ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ผลโพลจากสำนักต่างๆที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องได้ข้อมูลที่ไม่ต่างกันมากนักหัวเชื้อที่นักการเมืองทุกสำนักใจจด ใจจ่อมากสุด
คือตัวเลข 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งตอบตรงกันคือยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกคนไหน-พรรคไหน
เท่ากับเป็นการเปิดช่องหรือต่อลมหายใจเพื่อทำงานให้หนักขึ้น เพราะยังมีโอกาสชนะการเลือกตั้งได้
ถ้าสามารถ “ซื้อใจ” พลังเงียบเหล่านี้ให้เทคะแนนด้วยการกาบัตรเลือก
ไม่ว่าจะชูนโยบายเด็ดๆให้เข้าตา สร้างวาทกรรมให้เกิดการคล้อยตามในลักษณะต่างๆใครคิดค้นได้ก็มีโอกาสมาก
พูดง่ายๆคือสร้างกระแสในโค้งสุดท้าย
อีกด้านก็คือเรื่องของ “กระสุน” ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีความสำคัญ แม้ว่าความตื่นตัวทางการเมืองจะพุ่งสูงขึ้น
แต่ความแน่นอนที่สุดก็เรื่อง “กระสุน” นี่แหละ...
ยิ่งการแข่งขันที่ต่อสู้กันสูงอย่างนี้โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่บรรดา “บ้านใหญ่” ต้องเจอศึกหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะต้องเจอ “บ้านใหม่” และอิทธิพลที่เติบโตขึ้นมาท้าชิง
พอจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ
1.อิทธิพลใหม่ๆที่มีความพร้อม ใจถึงพึ่งได้ และสังกัดพรรคที่มีความทันสมัยด้านเทคโนโลยีและนโยบายที่ถึงใจชาวบ้าน
2.คนรุ่นใหม่ที่มีอยู่หลายพรรคแต่ที่กำลังโดดเด่นคือ มีพรรคที่มีอุดมการณ์ที่ชัดเจน พร้อมให้ความหวังแก่ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
นี่คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้การเมือง เกิดการเปลี่ยนแปลง
“อำนาจรัฐ” คือเป้าหมายสำคัญที่ทุกพรรคต้องการ โดยเฉพาะที่ชัดเจนที่สุดคือพรรคเพื่อไทย จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้
...
แม้สถานการณ์ที่เป็นจริง ณ วันนี้ คงได้เสียงมากที่สุดเพียงแต่ยังไม่สามารถทำให้แลนด์สไลด์ได้ตามที่ต้องการ
ต้องรอผลการเลือกตั้งที่จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อตั้งรัฐบาลให้ได้และพรรคก้าวไกลคือบันไดขั้นแรกที่จะจับมือกัน
แต่ถ้ารวมกันแล้วแม้เสียงจะเกินกึ่งหนึ่งก็ใช่ว่าจะเป็นหลักประกันในการเป็นรัฐบาล เพราะยังมีเสียงอีก 250 เสียงของวุฒิสมาชิกที่เป็นตัวแปรสำคัญ
ที่จะกำหนดให้ใครเป็นนายก รัฐมนตรี เป็นรัฐบาล
นั่นก็หมายความว่า จะต้องรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุด รวมกันแล้วต้องมากกว่าคู่ต่อสู้ที่ได้ 250 เสียงจากวุฒิสมาชิก
เป็นการตัดสินใจอีกขั้นหนึ่งว่าจะเอาพรรคไหนเข้ามาร่วม เท่าที่ดูแล้วพรรคภูมิใจไทยน่าจะง่ายสุด
รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ความเป็นไปได้มีน้อยที่สุดเนื่องจาก “อุดมการณ์” ทางการเมือง แตกต่างกัน
หรืออีกทางหนึ่งก็ดึงพรรคฝ่ายเดิม พรรคขนาดกลางอื่นๆ แต่ขึ้นอยู่กับว่าพรรคแกนนั้นรวมกันแล้วได้เสียงแค่ไหน
ถ้ารวมกันแล้วได้สัก 270 เสียงอำนาจต่อรองก็น้อยลง เว้นแต่มากกว่านั้น พรรคที่จะเข้าไปร่วมจะกลายเป็นพรรคเล็ก ขอเข้าร่วมก็ไม่มีปัญหา
อีกฟากหนึ่งนั้น รวมไทยสร้างชาติ นั้นชัดเจนในจุดยืน เห็นมีก็แต่พลังประชารัฐที่ “บิ๊กป้อม” ดูจะดิ้นไปหลายมุม
“ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ก็ไม่ชัดเจน และเขี่ยไม่พ้นตัว
ที่หวัง “ส้มหล่น” เป็นนายกฯคนที่ 30 ก็เลือนรางเต็มทน!!!
“ลิขิต จงสกุล”