“พิธา” ลั่นพร้อมเป็นนายกฯของคนไทยทุกคน ยกหูหา “อุ๊งอิ๊ง” ชวนร่วมตั้งรัฐบาลก้าวไกล-เพื่อไทย รวม 6 พรรค 309 เสียง ดักคอ ส.ว.อย่าฝืนฉันทามติประชาชน เดินหน้าแก้ ม.112-นิรโทษกรรม ขึ้นรถแห่เสียงตะโกน “นายกฯพิธา” ดังกระหึ่ม “ชลน่าน” แทงกั๊กจับมือยังไม่ชัด รอดูเอ็มโอยูไปกันได้หรือไม่ “เศรษฐา” ยันไม่น่าจะมีพลิกขั้ว พท.ประกาศไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง “ชลน่าน” โยน ก.ก.ไปรวมให้ได้ 376 เสียง “อิ๊ง” รับยกหูคุย “พิธา” สั้นๆ ย้ำชัดไม่เอายกเลิกมาตรา 112 รับผิดหวังคิดว่าจะได้ที่หนึ่ง เปิดไทม์ไลน์ฟอร์มรัฐบาลใหม่ “เสี่ยหนู” โต้ข่าวร่วมวงก้าวไกล “วราเทพ” ยังไม่ตั้งโต๊ะคุยเพื่อไทย “จุรินทร์” ไขก๊อกหัวหน้า ปชป. ส.ว.ตัวตึงดาหน้าขย่ม “กิตติศักดิ์-วันชัย” แท็กทีมสกัด เย้ยมาที่ 1 ก็วืดได้ “เฉลิมชัย” ให้ไปหา 376 เสียงให้ได้ก่อน “เสรี” เชื่อไม่มีเดดล็อก สื่อเทศจับตาจุดเปลี่ยนไทย “ลุงตู่” ส่งสัญญาณอาจวางมือ

หลังได้รับฉันทามติจากประชาชนให้เป็นพรรค การเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เดินหน้าเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย คือ พรรคเพื่อไทย ไทยสร้างไทย ประชาชาติ เสรีรวมไทย รวมเป็นรัฐบาล 309 เสียง

...

“พิธา” ชวนตั้งรัฐบาล 309 เสียง

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 พ.ค. ที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลว่า ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทย ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์ว่า พรรคก้าวไกลได้คะแนนเป็นอันดับ 1 พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล น้อมรับฉันทามติประชาชนพลิกขั้วจากฝ่ายค้านมาจัดตั้งรัฐบาล พร้อมเป็นนายกฯของคนไทยทุกคน รับฟังความเห็นแตกต่าง คืนศรัทธาให้ระบบประชาธิปไตยและรัฐสภา ได้โทรศัพท์ไปหาแกนนำ 5 พรรค และโทร.หา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แสดงความยินดีที่มีความมุ่งมั่นหาเสียง พร้อมชวนร่วมตั้งรัฐบาลก้าวไกล-เพื่อไทย ได้แก่ พรรคก้าวไกล เพื่อไทย ไทยสร้างไทย ประชาชาติ เสรีรวมไทย รวม 308 เสียง และกำลังติดต่อไปยังพรรคเป็นธรรมที่เห็นความตั้งใจทำงานเรื่องสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมเป็น 309 เสียง เพียงพอตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ปิดประตูตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทุกพรรคพร้อมพูดคุยในรายละเอียดทั้งเรื่องคน นโยบาย แผนการทำงาน และจำเป็นต้องทำเอ็มโอยูเหมือนกับสากล ให้ประชาชนเห็นว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย 100 วัน และ 1 ปี จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

จ่อตั้งทีมเจรจาจัดตั้งให้เร็วที่สุด

นายพิธากล่าวว่า เตรียมตั้งทีมงานเจรจาจัดตั้งรัฐบาล นำโรดแม็ปที่สัญญากับประชาชนมาปฏิบัติ ทำประชามติให้มี ส.ส.ร.แก้รัฐธรรมนูญ ให้เกิดการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ จะเดินสายพบประชาชน ข้าราชการ ภาคธุรกิจ พร้อมเดินหน้าทำความเข้าใจกับคนที่เห็นต่างเพื่อตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ไม่ให้มีสุญญากาศการเมือง เศรษฐกิจ ขอให้มั่นใจเราจะทำงานอย่างละเอียด รวดเร็ว การตั้งคณะทำงานจัดตั้งรัฐบาลได้คุยกับ น.ส.แพทองธารแล้ว น.ส.แพทองธารได้แสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล ประชาชน และฝ่ายประชาธิปไตย บอกพร้อมทำงานร่วมกันในอนาคต ถือเป็นความโปร่งใสที่แจ้งให้สื่อทราบว่าคุยอะไรกันบ้าง

ดักคอ ส.ว.ไม่กล้าฝืนฉันทามติ

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลเสียง ส.ว.จะไม่โหวตให้ครบ 376 เสียงหรือไม่ นายพิธาตอบว่า ไม่กังวลเสียง ส.ว. เพราะเป็นฉันทามติประชาชน การฝืนประชามติประชาชนไม่มีประโยชน์กับฝ่ายใด รวมถึง ส.ว. ท่าที ส.ว.แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เมื่อฉันทามติประชาชนมาแล้วทุกฝ่ายต้องน้อมรับ เมื่อถามว่าเหตุใดไม่นำพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อความเด็ดขาดปิดสวิตช์ ส.ว. นายพิธาตอบว่า ไม่จำเป็น ขั้วฝ่ายค้านเดิมตั้งรัฐบาล 300 กว่าเสียงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้โทร.มาหา เมื่อถามว่าจำนวน ส.ส. เพื่อไทยและก้าวไกลใกล้เคียงกัน ตำแหน่ง รมว.กลาโหมจะเป็นของใคร นายพิธาตอบว่า สิ่งสำคัญคือการปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ไม่ได้ใช้เรื่องกระทรวงเป็นตัวเจรจา พร้อมนั่งเป็นนายกฯ หรือถ้าจำเป็นต้องนั่งควบกระทรวงต่างๆ ก็พร้อมนั่งควบทุกตำแหน่ง แต่ถ้ามีคนเหมาะสมก็ไม่มีปัญหา

เดินหน้าแก้ ม.112-นิรโทษกรรม

เมื่อถามถึงจุดยืนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 นายพิธาตอบว่า ทุกเรื่องยังไม่คุยในรายละเอียดกับแต่ละพรรค แต่เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 สามารถทำได้ในสภา ตอนนี้พรรคก้าวไกลมี 151 เสียง ถือว่าเกินที่สามารถเสนอได้ โดยใช้สภาเป็นตัวแก้ไข แต่ที่มากกว่าการแก้ไขคือทบทวนผู้ได้รับผลกระทบจากคดีการเมืองทั้งหมดและโอกาสนิรโทษกรรม เพราะเป็นห่วงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่กับสถาบัน ถ้าไม่รีบพูดคุยอาจเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ของการเมืองไทยที่ไม่อยากเห็น เมื่อถามว่ากังวลคดีการถือหุ้นสื่อที่อยู่ใน กกต.หรือไม่ นายพิธาตอบว่า ไม่กังวล พร้อมชี้แจงต่อกกต. ขอเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องนี้

ตะโกน “นายกฯพิธา” ดังกระหึ่ม

จากนั้นเวลา 17.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แกนนำพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม.บางส่วน ขึ้นรถแห่ปราศรัยขอบคุณประชาชนที่มอบคะแนนให้ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 จากนั้นเคลื่อนขบวนมาที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อปราศรัยต่อ มีประชาชนมารอฟังจำนวนมาก นายพิธากล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าเมื่อร่วมมือกันอะไรก็เป็นไปได้ ถือเป็นเกียรติในชีวิตสูงสุดที่ได้รับใช้ทุกคน สัญญาว่าจะไม่ให้โอกาสนี้สูญเปล่าจะสร้างประเทศไทยที่เต็มด้วยความฝันที่มีเป้าหมาย และโรดแม็ปที่พรรคก้าวไกลสัญญาไว้ก่อนเลือกตั้งที่อยู่ในแผนจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล จะรวบรวมคะแนนเสียงให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 309 เสียง ส่วนเพลงขอเวลาอีกไม่นาน ขอให้ร้องเพลงนี้เป็นครั้งสุดท้าย จากนี้จะมีนายกฯชื่อนายพิธา ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แม้การเลือกตั้งจบลง แต่การเริ่มต้นประเทศไทยเพิ่งเริ่มต้น เพราะกาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม โดยมีประชาชนส่งเสียงตะโกนเชียร์ “นายกฯพิธา ๆ ๆ ๆ” กระหึ่มทั่วพื้นที่ ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินมาแสดงความยินดีกับนายพิธา และขอให้นายพิธาทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เอาพรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาล ปล่อยให้ไปเป็นฝ่ายค้าน จากนั้นเคลื่อนขบวนรถไปที่ย่านบ้านหม้อ ห้างดิโอลด์สยาม และมาจบที่สนามหลวง

“ชลน่าน” แทงกั๊กจับมือยังไม่ชัด

ที่พรรคเพื่อไทยเวลา 10.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมกับแกนนำพรรคและกรรมการบริหารพรรค หลังผลคะแนนเลือกตั้งเป็นที่ชัดเจนแล้วเพื่อไทยได้คะแนนมาเป็นอับดับ 2 ว่า มาคุยกันเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานหลังจากนี้ว่าจะดำเนินต่ออย่างไร ส่วนการจับมือจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยแสดงท่าทีชัดว่ายอมรับเสียงประชาชนที่ไว้วางใจพรรคก้าวไกลให้มาเป็นอันดับหนึ่ง ขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล และยินดีที่จะให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะร่วมมือกันอย่างไรนั้นในฐานะพรรคอันดับรอง ต้องฟังเสียงพรรคอันดับหนึ่งว่าจะมีท่าทีทิศทางอย่างไร

รอดูเอ็มโอยูไปกันได้หรือไม่

เมื่อถามถึงเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลจะมีข้อไหนที่อาจร่วมกันไม่ได้ นพ.ชลน่านตอบว่า ยังไม่รู้ เป็นแนวทางที่พรรคก้าวไกลประกาศไว้ การลงนามให้ชัดเจนถือเป็นเรื่องดี เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าจะทำอะไรได้บ้าง “ต้องคุยกัน ถ้าร่วมกันไม่ได้ ข้อไหนจะผ่อนคลายหรือยอมกันได้แค่ไหน คงต้องดูตรงนั้น” แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบเนื้อหาว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง อาจยังตอบไม่ได้ถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี เบื้องต้นที่ทราบจะเน้นไปที่การทำงานตามนโยบาย เมื่อถามอีกว่าหากลงนามเอ็มโอยูไม่ได้ เพื่อไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้านอีกหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ต้องดูในรายละเอียด ตอนนี้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก เมื่อประชาชนมอบคะแนนให้กับฝ่ายประชาธิปไตยท่วมท้นแบบนี้ เจตจำนงคงต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาทำงานเป็นรัฐบาล “สิ่งนี้สำคัญกว่ามาคิดว่าตัวเองต้องเป็นอะไร ไม่ใช่ว่าพอไปด้วยกันไม่ได้แล้วต้องมาเป็นฝ่ายค้าน”

“เศรษฐา” ยันไม่น่าจะมีพลิกขั้ว

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ถือเป็นความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง เมื่อถามว่าแนวโน้มที่เพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลกับก้าวไกลมีมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐาตอบว่า ต้องให้กรรมการบริหารตัดสิน แต่เรามาด้วยกัน เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน คงเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเป็นความต้องการของประชาชน เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีการพลิกขั้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ตามกติกามันชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามอีกว่าจะมีเงื่อนไขอะไรที่ทำให้สถานการณ์พลิกไปจนสองพรรคไม่ได้จับมือกัน นายเศรษฐาตอบว่า คิดว่าไม่น่าพลิก ประชาชนพูดแล้ว ลงคะแนนเสียงแล้ว และพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายชนะ

เชื่อ ส.ว.ไม่กล้าฝืนมติมหาชน

เมื่อถามว่าหากมติ กก.บห.พรรคไม่ออกมาเช่นนี้จะยอมรับหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “ผมไม่ได้เป็นกรรมการบริหารฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ส่วนตัวผมชัดเจน และพูดหลายเวทีแล้วว่าฝ่ายไหนรวมกันแล้วเกินกึ่งหนึ่งของ 500 เสียง ถือเป็นชัยชนะของประชาชน และ ส.ว.เองก็คงโหวตตามความต้องการของประชาชน” แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการโทรศัพท์พูดคุยหรือมีดีลลับใดๆกับนายพิธา ส่วนตัวไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของนายพิธาด้วย เมื่อถามว่ายังไม่ได้ถอดใจจากการเมืองใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ก้าวเข้ามาจากฝ่ายธุรกิจ มาฝ่ายการเมืองก็อยากช่วยประเทศชาติ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี หรือ ส.ส. มีหลายบทบาทที่สามารถสู้ต่อไปได้ วันนี้ก็ตื่น 7 โมงเช้าเข้าพรรคทันที ยอมรับกติกาอยู่แล้ว

ประกาศไม่ตั้งรัฐบาลแข่งเพื่อน

ต่อมาเวลา 13.30 น. แกนนำพรรค และกก.บห.พรรค อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สองแคนดิเดตนายกฯ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุมกำหนดท่าทีการร่วมจับขั้วรัฐบาล นพ.ชลน่านอ่านคำแถลงของพรรคว่า ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับสอง ขอบคุณประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ และสนับสนุนเลือกพรรคเพื่อไทยและฝ่ายประชาธิป ไตย แสดงถึงความต้องการของประชาชนในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล และยอมรับที่เสนอตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เห็นด้วยที่จะเชิญพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยขอยืนยันว่าไม่มีแนวความคิดที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับก้าวไกล ประเด็นในการหารือและกระบวนการต่างๆ ให้เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายดำเนินการ

โยน ก.ก.ไปรวมให้ได้ 376 เสียง

นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ส่วนระยะเวลาจัดตั้งรัฐบาลเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ เรายินดีและพร้อมเป็นฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น และเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคที่จะพูดคุยกัน เมื่อถามว่า 309 เสียงสามารถโหวตนายกฯได้หรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า จำนวน 309 เสียง ถือว่าเข้มแข็ง แต่การจะโหวตนายกฯได้หรือไม่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย คือต้องไปเลือกในที่ประชุมรัฐสภาให้ได้ 376 เสียงขึ้นไป เราจำเป็นต้องอาศัยเสียงดังกล่าว เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นอีกหนึ่งพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำดำเนินการ เราไม่ก้าวล่วง เรื่องเงื่อนไขต่างๆ กระบวนการเพิ่งเริ่มเรายังไม่สรุปจบว่าต้องใช้เวลาเท่าไร ในส่วนของเพื่อไทยต้องฟังแกนนำว่าจะกำหนดประเด็นข้อหารืออย่างไร ขณะนี้ยังไม่มีใครได้เห็นเอ็มโอยูของก้าวไกล

ไม่พูดโอกาสโดดเดี่ยวก้าวไกล

เมื่อถามว่าดีลระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทยจะจบลงด้วยดีหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า หวังว่าจบลงด้วยดี เรามุ่งหวังให้เป็นไปตามความต้องการของพี่น้องประชาชน หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นเป็นไปตามที่พี่น้องฝ่ายประชาธิปไตยชนะอย่างท่วมท้น เมื่อถามว่าเพื่อไทยมีเงื่อนไขใดที่ไม่สามารถเข้าร่วมกับก้าวไกลได้ นพ.ชลน่านตอบว่า ขอรอดูประเด็นที่ก้าวไกลเสนอมาก่อน เมื่อถามว่าหากก้าวไกลไม่สามารถทำภารกิจจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ มีโอกาสจะถูกโดดเดี่ยวหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า เราอย่าไปคาดการณ์อย่างนั้น เขาต้องทำภาระหน้าที่ให้ถึงที่สุด ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นไม่ควรไปคิดตรงนั้น ต้องทำภารกิจเบื้องต้นให้สำเร็จให้ได้

“อิ๊ง” รับยกหูคุย “พิธา” สั้นๆ 3 นาที

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า ได้ฟังคำแถลงและได้คุยโทรศัพท์กับนายพิธาช่วงเช้าประมาณ 3 นาที ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดแค่แสดงความยินดีต่อกัน นายพิธาเป็นคนโทร.มา ส่วนราย ละเอียดในการเข้าร่วมรัฐบาลจะพูดคุยกันอีกครั้ง ยืนยันสนับสนุนพรรคก้าวไกลที่ได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล เราเคยทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน ส่วนในเชิงรายละเอียดนโยบาย และข้อตกลงต่างๆ จะส่งตัวแทนไปร่วมพูดคุยผ่าน กก.บห.พรรคพิจารณา เมื่อถามว่าเพื่อไทยจะโหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า เมื่อก้าวไกลได้คะแนนอันดับ 1 เราเคารพเสียงของประชาชน

ย้ำชัดไม่เอายกเลิกมาตรา 112

เมื่อถามถึงท่าทีต่อมาตรา 112 น.ส.แพทองธารตอบว่า เรามีจุดยืนที่มั่นคงว่าไม่สนับสนุนให้ยกเลิก แต่พูดคุยในสภาฯได้ ส่วนเรื่องกฎหมายต่างๆที่มีน้องๆติดคุกเราพร้อมพูดคุย เรื่องอื่นยังไม่ได้พูดคุยอะไร ส่วนรายละเอียดหรือเงื่อนไขการเข้าร่วมของเพื่อไทยนั้นมีในใจบ้าง แต่ต้องขอคุยกันในพรรคก่อน เพื่อให้เป็นไปในทางเดียวกัน เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะยังกลับประเทศไทยในเดือน ก.ค.หรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า การกลับมาของนายทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพื่อไทย ฉะนั้นถ้านายทักษิณยังไม่ประกาศเลื่อนวันก็ยังคงเป็นวันเดิม คือเดือน ก.ค. แต่จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนอย่างไร ถ้านายทักษิณออกมาพูดก็ตามนั้น

“อิ๊ง” ผิดหวังคิดว่าจะได้ที่หนึ่ง

เมื่อถามว่าจากผลเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยจะปรับตัวอย่างไร น.ส.แพทองธารตอบว่า นโยบายเราค่อนข้างตอบโจทย์ของประเทศ แต่เข้าใจว่าสิ่งที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงของก้าวไกลเป็นจุดแข็ง ต้องขอบคุณประชาชนที่เลือกเราในทุกพื้นที่ สิ่งที่เกิดขึ้นเราต้องวางแผนว่าจะไปต่ออย่างไรกับประเทศ และเราจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือประเทศให้ได้มากที่สุด แผนต่อไปเราไม่ได้ยึดว่าจะชนะครั้งต่อไปอย่างไร การเลือกตั้งก็เหมือนกีฬา มีผู้แพ้ ผู้ชนะ ผู้ที่แพ้หรืออันดับ 2 ต้องมีความผิดหวังบ้าง เพราะเราคิดไว้ว่าจะเป็นอันดับ 1 แต่เราก็ยอมรับ เป็นน้ำใจนักกีฬา เพื่อประชาธิปไตย เพื่อประเทศชาติที่จะไปต่อได้ ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของการเมือง ทุกคนต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

“เป็นธรรม” ตอบรับร่วมวง “พิธา”

ด้านนายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม และว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังพรรคเป็นธรรมเป็น 1 ใน 5 พรรค ที่นายพิธาระบุทาบทามร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนขอขอบคุณคุณพิธาที่กล่าวเชิญพรรคเป็นธรรมร่วมรัฐบาลในฐานะว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม ตนยินดีที่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ที่มีอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย และมีนโยบายที่ตรงกันในหลายด้าน จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนร่วมกันต่อไป

เตือนขั้วเก่าอย่าฝืนฉันทามติ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเสรีรวมไทย (สร.)โพสต์เฟซบุ๊กว่า ยินดีกับความสำเร็จของคนรุ่นใหม่ ที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนนำในการเลือกตั้ง วิถีแห่งประชาธิปไตยเมื่อประชาชนไปเลือกตั้ง และเสียงส่วนใหญ่ชี้ไปว่าให้ใครเป็นเสียงข้างมาก นั่นคือสิ่งที่ทั้งสังคมต้องยอมรับเขามีความชอบธรรมแห่งการมีอำนาจในการปกครองประเทศ นโยบายที่เขานำเสนออาจมีหลายอย่างที่ขัดใจคนบางกลุ่มในสังคม แต่เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นชอบก็เป็นความชอบธรรมที่จะดำเนินตามนั้น พลังอำนาจเก่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมือง วุฒิสภา ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต้องน้อมรับสายลมเย็นแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เปิดใจให้โอกาสแก่ฉันทามติใหม่ของสังคม หากยังคิดฝืน สายลมที่พัดเย็น อาจเปลี่ยนกลายเป็นพายุโหมและอาจรุนแรงกว่าที่คิด

เปิดไทม์ไลน์ฟอร์มรัฐบาลใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานไทม์ไลน์ในการฟอร์มรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 85 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 127 ระบุให้ กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้ง มีจํานวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของเขตเลือกตั้งทั้งหมด ภายใน 60 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง (14 พ.ค.) คือไม่เกินวันที่ 13 ก.ค. และต้องเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ประกาศผลเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 คือภายในวันที่ 27 ก.ค. จากนั้นเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 และ 272 คาดว่าภายในเดือน ส.ค. จัดตั้งคณะรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 คาดว่าภายในเดือน ส.ค. และนายกรัฐมนตรีนำ ครม.แถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน นับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 คาดว่าภายในเดือน ก.ย.

“เจ๊หน่อย” เผยยังไม่ได้คุยร่วม รบ.

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า ขอบคุณทุกคะแนนที่ให้กับพรรค จะตั้งใจทำงานเต็มที่ หวังว่าเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนเห็นพรรคเป็นทางออกของประเทศ วันนี้ขอยืนยัน ส.ส.ของพรรคจะมุ่งมั่นทำให้ประเทศไทยดีที่สุดเพื่อลูกหลาน กรณีพรรคก้าวไกลชวนเข้าร่วมรัฐบาลยังไม่ได้มีการพูดคุยใดๆ ยังไม่เห็นรายละเอียด คงยังตอบอะไรไม่ได้ เมื่อพูดคุยกันแล้วคงต้องดูหลักการทำงานก่อน เพราะโจทย์ใหญ่ของพรรคคือต้องการทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

“บิ๊กตู่” ปล่อยให้เป็นตามกลไก

เวลา 09.35 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม และแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินทางเข้าทำงานตามปกติ มีเพียงกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงผ่านระบบวีดิทัศน์ ในพิธีเปิดการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสห ประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) สมัยที่ 79 ที่ศูนย์การประชุมแห่งสหประชาชาติที่บันทึกเทปไว้แล้ว ต่อมาเวลา 13.30 น. นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค รทสช. เข้าพบที่ห้องทำงานพูดคุยกันนานกว่า 30 นาที โดย พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ดีสีหน้าไม่เคร่งเครียด และกล่าวให้กำลังใจนายธนกร โดยนายธนกรกล่าวขอบคุณที่ให้ความเมตตามาตลอด ขอเคียงข้างไปตลอดชีวิตไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไร ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า “ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกการเลือกตั้งในการจัดตั้งรัฐบาล”

“แด็ก” ส่งซิก “ลุงตู่” อาจพอแล้ว

ต่อมานายธนกรให้สัมภาษณ์ว่า คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ถึงการดำเนินการของพรรคแล้วแต่ยังไม่เป็นทางการ เวลานี้ยังต้องรอให้พรรคที่ได้อันดับ 1 จัดตังรัฐบาล ช่วงนั่งรัฐบาลรักษาการประมาณ 3 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ พวกเรามีสปิริต ถ้าไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 2 สำหรับเราถ้าไปเป็นฝ่ายค้านก็พร้อมอยู่แล้ว แต่กับ พล.อ.ประยุทธ์เราให้กำลังใจกัน การตัดสินใจต่างๆอยู่ที่พรรคและตัว พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อถามว่า การเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร พรรค รทสช.มีโอกาสถูกจีบไปอยู่ซีกรัฐบาลหรือไม่ นายธนกรตอบว่า ไม่แน่ใจ แต่การเมืองเป็นไปได้หลายหน้า รู้จักกันทั้งนั้น เมื่อถามว่าแสดงว่าประตูไม่ปิดตาย นายธนกรตอบว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์เปรยหรือไม่หากไม่ได้เป็นรัฐบาลจะทำงานการเมืองต่อหรือไม่ นายธนกรตอบว่า ไม่ได้เปรย เมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค.ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร “แต่คิดว่าท่านอาจจะต้องพอแล้วมั้ง ทำเพื่อประเทศชาติมาทั้งชีวิตแล้ว 7-8 ปี และเชื่อว่า ลุงตู่ยังอยู่ในใจคนไทยไปอีกยาวนาน ผลเลือกตั้งไม่ได้รู้สึกว่าเราพ่ายแพ้อะไร แต่การเมืองมันต้องเปลี่ยน ถ้าพรรคต้องปรับตัวทำการเมืองแบบเก่ามากเกินไปยาก ต้องผสมผสานคนทุกรุ่น”

“เสี่ยหนู” โต้ข่าวร่วมวงก้าวไกล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีสื่อมวลชนสำนักข่าวหนึ่งเผยแพร่ข่าวว่าแกนนำพรรคภูมิใจไทยแสดงความจำนงเข้าร่วมรัฐบาลพรรคก้าวไกล-เพื่อไทย และพร้อมจะปรับนโยบายให้สอดคล้องกับพรรคแกนนำนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ผ่านช่องทางไลน์ส่วนตัวว่าจะไปร่วมกับเขาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบกลับมาว่า ไม่รู้แกนนำคนไหน เท่าที่ตรวจสอบไม่มีใครให้ข่าว

“วราเทพ” ยังไม่ตั้งโต๊ะคุย พท.

ช่วงเที่ยงที่พรรคพลังประชารัฐ นายวราเทพ รัตนากร กรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หัวหน้าทีมกำแพงเพชร กล่าวถึงการประกาศจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยกติกาตามรัฐธรรมนูญ 2560 การโหวตเลือกนายกฯต้องมีสัดส่วน ส.ว.ด้วย ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันของพรรคแกนนำ เมื่อถามว่าพลังประชารัฐกับเพื่อไทยทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายวราเทพตอบว่า เราพูดไม่ได้ ต้องให้พรรคอันดับ 1 และ 2 เป็นคนพูด รอนิดนึง เข้าใจว่าคนอยากเห็นรัฐบาลเร็วๆ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพรรคที่ได้รับคะแนนสูงสุด ยังมีเวลาตามกฎหมาย 60 วัน และต้องรอการรับรองการเป็น ส.ส.ครบ 95% ถึงจะเปิดสภาได้ แต่ต้องไม่เกิน 60 วัน เท่าที่รู้กับพลังประชารัฐกับเพื่อไทยยังไม่มีคุยกัน

“จุรินทร์” ไขก๊อกหัวหน้า ปชป.

เมื่อเวลา 23.30 น. กลางดึกของคืนวันที่ 14 พ.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มพรรคประชา ธิปัตย์ ระบุว่า “ผมขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ลงสมัครทุกคน ขอบคุณท่านเลขาธิการพรรค ท่านชวน ท่านบัญญัติ ท่านอภิสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค คณะทำงานทุกชุดเพื่อน ส.ส. กก.บห. และสมาชิกพรรคทุกท่านที่ช่วยกันทำหน้าที่สุดความสามารถด้วยความซาบซึ้งใจยิ่ง ผมขอแสดงความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้ง ด้วยการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และขอให้ทุกท่านช่วยกันทำหน้าที่เพื่อพรรคต่อไป สำหรับผมไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด พร้อมอยู่เคียงข้างพรรคเสมอ ดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาตลอดชีวิตการเมืองของผม”

“สุธรรม” รอคุย กก.บห.รักษาการ

ต่อมาเวลา 14.30 น. วันที่ 15 พ.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลาออกของนายจุรินทร์ว่า ถือว่ากรรมการบริหารพรรคชุดนี้สิ้นสภาพตามหัวหน้าพรรคที่ประกาศลาออกนับแต่วันที่ 14 พ.ค. แต่ยังรักษาการตามระเบียบข้อบังคับพรรค โดยต้องมีการหารือภายในว่าจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่ภายใน 60 วัน แต่ตามข้อบังคับพรรคยังมีรายละเอียดปลีกย่อยว่าระหว่างที่รอให้กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. เราจะรอให้ประกาศครบทั้งหมด หรือจะรอเพียงบางส่วน เพราะสัดส่วนการโหวตกลุ่ม ส.ส.มีน้ำหนัก 70 เปอร์เซ็นต์ มากกว่ากลุ่มโหวตเตอร์อื่นๆ ต้องรอประกาศรับรองผลของ กกต.ประกอบด้วย เรื่องนี้ต้องหารือกับรักษาการ กก.บห.ชุดปัจจุบันด้วย เพื่อความเหมาะสม

“องอาจ” ร่วมยินดีกับก้าวไกล

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวขอบคุณทุกคะแนน เสียงที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งว่า ไม่ว่าท่านจะเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองใด ถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ช่วยทำให้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเดินหน้าได้ต่อไป และขอบคุณประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคด้วยหัวใจจากใจจริง ยืนยันว่าทุกคะแนนเสียงที่มอบให้พรรคจะไม่สูญเปล่า เราจะทำงานเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนต่อไปในทุกช่องทางเท่าที่เราสามารถทำได้ และขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 แบบแลนด์สไลด์อย่างท่วมท้นทั่ว กทม. และทั่วประเทศและขอก้าวไกลเดินหน้าทำงานตามที่สัญญาไว้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมืองโดยรวมต่อไป

“วราวุธ” ยอมรับกระแสส้มจี๊ด

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ผลเลือกตั้งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชน พื้นที่ จ.สุพรรณบุรีทั้ง 5 เขต แม้พรรค ชทพ.ชนะยกจังหวัดแต่ดูคะแนนแล้วเกือบไปเช่นกัน ขณะที่คะแนนบัญชีรายชื่อยังได้คะแนนน้อยกว่าพรรคก้าวไกล ขณะที่พื้นที่ จ.นครปฐม ต่อให้ลงพื้นที่กันหนักยังสู้กระแสไม่ได้ จากนี้พรรคต้องถอดบทเรียนและปรับตัวให้ทันยุคที่เปลี่ยนไป เคยคิดว่าบุคคลจะหิ้วพรรคแต่กลับพบว่าพรรคมีส่วนสำคัญเช่นกัน ดังนั้นการลงพื้นที่อาจต้องเน้นการทำงานในภาพของพรรคมากขึ้น เมื่อถามว่า มีการติดต่อทาบทามให้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายวราวุธตอบว่า ยังไม่มี ยืนยันตลอดไม่ได้จ้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นสามารถทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ เมื่อถามว่า อาจเกิดเดดล็อกที่ ส.ว.ไม่สนับสนุนนายกฯของพรรคก้าวไกล นายวราวุธตอบว่า ไม่ทราบ ส.ว.อาจใช้วิธีงดออกเสียงได้

“อลงกรณ์” วอน ส.ว.หนุน ก.ก.

นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป.โพสต์เฟซบุ๊กว่า หัวข้อชื่อว่า “ควรเคารพเสียงประชาชนให้ “ก้าวไกล” ตั้งรัฐบาลปฏิรูปประเทศ” ประเทศไทยถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เมื่อประชาชนกว่า 14 ล้านคนเลือกพรรคก้าวไกล เป็นอันดับ 1 ด้วยความเชื่อมั่นว่าพรรคก้าวไกลจะสร้างการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน เชื่อว่านักการเมืองทุกคนคงยอมรับว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ชนะด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและความเป็นผู้นำของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ไม่มีการซื้อเสียง ขาวสะอาด หวังว่าทุกพรรคและ ส.ว.เคารพเสียงประชาชนเปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ และคุณพิธาได้เป็นนายกฯคนที่ 30 นำประเทศก้าวข้ามความล้าหลัง ความยากจนและความแตกแยกขัดแย้ง สร้างประชาธิปไตยโดยประชาชนของประชาชนเพื่อประชาชน ในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“เสรี” แย้มไม่มีเดดล็อก

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ให้สัมภาษณ์กรณีผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่พรรคฝั่งประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งว่า สะท้อนว่าประชาชนต้องการเปลี่ยน แต่คงไม่ใช่อารมณ์เบื่อ 2 ลุง เพราะมีหลายปัจจัยเช่นนโยบายโดนใจประชาชน รวมถึงการสื่อสารทางโซเชียล แต่จะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ แต่ละพรรคมีเงื่อนไขต้องพูดคุยกันเชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดเดดล็อกการเมืองหรือเกิดความไม่สงบในบ้านเมือง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญเป็นประเด็นที่ ส.ว.ร่วมสนับสนุน ขณะที่การแก้มาตรา 112 อาจทำให้เกิดเรื่องได้ เพราะมีคนไม่เห็นด้วย เมื่อถามถึงการสนับสนุน แคนดิเดตนายกฯของพรรคก้าวไกล นายเสรีตอบว่า รอดูความชัดเจนของพรรคการเมืองจับมือตั้งรัฐบาลก่อน

“เฉลิมชัย” ไม่ฝืนพร้อมโหวตให้

นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว.กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.เรียกร้องให้ ส.ว.ไม่ฝืนฉันทามติประชาชน โหวตเลือกให้เป็นนายกฯว่า ต้องไปหาเสียงให้ได้ 376 เสียงเองก่อน อย่ามาหวังพึ่งเสียง ส.ว.ไปเอาพรรค ภท.มารวมก็ได้แล้วเพื่อจะได้ปิดสวิตช์ ส.ว.ไปเลย ปัจจัยของ ส.ว.ไม่ใช่เรื่องเสียงที่ได้รับจากประชาชนหรือเสียงข้างมากอย่างเดียวต้องดูว่าใครตั้ง ส.ว.ชุดนี้มีที่มาอย่างไร ส.ว.ก็แบ่งเป็นกลุ่มๆแต่ ส.ว.กลุ่มอิสระ มีไม่ถึง 20 คน แต่เวลาลงมติไม่รู้จะอิสระจริงหรือไม่ เช่นกรณีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ มี 23 ส.ว.เห็นด้วย แต่กลุ่มนี้อาจงดออกเสียงลงมติเลือกนายกฯจะเอา ส.ว.23 คนมาบอกว่า โหวตตามเสียงข้างมากไม่ได้ ดังนั้นฝ่ายค้านต้องรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง ไม่เช่นนั้นก็ผ่านไม่ได้ ถ้ารัฐสภาเลือกนายกฯครั้งแรกไม่ได้ ต้องไปหาให้ได้ 376 เสียง เลือกครั้งที่ 2 แต่จุดยืนส่วนตัวชัดเจนว่า หากฝ่ายใดรวบรวมเสียงข้างมากได้เกิน 250 เสียง จะโหวตให้ฝ่ายนั้นเป็นนายกฯ แม้จะเป็นคนพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พร้อมโหวตให้แต่ ส.ว.คนอื่นไม่กล้าการันตี

“กิตติศักดิ์” ลั่นต้องจงรักภักดี

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.กล่าวว่า ขณะนี้ขอรอดูการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลก่อน ยังไม่ถึงขั้นตอนของ ส.ว.ถ้าตั้งรัฐบาลได้แล้วเข้าสู่กระบวนการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกฯไม่ใช่หน้าที่ ส.ว.การที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุตั้งรัฐบาล 309 เสียงนั้น ต้องรอให้ถึงเวลาพิจารณาก่อน ขั้นแรกต้องรวมให้ได้มากกว่า 250 เสียงก่อน เมื่อมาถึงขั้นตอนเลือกนายกฯตามมาตรา 272 ส.ว.จะพิจารณาคุณสมบัติคนเป็นแคนดิเดตนายกฯเบื้องต้นจะต้องมีคุณสมบัติจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ส.ว.ทุกคนมีคุณวุฒิวัยวุฒิตัดสินใจด้วยตัวเอง กรณีนายพิธานั้น กกต.กำลังพิจารณาเรื่องร้องเรียนอยู่ ต้องรอดูผลเป็นองค์ประกอบ เรามองไปไกลว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เลือกใครมีปัญหาหรือไม่ ถ้าชักศึกเข้าบ้านมีความขัดแย้ง เดินลงเต็มถนนอีกหรือไม่ต้องมองหลายมิติ ก่อนตัดสินใจเพื่อบ้านเมือง

“วันชัย” เย้ยพรรคอันดับ 1 วืดได้

นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.กล่าวว่า หากใครรวมเสียงได้มากกว่า 250 เสียง ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน พรรคก้าวไกลอันดับ 1 แต่ไม่ได้หมายความว่ามีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสภาฯ แต่มารยาททางการเมืองใครได้เสียงอันดับ 1 มักให้พรรคนั้นเป็นคนตั้งรัฐบาลก่อน เป็นภารกิจพรรคก้าวไกลจะรวมพรรคอื่นได้เกิน 251 เสียง จนถึง 376 หรือไม่ ก็ไม่แน่ใจว่าอันดับ 1 ต้องเป็นรัฐบาลเสมอ ต้องดูว่าจะไปตกลงเรื่องนโยบาย และบุคคลที่เป็นนายกฯกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ถ้าสามารถประสานพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอื่นๆ อย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาก็แทบจะขาดลอย ไม่ต้องใช้เสียง ส.ว.แม้แต่เสียงเดียว ตอนนี้อย่ามาคิดว่า ส.ว.จะโหวตให้ใครหรือไม่ เท่าที่ดูเห็นว่ามี ส.ว.หลายคนประกาศชัดเจนไม่ดูที่เสียงข้างมากอันดับ 1 อย่างเดียว ต้องดูคนเป็นแคนดิเดตนายกฯ และนโยบายพรรคด้วย

ผบ.ตร.เตรียมปรับตัวรับขั้วใหม่

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงภาพรวมการดูแลความเรียบร้อยการเลือกตั้งว่า พอใจภาพรวมการดูแลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.พบว่า ไม่ได้รับแจ้งเหตุว่า มีการซื้อสิทธิขายเสียงเพิ่มเติม โดย กกต.แจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.มี 8 เหตุเท่าเดิม ได้ดำเนินคดีไปแล้ว 4 เหตุ ส่วนใหญ่ฉีกบัตรเลือกตั้งและจำหน่ายสุรา ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงแต่ละเคสไป ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กรณีที่ผลเลือกตั้งออกมาพรรคการเมืองเปลี่ยนขั้วอำนาจอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นั้น ต้องรอดูความชัดเจน และปรับตัวตามสถานการณ์ต่อไป

สื่อเทศจับตาจุดเปลี่ยนไทย

วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานบรรยากาศการเลือกตั้งประเทศไทย หลังผลการนับคะแนนปรากฏว่า พรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะ ระบุว่าสิ่งที่ต้องจับตาคือการเจรจาต่อรองจับขั้วตั้งรัฐบาล และการระดมเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ที่กองทัพแต่งตั้ง เพื่อการลงมติเลือกนายกฯคนใหม่ ระดมเสียง ส.ส.และ ส.ว.ให้ถึง 376 เสียง ย่อมหมายถึงขั้วอำนาจเก่าและกลุ่มอิทธิพลบางส่วนอาจจะยังมีบทบาทในรัฐบาลชุดใหม่อยู่ดี ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์ รายงานบทวิเคราะห์ในลักษณะเดียวกัน พร้อมตั้งคำถามว่า ประเทศไทยโหวตเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ต้องจับตาดูกันต่อไป นอกจากนี้ ในแวดวงนักวิชาการและสื่อสายความมั่นคงระหว่างประเทศในสหรัฐฯและยุโรป ยังตั้งคำถามว่า ท่ามกลางความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีนที่เกิดขึ้น ประเทศไทยหลังจากนี้จะปรับท่าทีจากเดิมหรือไม่ เนื่องด้วยว่าที่รัฐบาลใหม่มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนสหรัฐฯและต่อต้านจีน

เครือข่ายวิชาการ-สื่อเปิดโหวต

วันเดียวกัน เครือข่ายนักวิชาการ 10 สถาบัน ประกอบด้วยตัวแทนจากคณาจารย์คณะรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า), มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมกับสื่อ 10 สำนัก ได้แก่ พีพีทีวี, เนชั่น, ไทยรัฐทีวี, มติชน, ข่าวเวิร์คพอยท์, สำนักข่าววันนิวส์, The Reporters, The Standard, The Matter และ The Momentum เปิดโหวตเสียงประชาชน #3 “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ที่ ส.ว. ควรเคารพเสียงประชาชน โดยโหวตเลือกนายกรัฐ มนตรีตามเสียงข้างมากของ ส.ส.” ให้โหวตผ่านระบบออนไลน์ คิวอาร์โค้ด เริ่มตั้งแต่วันที่ 15-18 พ.ค. และจะประกาศผลในวันที่ 18 พ.ค. หลังเวลาปิดโหวต