แบ็กอัปรัฐบาล ซัพพอร์ตรัฐบาลเต็มที่

พร้อมเป็นแบ็กอัป วางกำลังคนซัพพอร์ตการทำงานของสภาฯอย่างเต็มที่เช่นกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้มีบทบาทจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้ว กล่าวกับ ทีมข่าวการเมือง ก่อนโปรดเกล้าฯ “ครม.เศรษฐา 1”

โดยเจ้าตัวได้นั่งตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ชี้ให้เห็นถึงวิธีการทำงานของพรรค พท.ที่เตรียมปรับทัพหลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ลาออกจากหัวหน้าพรรค พท. ตามกติกาจะเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคภายใน 60 วัน ราวเดือน ต.ค. นัดประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ

อย่างน้อยที่สุดหัวหน้าพรรคคนใหม่ ต้องสามารถแสดงบทบาทที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม เห็นพรรค พท.เริ่มปรับเอาคนรุ่นใหม่เข้ามามากขึ้น ซึ่งสัมผัสได้จาก สส.ส่วนใหญ่กว่าครึ่ง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และยังมีคนหนุ่มสาวช่วยทำงานให้พรรคอยู่อีกเป็นจำนวนมาก

ฉะนั้นหลังจากปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว สิ่งที่พรรค พท.เหนือกว่าพรรคอื่น คือ มีคน 3 รุ่น ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง รุ่นใหม่ ซึ่งรุ่นใหญ่ยังมีบทบาททางการเมือง แต่ท่านเหล่านี้ล้วนเข้าใจสถานการณ์ ผันตัวเองมาเป็นที่ปรึกษา ส่งผ่านความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถ ให้รุ่นน้องเข้ามาดำเนินงาน

...

รุ่นกลางก็กำลังก้าวขึ้นมา หลายคนเหมาะสมเป็นรัฐมนตรี แต่ครั้งนี้อาจได้ไม่ครบ เพราะสถานการณ์มีวิกฤติหลายเรื่อง ยังต้องใช้คนที่มีความสามารถ ประสบการณ์เข้าไป น้องๆ รุ่นกลางพร้อมเป็นแบ็กอัปให้

ซึ่งได้เรียนรู้การแก้ไขวิกฤตการณ์ สะสมประสบการณ์ที่จะก้าวต่อไป โอกาสเติบโตของพรรคก็ไม่ขาดช่วง

หัวหน้าพรรค พท.คนใหม่ มีโอกาสเป็นคุณแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ นายภูมิธรรม บอกว่า ยังตอบแบบนั้นไม่ได้ ขึ้นอยู่ที่ประชุมใหญ่ของพรรคโหวต

ผมไม่อยากให้ประชาชนมองการเมืองแบบพิธีเดิม แม้คุณแพทองธาร มีศักยภาพบริหารประเทศได้ แต่พรรค พท.ก็มีบุคลากรที่มีความสามารถ

“ไม่ได้หมายความว่าคุณอุ๊งอิ๊งเลิก หยุด ไม่ทำงาน ยังยืนยันเป็นอีกแรงสนับสนุนทำให้พรรคเติบโต อยากขอเวลาทำงานใกล้ชิดคน ทำงานของพรรคในทุกระดับก่อน

ยินดีเป็นทีมงานของนายกฯ ช่วยทำงานแก้วิกฤติให้ประเทศเจริญก้าวหน้าให้ได้ คุณอุ๊งอิ๊งยังมีเวลาทางการเมือง เราทุกคนอยู่ช่วยกันทำ ถึงเวลาทุกคนก็พร้อม

เราไม่คิดสร้างวีรชนคนเดียว ต้องสร้างผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ มีความสามารถ ทั้ง 3 องค์ประกอบ รวมทั้งมวลสมาชิก แกนนำพรรค พท.ร่วมกัน ถึงฝ่าด่านวิกฤติต่างๆได้”

ฉะนั้น เมื่อ นพ.ชลน่านลาออกไป พวกผมอยู่หรือไป ยังไม่ทราบ แต่ชัดเจนเราอยู่ในสถานการณ์ที่พิเศษจริงๆ จัดตั้งรัฐบาลที่ยากกว่าทุกครั้งด้วยความยากลำบาก

ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ รัฐบาลเดินต่อไป

ถึงได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรครัฐบาลให้ทราบชัดเจน เป็นเงื่อนไขจัดตั้งรัฐบาลว่า ไปอยู่กระทรวงไหนก็ตาม การขับเคลื่อนใช้นโยบายของพรรค พท.เป็นแกนกลางนำ ถ้ามีนโยบายไหนที่ปรับจูนเข้าหากันได้ ก็ยินดี

ผลงานทั้งหมดไม่ได้มองว่าพรรค พท. ต้องแยกพรรคพลังประชารัฐ แย่งพรรคภูมิใจไทย เป็นผลงานร่วมกันของรัฐบาลผสม ซึ่งเป็นรัฐบาลพิเศษ ในสถานการณ์พิเศษ

โดยผ่านกระบวนการพูดคุยจนร่วมไม้ร่วมมือ ระดมสรรพกำลังผ่านด่านรัฐสภา 375เสียง เป็นหลักประกันขั้นหนึ่งถึงความเข้าใจเป้าหมายร่วมกัน

แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ “ตีเช็คเปล่า” ให้ ไม่มีหรอก ตอนนั้นบางท่านยังไม่ทราบว่าได้บริหารกระทรวงไหน อันนี้คือข้อตกลงลงเรือลำเดียวกัน บริหารประเทศใช้นโยบายพรรค พท.เป็นแกนหลัก

วันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์การกระทำที่กำลังเกิดขึ้น

การจัดตั้งรัฐบาลถูกตั้งข้อสังเกตว่าคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคนในตระกูลชินวัตรเข้ามาเกี่ยวข้อง นายภูมิธรรม บอกว่า ขอยืนยันด้วยเกียรติของตัวเอง

ผมเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทจัดตั้งรัฐบาล ในนามทีมเจรจามี นพ.ชลน่าน คุณประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เข้ามาในช่วงเริ่มต้น

และมี 2 แคนดิเดตนายกฯ ที่มีส่วน อีกแคนดิเดตนายกฯ อีกท่านไม่ค่อยสบาย ต้องยอมรับว่าหนึ่งในนั้นมีคนตระกูลชินวัตรอยู่ด้วยคนหนึ่ง เข้ามาตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่หลักจริงๆ อยู่ที่ทีมเจรจา

ถึงวันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเรามีบุคลากรที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะฝ่าด่านต่างๆ เห็นได้จากฝ่าด่านจัดตั้งรัฐบาลจนสำเร็จ หลังจากนี้มีภาระหน้าที่ฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่างๆ

บนสถานการณ์วิกฤติของประเทศหลายด้าน นโยบายที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภาจะพาประเทศรอดได้อย่างไร นายภูมิธรรม บอกว่า ยืนยันมั่นใจ

เพราะเชื่อมั่นบุคลากรของเรามีประสบการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาว บริหารประเทศหลายยุคสมัย ยิ่งพูดถึงวิกฤติเศรษฐกิจรุนแรงคราวนี้ เชื่อมั่นว่าประชาชนมั่นใจพรรค พท. อยากให้แก้ปัญหานี้ และปัญหาต่างๆ

โดยนโยบายหลักที่แถลงต่อสภามีสโลแกน “1 กระตุ้น 2 เร่งด่วน 3 สร้าง” โดยการกระตุ้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกกระทรวงต้องมองร่วมกัน

แผนงานดิจิทัลวอลเลต ใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจถึงรากหญ้า 5 แสนล้านภายใน 6 เดือน เพื่อให้เกิดกระบวนการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ

กระตุ้นพลังการซื้อของผู้บริโภค ทำให้เกิดการผลิตสินค้ามากขึ้น เกิดกระบวนการหมุนเวียนของเงินมากขึ้น กระจายเงิน กระจายทรัพยากร ตรงนี้เป็นแผนที่สำคัญมาก ทุกกระทรวงต้องเข้าใจเหมือนกัน

กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ครั้งเดียว และรุนแรง

พรรค พท.บริหารเศรษฐกิจ ถึงแม้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค แต่เราอยู่บนความเป็นจริง ยอมรับ กำหนดสถานการณ์ เงื่อนไขให้ไปในทิศทางที่กำหนดไว้ได้

ขอย้ำว่าใช้นโยบายพรรค พท.เป็นแกนหลัก การบริหารจัดการอยู่ในมือท่านนายกฯ บนกระบวนทัศน์ใหม่ เมื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ย่อมทำให้หลายๆ เรื่องเดินหน้าต่อไปได้

ส่วน 2 เร่ง ก็ต้องดูการเร่งกิจกรรมต่างๆ ให้เกิดขึ้นเกิดความพึงพอใจต่อประชาชน ทั้งพักชำระหนี้เกษตรกร ลดค่าสาธารณูปโภค ปั๊มหัวใจฟื้นเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น

รวมถึงรัฐธรรมนูญต้องทำให้เกิดกระบวนการ เป็นรัฐธรรมนูญ Rule of Lawซึ่งจะ สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ

ส่วน 3 สร้าง ทั้งสร้างโอกาส สร้างคุณภาพชีวิต สร้างงาน ทั้งหมดกำหนดให้ทุกกระทรวงดู มีเคพีไอประเมินผลด้วย และตอนนี้พรรค การเมืองต่างๆ มาพบเตรียมพร้อมนโยบาย เท่าที่พูดคุยในยกแรก ทุกคนยอมรับเหตุผลตรงกัน ค่อนข้างสบายใจที่เดินไปได้ด้วยดี

บริหารประเทศภายใต้รัฐบาลผสม มั่นใจได้อย่างไรแก้โจทย์ของประเทศ ทั้งปรองดอง ฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้รัฐธรรมนูญได้อย่างราบรื่น ที่ผ่านมาทำสำเร็จ เพราะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว นายภูมิธรรม บอกว่า ทั้งหมดอยู่ที่การหล่อหลอมกระบวนคิด ยุทธศาสตร์ในการเดิน เป้าหมายของประเทศ

ฉะนั้น วิกฤตการณ์ต่างๆ ปัญหาต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศมันทำให้เกิดความรู้สึกร่วม หล่อหลอมคนที่มีความแตกต่างในทางประชาธิปไตย โดยมีจุดหมายเห็นประเทศร่วมกัน บนความหวังของประชาชน

ที่สำคัญอยู่ที่ตัวผู้นำ คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่ได้แสดงออกถึงผู้นำ พูดไปก็อาจยังมองไม่เห็น อยู่ที่วันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์พรรค พท.

ยึดมั่นเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง นำนโยบายทำได้จริงไปปฏิบัติ

ฉะนั้น ไม่คิดว่าเป็นปัญหา เชื่อมั่นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรค พท.ไปรอด เชื่อมั่นภายใต้การนำของนายกฯ และ ครม. สามารถผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆไปได้

แม้ผ่านไปด้วยความยากลำบากจากวิกฤติที่เกิดขึ้น

เชื่อมั่นประเทศไทยมีทางออก ประเทศไทยไปรอด.

ทีมการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม