เมื่อกติกากำหนดให้ ส.ส.จำนวน 500 คนนั้นมาจาก 2 ส่วนคือ จากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 400 คน และอีก 100 มาจากบัญชีรายชื่อ ทำให้ต้องกาบัตร 2 ใบที่เป็นอิสระกัน
พรรคการเมืองแต่ละพรรคจึงต้องจัดสัดส่วนกำลังพลว่าใครจะไปลงส่วนไหนอย่างไร เพื่อเฉลี่ยให้ครบจำนวน
แน่นอน ส.ส.เขตนั้นถือว่าเป็นฐานกำลังหลักเนื่องจากมีจำนวนมากแล้วยังมีพื้นที่กว้างขวางไปทั้งประเทศ
ปกติบรรดา “บ้านใหญ่” ในแต่ละจังหวัดจะเป็นกลไกสำคัญในส่วนนี้มี ส.ส.เป็นกอบเป็นกำคุมการเมืองของประเทศมาอย่างยาวนาน
แต่มาปัจจุบันคนรุ่นใหญ่ต่างก็โรยราไปด้วยตามวิถีธรรมชาติทั้งอายุที่แก่เฒ่าลงไปและความเปลี่ยนแปลงของสังคมตามยุคสมัย
พูดง่ายๆ คือจำนวนบ้านใหญ่ในจังหวัดต่างๆ จึงลดจำนวนลงตามลำดับจึงมี “บ้านใหม่” เข้ามาแทนที่และเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามไม่น้อย
เป็นเหตุให้นักการเมืองในแต่ละจังหวัดเปลี่ยนยุคเปลี่ยนค่ายเหลือพวกบ้านเก่าที่แข็งแกร่งไม่มากนัก
ใครคิดจะตั้งพรรคการเมืองใหม่ต้องคิดในแง่นี้ด้วย
ในส่วนของ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์นั้น แต่เดิมจะเป็นโควตาของผู้มีอิทธิพลในพรรคจากนายทุน กรรมการบริหารพรรค นักวิชาการ ผู้สนับสนุนพรรคที่ไม่ต้องลงสมัครเลือกตั้งในระบบเขต แต่อาศัยช่องทางนี้เข้ามาเป็น ส.ส.
พรรคเพื่อไทยสมัยไทยรักไทยนั้นได้มีการจัดแถวนักการเมืองในพรรคเป็น ส.ส.รัฐมนตรี และตำแหน่งทางการเมือง
ให้ความสำคัญ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อมีคนเด่นคนดังอยู่ด้วย
แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาด้วยระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ทำให้เพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แม้แต่คนเดียว
คนเด่นคนดังเลยตกเวทีไปด้วยความแค้นเคือง
ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีการปรับแต่งกติกาใหม่มีจำนวน 100 คนตายตัวจะได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงที่ได้รับแล้วแบ่งเฉลี่ยกันไปแต่ละพรรค
...
การจัดสรรคนลงเลือกตั้งแบบนี้เปลี่ยนไปตามความเป็นจริง เนื่องจากแต่ละพรรคต่างพอรู้จำนวน ส.ส.ที่จะได้ จึงรู้ว่าใครควรจะอยู่ตรงไหน
ชื่อในอันดับต้นๆจึงสำคัญเพราะมีโอกาสได้เป็น ส.ส.แน่ๆ แต่เนื่องจากมีจำนวนน้อยหลายพรรค จึงมีคนสละสิทธิ์เพื่อจะได้มีที่ว่างให้คนที่ควรจะเป็นมากขึ้น
ก็มีถามกันว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไม่ลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
คำตอบอย่างหนึ่งก็คือสละพื้นที่ให้คนอื่น เพราะที่ยังเล่นการเมืองต่อไปนั้นก็เพราะต้องการเป็นนายกฯ
ไม่ใช่ต้องการเป็น ส.ส. ซึ่งไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
ประเด็นก็คือเป็นการเตรียมเอาไว้ในกรณีที่ไม่ได้เป็นนายกฯ ก็ได้โบกลาการเมืองไปเลยไม่เป็น ส.ส.อีกแล้ว
เพราะเขาเล่นการเมืองเพื่อเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่เป็น ส.ส. เป็นนักการเมือง
อีกทั้งถ้าเป็น ส.ส.จะต้องเข้าสภาร่วมสังฆกรรมด้วย... เขาทำไม่ได้!
“สายล่อฟ้า”