ข่าวแว็บๆแทบไม่ผ่านตาผ่านหูผู้คนในสังคมแบบไทยๆ
ในมุมที่โลกสากลให้ความสำคัญ ตามความพยายามทางการทูตแบบที่ “เดอะตั๊ก” นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ได้หารือทวิภาคีกับมิสฮังเกอร์ แบร็วนส์ สโลต รัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอร์แลนด์
ขอแรงสนับสนุนจากรัฐบาลดัตช์สำหรับการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HCR) ของไทย วาระปี 2025–2027
เน้นเป็นวาระพิเศษ หวัง “ล็อบบี้” ให้ไทยได้นั่งเก้าอี้ใหญ่ของยูเอ็น
แต่โดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่ “หักมุม” ย้อนแย้งกันอย่างแรง กับฉากในประเทศไทย ล่าสุดกลุ่ม “AMNESTY INTERNATIONAL THAILAND” หรือ “องค์กรนิรโทษกรรมสากล” นัดบุกทำเนียบรัฐบาล
ยื่นข้อเรียกร้องทางการไทยให้ปล่อยตัวนายอานนท์ นำภา นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ที่ถูกจองจำในคดีผิดมาตรา 112 โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
รวมถึงเหยื่อคมกฎหมายหมิ่นสถาบันกว่า 400 คน สังเวยความเชื่อทางการเมือง
ตามรูปการณ์ที่หวังอะไรไม่ได้กับนักเลือกตั้งอาชีพ สภาผู้แทนราษฎรของไทยยังยื้อยุดฉุดกระชากร่าง “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” เถียงกันไม่ตกฟากในแง่ของเนื้อหา นัวเนียกับการต่อรองผลประโยชน์
ลากเข้าเหลี่ยมเกมอำนาจของหัวขั้วขัดแย้ง มากกว่าจะดูดำดูดีกับชะตากรรมของเหยื่อม็อบที่ถูกปลุกปั่น แนวร่วมมวลชนที่เผชิญวิบากกรรมในเรือนจำ
แดง เหลือง “สลิ่ม” หลากสี มาจนถึงด้อมส้ม
ประชาชนที่อุดมการณ์บริสุทธิ์ สู้แล้วไม่รวย แต่ซวยติดคุก โดนขังลืม
และโดยรูปเกมที่เหมือนจะกระตุกปมให้เขม็งเกลียวแน่นไปอีก เมื่อหัวขบวนขับเคลื่อนหลักอย่างพรรคก้าวไกลโดนโทษ “สักหน้าผาก” ตัวความหวังทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ “ปักชนัก” กลางหลัง
...
ล็อกจังหวะก้าวข้ามแดนต้องห้าม ข้อหาหนักล้มล้างการปกครอง

ตัวพ่อของด้อมส้มอย่าง “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต้องเผชิญวิบากกรรมซ้ำซ้อน ลุ้นดาบสอง ดาบสาม โทษ “ประหารชีวิตทางการเมือง” ความเสี่ยงสูงที่จะโดนยุบพรรคล้างกระดาน ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค “หักดิบ” สส.พรรคก้าวไกลที่ร่วมลงชื่อในร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ชะตากรรมของทีมก้าวไกล “น่าหวาดเสียว”
แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่า ก็คืออารมณ์ “เด็กดื้อ” อาการด้านโทษทัณฑ์
สัญญาณจาก “ผู้นำจิตวิญญาณ” อย่าง “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวขบวนคณะก้าวหน้า ที่ “ยักไหล่” ตบบ่าให้กำลังใจ “พิธา” ยุบได้ยุบไป ประสบการณ์มีมาแล้วจากพรรคอนาคตใหม่ มาเป็นก้าวไกล ยิ่งแตกยิ่งโต
อารมณ์เฮี้ยวๆสไตล์ “ป๊อก เดอ ฟร็อง” นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ด่าๆปลอบๆ สรุปคือยุบทีมก้าวไกลห้ามหยุด ต้องบุกลุยทะลุซอย
แลกหมัดศาลรัฐธรรมนูญให้รู้ไปเลย ใครดีใครอยู่
ประเมินจากการตั้งท่าสู้ยิบตา บิ๊กบราเธอร์คณะก้าวหน้า อารมณ์แนวร่วมพรรคก้าวไกล ไม่ยอมหลบ “เงี่ยงกฎหมาย” พร้อมท้าดาบสอง ดาบสาม
โดยรูปเกมการต่อสู้ส่อลามทะลักจากในสภาล้นออกมาบนถนน
“เดจาวู” หนีไม่พ้นเกมมวลชนปะทะกับฝ่ายคุมเกมอำนาจ ส่อเข้าฉากม็อบแลกเลือดตำรวจ ทหาร ประจานภาพการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมืองไทย
และไม่ใช่แค่ปมมาตรา 112 ที่จุดติด เริ่มลามไหม้
มันยังมี “เชื้อชนวนไวไฟที่แฝงอยู่” ควันปะทุแรงขึ้นทุกขณะ
ปรากฏการณ์แบบที่พรรคก้าวไกล ปูทางให้ “ธนาธร” แหกด่านกลับเข้าสภาฯ นั่งแท่นคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่น
ปฏิบัติการทลายขุมทรัพย์ “เสือนอนกิน”
กองทัพส้มท้าประจัญบานกองทัพไทย เดินหน้าไล่ยึดคืนขุมทรัพย์ปู่โสม สนามกอล์ฟ ทบ. สนามกอล์ฟ ทอ. ที่ดินแปลงหรู เก้าอี้บอร์ด รัฐวิสาหกิจ ฯลฯ
ที่มาของตัวเลขปริศนา “นายพล” เปิดทรัพย์สินรวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน

ล้อไปกับ “ตัวตึงขาบู๊” อย่างนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ ประธานคณะกรรมาธิการทหาร สภาฯ ที่นำทีม สส.ก้าวไกล ไล่บี้ตรวจสอบใบ “สด.43” เอกสารการเกณฑ์ทหารของชายไทยทั่วประเทศ
ขุดประจาน “ขุมทรัพย์โจรสลัด” ทำ “สัสดี” สะดุ้งไปตามๆกัน
ย้อนศร แก้เผ็ด ปฏิบัติการไอโอท็อปบูต ที่ไล่ต้อนไล่ทุบ สส.พรรคก้าวไกล “หนีทหาร” ประจานเด็กรุ่นใหม่ เบรกจังหวะไล่ตรวจสอบกองทัพ
ต่างฝ่ายต่างเร่งชนวนปะทะ “ติดดาบประจาน”.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม