คนละเรื่องเดียวกันเมื่อเงื่อนปมที่ผูกเอาไว้เริ่มสำแดงพิษสงของมันในทางการเมือง ดีไม่ดีการตั้งรัฐบาลชุดใหม่อาจจะพลิกผันได้แม้จะได้ตัวเลขเพิ่มขึ้นมาเป็นรัฐบาล 8 พรรค 313 เสียง เนื่องจากมีพรรคใหม่ 2 พรรคเข้ามาร่วมด้วย
การแถลงข่าวของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค
ก้าวไกล หลังได้มีการหารือร่วมกันกับตัวแทน 8 พรรคเบื้องต้น
1.สนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี 2. ทุกพรรคเห็นพ้องที่จะร่วมลงนามเอ็มโอยู 3.ให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อประสานงานในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
แต่ที่ยังไม่มีคำตอบก็คือ ทำไงให้เสียงสนับสนุนครบ 376 เสียง และจะดำเนินการอย่างไรกับ ม.112
ทางหนึ่งก็คือล็อบบี้ ส.ว.ทุกวิถีทาง
ม.112 ทุกพรรคยังสงวนท่าทีไม่กล้าแสดงจุดยืน
2 เรื่องนี้แม้จะคนละเรื่องแต่ก็เป็นเรื่องเดียวกันเพราะเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ว. ที่จะไม่ยกมือสนับสนุนก็เพราะไม่ต้องการให้แตะต้องเรื่องสถาบันซึ่งเป็นชนวนใหญ่
ปมนี้จึงอยู่ที่พรรคก้าวไกลจะจัดการอย่างไรแม้จะยืนยันท่าทีมาตลอดว่าไม่ได้ต้องการให้ยกเลิกแต่ต้องการแก้ไขเพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมือง
แต่มุ่งหวังให้สถาบันได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้มีความมั่นคงมากขึ้น
ทว่าเรื่องนี้ถูกมองว่ามีเจตนาเพื่อลดทอนพระราชอำนาจเนื่องจากมีการแสดงความเห็นมาอย่างต่อเนื่องที่ทำให้เข้าใจได้ว่าต้องการจะให้เป็นไปเช่นนั้น
ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ ส.ว.เท่านั้นที่แสดงออกว่าไม่ต้องการให้ไปแตะต้องหรือข้องเกี่ยว แม้แต่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย
พรรคที่กำลังจะร่วมรัฐบาลหนุนให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเจอคำถามนี้ต่างก็พยายามหลบฉากไม่กล้าให้ความเห็น
อย่างพรรคเพื่อไทยแม้จะเห็นด้วยว่าควรมีการนำเข้าพิจารณาในสภา แต่ “ทักษิณ” เองยังต้องถอยฉาก ประกาศล่าสุดว่าต้องให้ความเคารพเพราะเป็นหลักของชาติ
...
แน่นอนว่า “ทักษิณ” ย่อมอ่านเกมการเมืองออกว่าพรรคก้าวไกลจะต้องเจอแรงกดดันจากเรื่องนี้อย่างแน่นอนจึงต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่าเขาไม่เอาด้วย
และก็ได้ผลเมื่อมี ส.ว.บางคนที่ประกาศไม่สนับสนุน “พิธา” แต่พร้อมที่จะสนับสนุน “เพื่อไทย” พรรคอันดับ 2 ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
นี่เท่ากับเปิดทางล่วงหน้าเอาไว้หากนายพิธาหัวหน้าพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ พูดง่ายๆว่า “ส้มหล่น” ที่รออยู่ข้างหน้าโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
เป็นการเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนแม้ด้านหนึ่งจะประกาศสนับสนุนในหลักและแสดงตัวว่าไม่มีการเคลื่อนไหวเพื่อตั้งรัฐบาลแข่ง
“พิธา” นั้นนอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่อง “หุ้นสื่อ” ที่เป็นชนักติดหลังไม่รู้จะออกหัวออกก้อยด้านไหน
โอกาสจะถูกสอยจนร่วงลงมาเองมีหลายด่าน
“เพื่อไทย” จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวให้ไก่ตื่นแต่แสดงออกด้วยการวางตัวในบทบาทนักประชาธิปไตยและความเป็นมิตร
มีลายแทงอีกเรื่องหนึ่งที่บอกว่าเพื่อไทยได้ตั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเอาไว้ 3 คนก็เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดปัญหา
“ก้าวไกล” ตั้งเพียงคนเดียว
ถ้ามีปัญหาก็ม้วนเดียวจบ...
“สายล่อฟ้า”