วิถีการเมืองมันก็เป็นไปตามครรลองอย่างที่เห็นกันอยู่ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลนอกจากบริหารประเทศ แล้วก็ต้องรักษาอำนาจเพื่อให้อยู่ได้นานเท่านาน
ฝ่ายค้านก็ต้องหาวิธีการเพื่อเข้ากุมอำนาจเป็นรัฐบาลแทนจึงต้องหาวิธีการต่างๆนานาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น
น่าจะพูดได้ว่านี่คือสูตรสำเร็จทางการเมืองไม่ว่าประเทศไหนก็เป็นอย่างนี้ เพียงแตกต่างกันในรายละเอียดเท่านั้น
รัฐบาล “เพื่อไทย” เป็นแกนนำโดย “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี แม้บริหารประเทศในบริบทของ 11 พรรค 314 เสียง
แต่โดยเนื้อแท้แล้วก็คือการบริหารประเทศภายใต้เสื้อคลุม “เพื่อไทย” อยู่ดี การเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในต่างจังหวัดด้วยใบเบิกทางของคำว่าดูงาน สร้างงาน สร้างความเจริญให้ท้องถิ่น ล้วนแฝงไปด้วยการหาเสียงทั้งสิ้น
เช่นกัน “ก้าวไกล” ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งที่สุดแล้วก็คือคู่แข่งทางการเมืองของ “เพื่อไทย” ทั้งวันนี้และอนาคตข้างหน้า
ได้เริ่มทำงานนอกสภาด้วยการเดินสายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้งการแสดงตัวตนให้ประชาชนสนใจและให้การสนับสนุน
ยังเริ่มปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อหาบุคคลเข้ามาเป็นตัวแทนของพรรคที่กำลังมีเข็มมุ่งไปสู่การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.และ สท.ต้นปี 2568 จึงต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆด้วยแนวคิดกระจายอำนาจและเอาชนะคู่แข่ง เพื่อให้พลัง “บ้านใหญ่” ชุดใหม่
เท่ากับเปิดศึกกับ “บ้านใหญ่” ของพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะ “เพื่อไทย”
นี่จึงเป็นเกมการต่อสู้เพื่ออนาคตข้างหน้า
อีกด้านหนึ่ง “ก้าวไกล” เริ่มเปิดฉาก “ทำลายอย่างสร้างสรรค์” กับงานในสภาด้านหนึ่งก็ให้ลูกพรรคสร้างผลงาน นอกจากอภิปรายแล้วก็ให้ยื่นกระทู้ถามรัฐมนตรีทั้งสดและแห้งรวมไปถึงนำปมที่ส่อว่ารัฐบาลบริหารงานผิดพลาดหรือส่อไปในทางไม่ชอบมาพากล
...
เพื่อสร้างความนิยมให้พรรคและเปิดโปงรัฐบาล
อย่างเช่นการแฉว่ารัฐมนตรีไม่ยอมมาตอบกระทู้ในสภาถือว่าไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายนิติบัญญัติแม้จะไม่ผิดกฎหมาย
แต่ก็ทำให้รัฐบาลเกิดความเสียหาย!
หรืออย่างที่ “ปฏิพัทธ์ สันติภาดา” รองประธานสภาคนที่ 1 แม้จะไม่ได้สังกัด “ก้าวไกล” แต่สังกัดพรรคเป็นธรรมก็เป็นเนื้อนาบุญเดียวกัน
ได้เปิดปฏิบัติการแฉว่ารัฐบาล “ดองเค็ม” กฎหมายจึงเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถาม ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกก็ว่าได้
ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องถามว่า “เหมาะสมหรือไม่” กับการกระทำเช่นนี้ รวมถึงความไม่พอใจของบรรดาแกนนำ “เพื่อไทย” หลายคนโวยวายว่าทำการล้ำเส้นเกินไปแล้ว
“ก้าวไกล” ได้คะแนนตีกินด้วยปฏิบัติการฝ่ายค้านเชิงรุก แม้จะยังไม่มีการยื่นซักฟอกรัฐบาลแต่ก็ใช้วิธีการทางรัฐบาลเล่นงานแทน
ก็ได้คะแนนไม่ต่างกัน
จึงอยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหา ต้องให้รัฐมนตรีไปตอบกระทู้ในสภาด้วยความรับผิดชอบและนายกรัฐมนตรีต้องเร่งจัดการเรื่องกฎหมายต่างๆด้วย
ว่าไปแล้วยังไม่ต้องรอไปถึงอีก 4 ปีข้างหน้า
แต่วันนี้ ก็เริ่มเห็นการต่อสู้ระหว่าง “ก้าวไกล”–“เพื่อไทย” ชัดเจนมากขึ้นแล้ว!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม