่า รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เคยตำหนิรัฐบาลชุดก่อนว่า ปล่อยให้เศรษฐกิจขยายตัว ในอัตราที่ต่ำ 1.8%-1.9% ต่อปี ติดต่อกันหลายปี
แต่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลนี้ เศรษฐกิจก็ขยายตัวในอัตราที่ต่ำเช่นเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทยระบุว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย ยังล้าหลังประเทศอื่นๆ เนื่องจากการค้าโลกชะลอตัว ความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไทย จึงถูกกระทบมาก
รัฐบาลอาจอ้างว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะงบประมาณยังไม่ผ่าน เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการจัดทำงบประมาณที่ล่าช้าคือความผิดของรัฐบาล จึงได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอาเซียนอื่นๆ แม้แต่คุณภาพการศึกษาก็ล้าหลัง ครั้งสุดท้ายพบว่าไทยได้อันดับที่ 56 จากทั้งหมด 64 เกือบจะที่โหล่
คำแถลงของพรรคฝ่ายค้าน ยังระบุถึงการที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอิทธิพลทั้งคนไทยและต่างชาติ กดขี่ ข่มเหงคนไทย เช่นกรณีฝรั่งชาวสวิสทำร้ายร่างกายหญิงไทย ที่ภูเก็ตและตรัง แก๊งกะเทยฟิลิปปินส์ยกพวกลุยกลุ่มกะเทยไทย ในใจกลางกรุงเทพมหานคร นอกจากทำร้ายร่างกายแล้ว ยังอาจมีเรื่องคาวโลกีย์
...
ฝ่ายค้านพูดถึงคำสัญญาของรัฐบาล ที่กลายเป็นเพียงสัญญาลมๆแล้งๆ ซึ่งอาจหมายถึงคำสัญญาจะขึ้นค่าแรง ขั้นต่ำ และเงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรี 25,000 บาท แต่สัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะทำได้หรือไม่ คือการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชน 56 ล้านคน ลดเหลือ 50 ล้านคน.
คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม