ปฏิทินเข้าสู่เดือนมิถุนายน เผลอแป๊บเดียวผ่านครึ่งปีแรกแล้ว
วันเวลาหมุนไปไว แต่ “นาฬิกาการเมืองไทย” รู้สึกเหมือนเดินช้า เพราะนับตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่วันที่ 14 พฤษภาคม ผ่านมากว่า 20 วัน
ปิดหีบ เก็บคูหา ปาเข้าไปครึ่งค่อนเดือน
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ ตัวเลขออกมาชัดๆพรรคก้าวไกลได้อันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทยอันดับสอง ขั้วฝ่ายค้านเดิมแท็กทีมครองแชมป์
ทีมเด็กรุ่นใหม่ คว้าความชอบธรรมในการถือสิทธิ์เป็นแกนนำรวบรวมเสียงข้างมาก
ท่ามกลางกระแสแห่ “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขวัญใจกองเชียร์ “ด้อมส้ม” คึกคักกันทุกหัวมุมเมือง
แต่ถึงตรงนี้ก็ยังเป็นได้แค่ “รัฐบาลแห่งความฝัน”
สถานการณ์ที่ว่าที่ผู้นำรุ่นใหม่อย่าง “พิธา” ยังทำได้แค่การผนึกขั้วฝ่ายค้านเดิม รวบรวมไพร่พลฝ่ายโหนประชาธิปไตย นำโดยพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเล็ก ทั้งหมด 312 เสียง
จับมือมัดข้าวต้ม โชว์เอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล จัดทำสัญญาร่วมในการบริหาร นำนโยบายหาเสียงไปปฏิบัติ ตั้งคณะกรรมการร่วมในการดำเนินกระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจ
“พิธา” ประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็ยังคงเป็นกระบวนการอย่าง “ไม่เป็นทางการ” บนพื้นฐานตัวเลขผลเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ประกาศรับรองผลตามกฎหมาย
สถานะเป็นได้แค่ “รัฐบาลเงา” เห็นร่างกลายๆ
...
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่ทีมแห่ “พิธา” ยังเต็มไปด้วยแรงเสียดทาน แนวต้านเต็มพื้นที่
ต้องบี้กันตั้งแต่ศึกภายใน ตามอาการยื้อยุดฉุดกระชากเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรกับพรรคเพื่อไทย ที่เปิดฉากฟาดปากกันเลือดกบ แม้จะสยบด้วยภาพโอบกอดระหว่างนายพิธา กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าทีมนายห้างดูไบหยอดคำหวานเลี่ยนมีแต่ “ดีลความรัก” สัญญาไม่มีหักดิบกัน
แต่ก็ยังไม่พูดกันชัดๆสรุปประมุขฝ่ายนิติบัญญัติจะตกเป็นของใคร
นั่นยังไม่พูดถึงรายการ “แบ่งเค้ก” แย่งกระทรวงเกรดเอ ตามมาตรฐานของพรรคก้าวไกล ทีมเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องยกระดับการเมืองหนี “น้ำเน่า” ไม่เอาด้วยกับการแชร์ผลประโยชน์
ไม่อินกับธนกิจการเมือง ไม่เกี้ยเซียะกับพวกจ้องถอนทุนเลือกตั้ง
ตามรูปการณ์ก็หนีไม่พ้นคิวเหยียบตาปลากับพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังติดเงื่อนไขกับกลุ่มทุน ต้องตอบแทนสปอนเซอร์ผู้อุปถัมภ์หลักอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ
และฟอร์มธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ ผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัย
แบ่งเค้กไม่ลงตัว พร้อมวงแตกได้ตลอดเวลา ปัจจัยย้อนแย้ง ธงของทีมเด็กรุ่นใหม่กับเหลี่ยมของพวก “กลางเก่ากลางใหม่” ทำให้การจูนเครื่องกันภายในฝั่งโหนประ ชาธิปไตยไม่ลงล็อกง่ายๆ
โดยจังหวะที่ทีมนายห้างดูไบถือไพ่แต้มเหนือกว่า
พรรคเพื่อไทยลุ้น “คั่ว 2 หน้า” แบบที่ด้านหนึ่งก็ต้องเล่นบทพี่ใจดี ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน จะออกแรงหามแห่ “พิธา” ตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกลให้ได้ตามกระแสสังคม อารมณ์ประคองน้องเต็มที่
แต่อีกนัยหนึ่งก็เดินหมากวัดใจทีมก้าวไกล เบียดแย่งเก้าอี้ประธานสภา โดยไม่มีเหตุผลอื่นใด อ่านไต๋กันง่ายๆ ทีมนายห้างดูไบ ต้องล็อกเกมเผื่อช็อตสองล่วงหน้า
รู้อยู่แล้วว่าโอกาสยากที่ทีมแห่ “พิธา” จะไปถึงเป้าหมาย
เพื่อไทยแค่กระดิกเท้ารอ ตามฉากบังเอิญล้อไปกับเสียงโห่ของแม่ยกพ่อยกเสื้อแดง ยุให้ถอนตัวจากพรรคก้าวไกล อิงกับกระแสการดีลข้ามขั้ว ทีมนายห้างดูไบพลิกไปจับกับพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ฯลฯ
ฟอร์มรัฐบาลถือตั๋วผ่านด่านความมั่นคง

ว่ากันตามธงประกอบเงื่อนไขสถานการณ์ สมการอำนาจหลังเลือกตั้งยังพลิกได้อีกหลายสูตร
โดยเฉพาะโจทย์ของรัฐบาลก้าวไกลที่ติดล็อก ย้ายตัวแปร สลับข้างลำบาก ถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากกว่าเข็นภูเขาขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์ กับการแคะเสียงของ “250 ส.ว.ลากตั้ง” อีกอย่างน้อย 64 มาเติมแต้ม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 312 ที่นั่ง เพื่อให้ครบ 376 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา
หวัง “อรหันต์ทองคำ” พา “พิธา” ฝ่าด่านยึดเจ้ายุทธจักร
ตามรูปเกมยิ่งเวลาถูกยื้อนานออกไปเท่าไหร่ โอกาสตั้งรัฐบาลก้าวไกลยิ่งยากลำบากขึ้นเท่านั้น
ตรงกันข้ามกับโอกาสโดน “หักดิบ” ที่ชัดเจนขึ้นตามความเคลื่อนไหวของ “แก๊งโรยตะปูเรือใบ” ขบวนการไล่เจาะยางที่ดักซุ่มอยู่เต็มสองข้างทาง
นักร้องแย่งไมค์ แข่งกันยื่นฟ้องร้องเรียนจนนับเรื่องแทบไม่ทัน
แต่ “หมัดน็อก” ของจริง โฟกัสอยู่ที่ปม “หุ้นไอทีวี” ของ “มือสอยอาชีพ” อย่างนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ขุดข้อมูล “ผีบอก” ไล่บี้ล็อกขา สกัดดาวรุ่ง “หนุ่มทิม” พิธา
ส่อเดินย่ำซ้ำรอย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”
ปรากฏการณ์ “เดจาวู” กำลังหมุนซ้ำชะตากรรมทีมเด็กรุ่นใหม่
จากค่ายอนาคตใหม่ มาถึงยี่ห้อก้าวไกล ส่อจะโดนล้างกระดานกันอีกรอบ
กับโอกาสที่ความเป็นไปได้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50/50 ตามสัญญาณนำร่อง ลีลานุ่มลึกของ “เนติบริกร” นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ที่เลกเชอร์ให้นักข่าวฟัง
สมมติ “worst case” สถานการณ์ร้ายแรงสุด
หากนายพิธาโดนตัดสินว่าผิดในปมซุกหุ้นไอทีวี อาจส่งผลสั่นสะเทือนใหญ่ให้มีการเลือกตั้งซ่อมทั่วประเทศ ด้วยเหตุที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลเซ็นรับรองผู้สมัคร ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น
คนระดับนายวิษณุ ไม่ใช่ผีเจาะปาก พูดเรื่อยเปื่อย
“แรงเฉื่อย” โคตรเซียนรัฐธรรมนูญ ต้องมีขบวนการลากทะลุปลายทางแน่

และก็ไม่น่าจะบังเอิญ คนละเรื่องเดียวกัน กับจังหวะที่นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา 1 ในสายที่ประกาศจุดยืนไม่โหวตให้ “พิธา” ออกมาจุดพลุกลางวันแสกๆ
เสนอตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ”
ล่อเป้า “ด้อมส้ม” ด้วยแนวคิดผ่าทางตัน สกัดทีมกองทัพเด็กรุ่นใหม่ไม่ให้ยุ่มย่ามกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ล่วงล้ำแดนอันตราย
บรรดา “เซียนเฒ่า” หงายไพ่เล่นกันชัดเจนแล้ว
แนวโน้มพรรคก้าวไกล ทีมแห่ “พิธา” ต้องเผชิญแรงต้านภายนอกจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไหนจะต้องบี้กับแรงเสียดทานในหมู่แนวร่วมประชาธิปไตยที่จับมือกันหลวมๆยึดโยงอยู่กับผลประโยชน์บางๆ
กลเกมอำนาจแบบเก่า สไตล์ประชาธิปไตยแบบไทยๆ
ขาใหญ่อาศัยฟอร์มเก๋า บีบเกม ต้อนเด็กเข้ามุมอับ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตามอาการดิ้นสู้“กับดัก” พรรคก้าวไกล ทีมแห่ “พิธา” วางหมากมารับมืออย่างดีเหมือนกัน เพราะมีประสบการณ์มาแล้วจากเกมคว่ำกระดาน “ธนาธร”
เหลี่ยมเชิงกฎหมายเป็นรอง แต่กองเชียร์หนาแน่นกว่า
ตามฟอร์มของเด็กรุ่นใหม่ที่พลังล้นเหลือ ขี่กระแสสู้เกมการเมืองเน่า
“พิธา” นำทีม เอาความตั้งใจขายของใหม่เข้าสู้เกมเตะสกัดของกลุ่มอำนาจเก่า แบบที่รัฐบาลก้าวไกลชิงเล่นเกมเร็ว บุกพบองค์กรภาคธุรกิจ ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าฯ ในการพูดคุยเจรจา นโยบายค่าแรง 450 บาท วางแผนบริหารล่วงหน้าตามที่ประกาศ 100 วันทำทันทีที่เป็นรัฐบาล
นั่นยังรวมถึงการพูดคุยกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำร่องการกระจายอำนาจ และนโยบายการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
อีกทางหนึ่ง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ก็เดินสายโชว์ตัวว่าที่ “ขุนคลังหญิง” คนแรกของเมืองไทย
และที่ตูมตามได้เนื้อได้หนังก็คือคิวของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จอมบู๊ของกองทัพสีส้ม ที่เดินหน้าถล่ม “ส่วยสติกเกอร์” รถบรรทุก เล่นเอาสะท้านวงการตำรวจทางหลวง เด้งกระเด็นกระดอน
ทีมก้าวไกลลุย “บริหารก่อนไม่ต้องรอกระบวนการตั้งรัฐมนตรี”
โชว์การทำงานสไตล์ “รัฐบาลแห่งความฝัน” โดนใจสังคมส่วนใหญ่ที่ต้องการการเมืองแนวใหม่ ตอกย้ำความน่ารังเกียจของเกมอำนาจการเมืองแบบเก่า น้ำเน่าโบราณ
อารมณ์เด็กมั่นใจในกระแส “ให้ท้าย” ไม่สนเกี้ยเซียะด่านความมั่นคง
พร้อมยื้อเกมสู้ทางยาว แห่ธงทะลุซอยตัน.
“ทีมการเมือง”