อุณหภูมิร้อนทะลักปรอท ฝุ่นควันพิษ PM2.5 ทะลุขีดอันตราย

สภาพอากาศเมืองไทยย่ำแย่สุดๆในห้วงฤดูเลือกตั้งใหญ่ จังหวะนักการเมืองอาชีพทุกป้อมค่ายเดินสายลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งกันอย่างอึกทึกครึกโครม

ป้ายหาเสียงเต็มพรึบทุกเสาไฟฟ้า จองทำเลทองทุกตรอกซอกซอย

ประชาชนทั่วไปรู้จักตัวผู้สมัคร ส.ส.เขตพื้นที่ ทราบพรรคการเมืองต้นสังกัดหมดแล้ว

แค่เว้นช่องว่างไว้รอใส่เบอร์อย่างเป็นทางการ

ตามปฏิทินที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันรับสมัคร ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งระหว่างวันที่ 3–7 เมษายนนี้ ส่วนการรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงการยื่นบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง คือวันที่ 4–7 เมษายน 2566

ต้นสัปดาห์นี้แล้วจะได้เห็นฉากสีสัน ลีลากองเชียร์ใครกองเชียร์มัน

ในส่วนของการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งนั้นๆเป็นผู้กำหนด กระจายไปแต่ละจังหวัด

ตามฟอร์มผู้สมัครแต่ละพรรคต้องไปแย่งเบอร์ต้นๆ ลุ้นเลขตัวเดียวหาเสียงง่าย

...

แต่จุดโฟกัสก็คือ การสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อรวมถึงการแจ้งบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง ที่จัดขึ้น ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง กทม.

นี่แหละจุดที่ทัพหลวงของแต่ละค่ายจะประจันหน้ากัน

โดยการนัดหมายล่วงหน้า บรรดาแกนนำพรรคจะยกคณะใหญ่ไปทำพิธีกรรมจับสลากชิงเบอร์สวยๆให้คนจำง่ายๆในการปักป้ายเป็นหมายเลขปาร์ตี้ลิสต์ ดึงดูดคะแนนรวมของพรรค

กองเชียร์ตีกลอง เชิดฉิ่งโหมโรง โชว์ความพร้อม รถแห่เริ่มสตาร์ตเครื่อง ออกวิ่งตระเวนหาเสียงกันขวักไขว่ อีกเดือนกว่าๆนับแต่นี้ไป

“ม้าติดเบอร์” เข้าโหมดชิงกันเข้าเส้นชัย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามสไตล์การเมืองแบบไทยๆกว่าที่แต่ละป้อมค่ายจะจัดทีมผู้สมัครลงตัวก็ต้องล่อกันฝุ่นตลบ เปิดศึกแย่งชิงพื้นที่กันเองภายในพรรควุ่นวาย

แบบที่เห็นแรงกระเพื่อมกระฉอกออกมาภายนอก

โดยเฉพาะในส่วนของการจัดลำดับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่แย่งกันอยู่เบอร์ต้นๆใน “เซฟโซน” เพื่อหลักประกันความปลอดภัย โอกาสได้เป็น ส.ส.ค่อนข้างแน่

ปัญหาหนักอยู่ที่ยี่ห้อรัฐบาล 3 ป. กระแสไม่เอื้อต่อการทำยอดปาร์ตี้ลิสต์

รอยร้าวชัดๆ ดราม่าเต็มๆแบบที่ “มาดามบิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ต่อมน้ำตาแตก ตั้งโต๊ะแถลงโชว์สปิริต

กัดฟันสละโควตาปาร์ตี้ลิสต์ เพราะหลุดไปอยู่ลำดับที่ 20 กว่าๆ

เรียกว่า หลุดวงโคจร ไม่ได้ลุ้นติดฝุ่นเลย

อารมณ์เดียวกันกับ “หนูตั๊น” จิตภัสร์ กฤดากร รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่โพสต์ออกอากาศ ส่งสัญญาณเป็นนัย เตรียมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลาบ้านเก่า เพราะไม่เห็นความสำคัญ

อาการฟึดฟัดจากการแย่งอันดับปาร์ตี้ลิสต์ในหมู่ “นางสิงห์” ของค่าย ปชป.

สถานการณ์ “หนูตั๊น” ส่อหลุด “เซฟโซน” เพราะต้องประชันกับเหล่าคนสวย คนดังของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เบียดกันชิงโควตาใน 10 ลำดับแรกของบัญชีรายชื่อ

“เส้นใหญ่” เจอ “เส้นหนา” บี้กันเข้าระยะปลอดภัย

“ประชาธิปัตย์” กับ “พลังประชารัฐ” ฟัดกันน้ำกระจาย สภาพหนีตายแย่งโควตาปาร์ตี้ลิสต์เพื่อโอกาสได้เป็น ส.ส.เข้าสภาผู้แทนราษฎร

ซึ่งนั่นก็สถานการณ์หักมุม ตรงกันข้ามเลยกับอาการของคนที่ชิ่งโอกาสชัวร์ๆ อารมณ์กลัวได้เป็น ส.ส.

ตามปรากฏการณ์ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่แสดงเจตจำนงชัดๆในการปัดลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับหนึ่งของค่ายรวมไทยสร้างชาติ

ขอเป็นแค่แคนดิเดตนายกฯในบัญชี รทสช.เท่านั้น

ด้วยเหตุผลสั้นๆเป็นเรื่องส่วนตัว รัฐธรรมนูญไม่ได้บังคับไว้

ปล่อยให้เป็นเครื่องหมายคำถาม วิเคราะห์กันไปต่างๆนานา แต่ส่วนใหญ่ฟันธงว่า เป็นการเปิดทางถอยล่วงหน้า เผื่อสถานการณ์พลาดหวังเก้าอี้นายกฯรอบ 3

“บิ๊กตู่” อาจมีเป้าหมายอื่นในการเปลี่ยนเส้นทางไปอยู่ในจุดเหนือกว่าการเมือง

เลยเลี่ยง “เปลืองตัว” หนีถูกลากไปรุมสกรัมจากเกมในสภา

และสถานการณ์เดียวกันเลย กับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับขั้วตรงข้ามอย่างพรรคเพื่อไทย ในอารมณ์ที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร กับ “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯในบัญชีพรรคของค่าย “นายห้างดูไบ” ต่างคนต่างชิ่ง ไม่อยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรค

กั๊กระยะไว้แค่ลุ้นเก้าอี้ผู้นำรัฐบาล

ด้วยเหตุผลหล่อๆ แค่อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยก็ถือว่ามาจากประชาชนแล้ว

แต่ถ้าฟังจากอดีตแนวร่วม “ทักษิณ” อย่าง “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง นปช.ที่อ่านไต๋ ดักคอทีมนอมินีชุดล่าสุดของ “นายใหญ่” ไม่ยอมลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หนีโอกาสได้เป็นผู้แทนฯชัวร์

เพราะกลัวติดเงี่ยง “จริยธรรมทางการเมือง”

หากเป็น ส.ส.แล้วต้องเสี่ยงแบบกรณีของ “เอ๋” น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ส.ส.ค่ายภูมิใจไทย ที่โดนคดีครอบครองที่ดินบุกรุกป่าสงวนฯ ความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รวมถึงไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆตามรัฐธรรมนูญ

ในมุมของ “ตุ๊ดตู่” มันก็เห็นเค้ามูลความเป็นไปได้สูงเหมือนกัน

นี่ยังไม่พูดถึงเหตุผลอื่นๆ ที่อาจเป็นผลพลอยได้จากการ ขอบายโควตาปาร์ตี้ลิสต์ของแคนดิเดตนายกฯค่ายรวมไทยสร้างชาติ และพรรคเพื่อไทย ที่จะทำให้พื้นที่บัญชีรายชื่อว่าง แก้ปัญหาการเบียดแย่งกัน และยังหมายรวมไปถึงปมการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน

สรุปทั้ง “บิ๊กตู่” รวมถึง “อุ๊งอิ๊ง–เศรษฐา” มีเหตุให้ต้องพากันชิ่งหนีเก้าอี้ ส.ส.แบบไม่ไยดี

แต่เรื่องของเรื่องมันก็อย่างที่จอมเก๋าเจ้าหลักการอย่างปรมาจารย์ “ชวน หลีกภัย” ผู้คุมกฎค่ายประชาธิปัตย์ สอนเชิงแกมเบิ้ลบลัฟกันเป็นนัย เห็นใจ

ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่ไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่แรกในการมาทำงานการเมือง

เข้าเหลี่ยม คู่ต่อสู้ เกทับทันทีทันควัน

มันเป็นอะไรที่เข้าใจได้ เปรียบเหมือนสนามรบเทียบกับการชิงชัยในสนามเลือกตั้งแบบไทยๆ การที่ “แคนดิเดตนายกฯ” ชิ่ง ไม่ยอมลงปักหมุดใน ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ก็เหมือนแม่ทัพ “ลอยตัว” บัญชาการรบอยู่บนหอคอย

ไม่ยอมลงลุยคมหอกคมดาบ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในสนามกับไพร่พล ลูกทัพก็ใจแป้วเป็นธรรมดา

ในเกมการเลือกตั้ง เมื่อ “ตัวเรียกแขก” ไม่ได้อยู่ในโพยปาร์ตี้ลิสต์ แสดงท่าทีชัดๆในการสละสิทธิ์ ชิ่งหนีการเป็นตัวแทนของประชาชน

มันลำบากแน่ ในการหาเหตุผลอธิบายกับกองหนุน

โดยเฉพาะเมื่อมันมีภาพของการเปรียบเทียบกับป้อมค่ายที่แม่ทัพใหญ่ แคนดิเดตนายกฯพรรคปักหลักเป็นเบอร์หนึ่งในโผผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ถือหอก รำทวน นำขุนศึกลุยรบในสนามด้วยตัวเอง

ไม่ต้องอื่นไกล “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ที่ได้ใจบันดาลแรง กลับมาขาแข็ง “ทหารเฒ่า” นำทัพลุยประจัญบาน

สานฝันนายกฯข้ามความขัดแย้ง อาการกระย่องกระแย่งไม่ได้เป็นอุปสรรค

มีแต่ความคึกคัก ขึ้นเวทีประกาศโชว์ 492 ขุนศึก พปชร. ทั้งปาร์ตี้ลิสต์และเขตเลือกตั้ง

ชูธงคาดหวังเต็มอัตราศึก จับทาง “บิ๊กป้อม” ไม่สน คนจ๊ะจ๋าใกล้ตัว เด็ดขาดตัดเรื่องส่วนตัวออกจากศึกใหญ่ จัดทัพแบบมียุทธศาสตร์เพื่อชัยชนะ

โดยเฉพาะการภูมิใจนำเสนอ “จุดขาย” เน้นโชว์ทีมมือบริหารเศรษฐกิจที่อัดแน่น ทั้งนายอุตตม สาวนายน อดีตขุนคลัง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน ฯลฯ แย่งส่วนแบ่งตลาดกับยี่ห้ออื่นได้สบายๆ

เอาเข้าจริงๆค่าย “บิ๊กบราเธอร์” จัดทัพสู้ศึกได้เป็นแบบแผนกว่าใคร

ขณะที่ค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรค ก็ปักหลักทั้งแคนดิเดตนายกฯและเบอร์หนึ่งบัญชีรายชื่อ เช่นเดียวกับ พรรคก้าวไกล ที่ขาย “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นตัวเรียกแต้มในปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่ง พ่วงแคนดิเดตนายกฯพรรค

แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ในห้วงมรสุมหนัก พรรคแตก แถมกระแสขาลง แต่ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค ก็ยังกล้าชูธง ปักหมุดใน ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับหนึ่งพ่วงแคนดิเดตนายกฯในบัญชีพรรค เช่นเดียวกับ “เสี่ยท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรฯ ก็ถือธงนำในบัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา พ่วงสถานะแคนดิเดตนายกฯในบัญชีพรรค ปักหลักยึดชัยภูมิที่มั่น

ไม่หวั่นไหวโพล ไม่สนกระแส แม้ไร้หลักประกัน “เซฟโซน” ระยะปลอดภัย

สู้แบบไม่กั๊ก ไม่ต้องยึกยักเผื่อทางถอย.

“ทีมการเมือง”