วันนี้ 4 กรกฎาคม เป็นวันโด่งดังระดับโลกวันหนึ่ง โดยเฉพาะที่อเมริกา เขาเรียกว่า วัน “Fourth of July” หรือวันประกาศอิสรภาพของ 13 รัฐ ที่เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ เมื่อ 4 ก.ค. ปี ค.ศ.1776 หรือ 247 ปีที่แล้ว
คนอเมริกันก็เลยถือว่าวันนี้เป็น “วันชาติ” ของเขา ซึ่งจะเป็นวันหยุดทั่วประเทศ และจะมีพิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในทุกๆรัฐ
หลายๆปีก่อนผมไปนิวยอร์กตรงกับ “4 ก.ค.” พอดี ทำให้มีโอกาสได้ดูชมการจุดพลุที่สุดอลังการจากเรือในลำน้ำ East River เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต
จำได้ว่าผู้คนแน่นมาก ไปจองที่นั่งตั้งแต่เที่ยงวันเพื่อจะดูการจุดพลุช่วงค่ำๆ หนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้นรายงานว่า จำนวนคนกว่า 2 ล้านคน ไปเฝ้ารอดูพลุที่นิวยอร์กในวันที่ 4 ก.ค.ปีดังกล่าว
ในส่วนของประเทศไทยเรานั้นวันที่ 4 กรกฎาคมตรงกับวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี จึงเป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และร่วมจิตร่วมใจกันถวายพระพรชัยมงคลแด่พระองค์ท่าน นับเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่ง
ต่อมาปี 2540 หรือ 26 ปีที่แล้ว บรรดาเจ้าของ บรรณาธิการและผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศไทย ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ เพื่อจัดตั้ง “สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ” ขึ้น เพื่อเป็นองค์กรหลักในการควบคุมดูแลกันเองทางด้านจริยธรรมของพวกเราชาวหนังสือพิมพ์
ทำให้วันที่ 4 ก.ค.ของทุกปี กลายเป็นวันรำลึกถึงการก่อตั้ง สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น “สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ” ที่บรรดาพวกเราชาวหนังสือพิมพ์และชาวสื่อมวลชนยังคงให้ความสำคัญอยู่เสมอๆ
...
ดังเช่นปีนี้ ก็มีการจัดงานเฉลิมฉลองมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน และวันนี้เวลา 13 นาฬิกา ก็ยังจะมีการแสดงปาฐกถาพิเศษ โดยพี่ มานิจ สุขสมจิตร ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ คนแรก ที่ โรงแรมรอยัล ริเวอร์ บางพลัด อีก 1 รายการ
ในปีนี้เช่นเดียวกัน “วันที่ 4 กรกฎาคม” ยังได้กลายมาเป็นวันที่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศให้ความสนใจและรอคอยอย่างใจจดจ่อมากที่สุดวันหนึ่ง
เนื่องจากจะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก หลังการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 และวาระสำคัญที่สุดสำหรับวันนี้ก็คือ การเลือก ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นประธานรัฐสภาด้วยโดยอัตโนมัติ
ในปีอื่นๆที่ผ่านมา การเลือกประธานสภาฯอาจไม่มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจมากนัก เพราะถือเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติสูงสุดก็จริง แต่ไม่ใช่ตำแหน่งในการบริหารบ้านเมือง ใครจะเป็นใครจะได้รับเลือก คนไทยส่วนมากจะรู้สึกเฉยๆ
แต่สำหรับปี 2566 กลับกลายเป็นว่า การประชุมเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร มีความหมายอย่างยิ่ง และเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งของพรรคที่ได้รับเลือกตั้งสูงสุด 2 พรรค ซึ่งกำลังจับมือกันตั้งรัฐบาล
วิเคราะห์กันว่าที่ พรรคก้าวไกล มีความประสงค์อย่างยิ่งที่จะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ก็เพื่อโอกาสในการที่จะนำร่างแก้ไขมาตรา 112 อันเป็นนโยบายของพรรคมาแต่ต้น เข้าบรรจุเป็นวาระในการประชุมได้ง่ายขึ้นกว่าการที่จะปล่อยให้ตำแหน่งนี้เป็นของพรรคอื่น
ส่วน พรรคเพื่อไทย มีสมาชิกรุ่นเก่าๆแสดงความเห็นว่า เมื่อพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกฯแล้ว ก็ควรให้ตำแหน่งประธานสภาฯแก่เพื่อไทย เพราะคะแนนเสียงของก้าวไกลแม้จะเป็นที่ 1 แต่ก็มากกว่าของเพื่อไทยเพียงไม่กี่ที่นั่งเท่านั้น
แต่สำหรับประชาชนทั่วไปที่ยังยึดมั่นในสถาบันหลัก ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ อย่างเหนียวแน่น ต่างเอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อว่าประธานสภาฯที่มาจากพรรคเพื่อไทย (ถ้าเป็นคุณ สุชาติ ตันเจริญ ตามข่าว) ซึ่งเคยบล็อกการเสนอแก้มาตรา 112 ในสมัยที่แล้วมาแล้ว น่าจะยังคงบล็อกต่อไปอย่างแน่นอน แม้ในสมัยนี้
ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ ข่าวยังสับสนบ้างก็ว่าพรรคเพื่อไทยยอมหลีกทางให้แล้ว บ้างก็ว่ายังไม่ยอมต้องไปลุ้นกันในวันประชุมสภา
ทำให้ “4 กรกฎาคม 2566” หรือ “Fourth of July 2023” กลายเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศไทยของเราไปด้วย
กองเชียร์ของฝ่ายไหนในประเทศไทยจะได้ “จุดพลุ” ฉลองตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร...เดี๋ยวก็รู้ละครับ.
"ซูม"