เสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรู้รักสามัคคีดังขึ้นมาอีกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ 2566 ขอให้ทุกคนมีความสุข เผื่อแผ่ความสุขไปยังคนอื่นๆในประเทศกว่า 70 ล้านคน หากรักสามัคคีกันทุกอย่างจะเป็นไปได้หมด ขอให้รักกันสามัคคีกันดีที่สุด
นายกรัฐมนตรีตอกย้ำคำว่า รักสามัคคี มาตั้งแต่หลังยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อปี 2557 โดยชี้แจงเหตุผลของการรัฐประหาร เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และเพื่อขจัดความขัดแย้งและสร้างความปรองดอง แต่ผ่านไปกว่า 8 ปี นอกจาก คสช.จะล้มเหลวในการสร้างความปรองดองแล้ว ยังกลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง
รายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อสร้างความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งมี ศ.ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน ระบุว่า รัฐประหารสร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มคนที่เห็นว่า อำนาจอธิปไตย สิทธิและผลประโยชน์ของตนเองถูกคุกคามจากรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้ง
คณะรัฐประหารจึงกลายเป็นคู่ขัดแย้งไม่สามารถสร้างความปรองดอง คอป.จึงเรียกร้องให้กองทัพและผู้นำกองทัพวางตัวเป็นกลาง ไม่นำกองทัพไปยุ่งเกี่ยวการเมือง ต้องงดเว้นรัฐประหาร และการแทรกแซงการเมืองอย่างเคร่งครัด และเสนอรัฐบาลให้หลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหาร เพื่อแก้ความขัดแย้งทางการเมือง
รายงานของ คอป.เป็นผลของการศึกษาที่ใช้เวลาถึง 2 ปี ตั้งแต่ปี 2553 ถึง 2555 มีข้อเสนอแนะดีๆ เพื่อให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติเพื่อสร้างความปรองดองในชาติ แต่ผ่านมาแล้วหลายรัฐบาลยังเป็นเพียงตัวอักษรบนแผ่นกระดาษ เพียง 2 ปี หลังการเผยแพร่รายงานก็เกิดรัฐประหารอีก เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ทุกครั้งที่เกิดรัฐประหาร คณะรัฐประหารจะกลายเป็น “คู่ขัดแย้ง” เพราะกลุ่มประชาชนผู้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยถือว่า อำนาจและสิทธิเสรีภาพของตนถูกปล้น คอป.ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันที่อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองด้วย
...
รายงานของ คอป.ระบุว่า ประเทศ ไทยใช้กฎหมาย ป.อาญา มาตรา 112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งกันทางการเมือง จึงเสนอให้แก้ไขเพื่อขจัดความขัดแย้ง แต่สังคมไทยวันนี้ ใครเสนอให้แก้ไขอาจถูกตราหน้าเป็นคนชังชาติ ถูกนักการเมืองระดับผู้นำรัฐบาลไล่ตะเพิดไปอยู่ต่างแดน.