ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษ เพราะการเมืองทั้งระบบยังไม่มีอะไรส่อถึงความยุ่งยากจนกลายเป็นปัญหา

แต่น่าจะเป็นว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะโชว์ความเป็นผู้นำ เพื่อให้ลูกพรรคทุกคนได้เห็นว่าขนาดไหนอย่างไร

จะสู้ศึกข้างหน้าได้หรือไม่?

อีกทั้งต้องการให้ทุกคนเกิดความเป็นเอกภาพ สมานสามัคคีภายใต้ธงนำอันเดียวกันคือ “อุ๊งอิ๊ง”-“แพทองธาร ชินวัตร”

นี่คือผู้นำแห่ง “เพื่อไทย” ยุคใหม่

อีกทั้งต้องการให้กรรมการบริหารชุดใหม่ ที่มาพร้อมกับหัวหน้าพรรคคนใหม่ จะได้แสดงความคุ้นเคยกับบรรดาสมาชิกพรรค ทั้งรุ่นเก่า-รุ่นใหม่

ที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้า “เพื่อไทย” กับนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” มีระยะห่างกันอย่างไร

เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

ในระดับความสำคัญแล้ว ต้องบอกหัวหน้าพรรคนั้นเหนือกว่าชัดเจนอยู่แล้ว เพราะสามารถกำหนดทิศทางและความเป็นไปของพรรค

และรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี “เพื่อไทย” เป็น “พี่เลี้ยง” ใหญ่ที่จะคอยโอบอุ้มให้เดินไปข้างหน้า จนกว่าจะเดินต่อไปไม่ได้เท่านั้น

ที่ไปไม่ได้...

1.เกิดความผิดพลาดในด้านการบริหาร

2.ประชาชนไม่ต้องการ

3.“เพื่อไทย” เห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว

4.“เศรษฐา” เอ่ยปากเองว่าพอแล้ว ไม่ต้องการดำรงตำแหน่งต่อไป

เรื่องราวเหล่านี้คงไม่มีใครพูดได้ แต่ทุกคนสามารถเข้าใจได้จนกว่าจะเข้าเงื่อนไข หรือเกิดอาการปรากฏขึ้นมา

ก็ต้องเปลี่ยนไปตามวิถีทางที่ถูกต้องและชอบธรรม

อย่างหนึ่งที่เห็นชัดคือการที่ “อุ๊งอิ๊ง” เดินทางไปร่วมในภารกิจที่รัฐบาลปฏิบัติ อย่างจังหวัดหนองบัวลำภูนั้น

...

ไม่ได้ไปเพื่อแข่งขัน!

แต่ไปเพื่อให้ประชาชนได้มักคุ้นกับหัวหน้าพรรค “เพื่อไทย” คนใหม่ ที่อนาคตข้างหน้าจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จะเป็นประเด็นก็คือ งบประมาณในโครงการ “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่คณะกรรมการชงไป 5,000 กว่าล้าน เพื่อสนับสนุนในด้านต่างๆ

ปรากฏถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสูงเกินไป เอาใจลูกเศรษฐีหรือเปล่า

ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องการที่จะปรับลดลงมา แต่ขอหารือก่อน ไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีจำต้องพูดไปอย่างนั้น

หรือจะปรับลดจริงๆ

แต่เรื่องแบบนี้มันเหมือนกับการฉีกหน้ากัน เพราะคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้ คงมั่นใจว่ารอบคอบแล้วจึงฟันธงออกมาอย่างนั้น

จู่ๆนายกรัฐมนตรีจะมาปรับลดมันก็กระไรอยู่

นี่เป็นเพียงประเด็นหนึ่งที่จะเกิดปัญหาทางใจได้!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม