น่าสงสัยว่าจะเป็นปฏิบัติการ “เอาคืน” หรือไม่ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ประกาศว่าได้ยื่นเรื่องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงาน กกต.ให้ตรวจสอบกรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล เป็นการถูกต้องครบถ้วนตามกระบวนการหรือไม่

เนื่องจากการขับ สส.ปดิพัทธ์ เป็นการเปิดทางให้หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา แต่ถ้าขับออกโดยไม่ถูกต้อง ถือว่านายปดิพัทธ์ยังเป็นสมาชิกพรรค ก.ก.อยู่ ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่นได้ เข้าข่ายกระทำการเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคหรือไม่

เหตุที่สงสัยว่าจะเป็นการ “เอาคืน” หรือไม่ เนื่องจากรัฐสภาชุดก่อน พรรค ก.ก.อภิปรายไม่ไว้วางใจเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ขณะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และต่อมาถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้ง สส.และรัฐมนตรี จนถึงปัจจุบัน จึงน่าสงสัยว่าจะมีการปฏิบัติการจองเวรหรือไม่

ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน การที่ สส.ถูกขับจากพรรค เพื่อไม่ต้องพ้นจาก สส.ถ้าหาพรรคอื่นอยู่ได้ภายใน 30 วัน เคยมี สส.กลุ่มใหญ่ของพรรคที่สืบทอดมาจากรัฐประหาร ขอร้องให้พรรคขับพวกตนออก เพื่อย้ายไปอยู่พรรคอื่นมากมาย โดยไม่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดใดๆ หลายคนยังเป็น สส.อยู่จนบัดนี้

แต่การร้องให้ยุบพรรค ในข้อหาล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องปกติ ในประเทศประชาธิปไตย เพราะถือว่าพรรคเป็น “สถาบันการเมือง” เช่นเดียวกับสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา พรรคมาจากเสรีภาพของประชาชน ในการรวมตัวกัน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ

ประเทศประชาธิปไตยไม่มียุบพรรค แม้จะเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ในสหรัฐอเมริกา แต่ในเยอรมนีเคยมีการยุบพรรคนาซีใหม่ เพราะเป็นพรรคเผด็จการที่สืบทอดจากเผด็จการฮิตเลอร์ เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยชัดแจ้ง ส่วนประเทศไทย ถ้าถือว่าพรรคเป็น “สถาบัน” หรือเสาหลักประชาธิปไตย จะยุบกันง่ายๆได้ไง

...

ถ้าเปรียบเทียบพรรค เป็นสถาบันการเมือง เช่น สภาผู้แทนราษฎร ไม่อาจถูกยุบได้ เพียงแต่ถูกกล่าวหาล้มระบอบประชาธิปไตย ผู้ที่ล้มระบอบประชาธิปไตยตัวจริง คือคณะรัฐประหาร ที่ใช้อำนาจกองทัพยึดอำนาจ และยังได้รับความชื่นชมยินดีจากพรรคฝ่ายอำนาจนิยม ใครแน่ที่ล้มประชาธิปไตย.

คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม