สวมหมวกนักเลือกตั้งอาชีพเต็มใบ วันเด็กปีนี้ “ลุงตู่” เลยดูใจดีกับน้องๆหนูๆเป็นพิเศษ นอกจากเนรมิตทำเนียบรัฐบาลเป็นสวนสนุก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ยังนำทีมหางเครื่องอย่าง “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ ในฐานะหัวหน้าค่ายรวมไทยสร้างชาติ มาคอยต้อนรับผู้ปกครองและบุตรหลานกันคึกคัก

ไฮไลต์อยู่ที่ทั่นผู้นำบริการน้องๆหนูๆนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง
ถ่ายรูป เซลฟี่ กันตามสบาย แถมมอบของขวัญติดไม้ติดมือกลับบ้าน
สำหรับเด็กๆ “ลุงตู่” ใจดี เปิดให้ลูกหลานได้ลองสัมผัสเก้าอี้เบอร์หนึ่งทำเนียบรัฐบาลกันได้เต็มที่
แต่กับผู้ใหญ่ ยังอยู่ในโหมด “เก้าอี้ข้าใครห้ามแตะ”
แม้แต่กับพี่ๆน้องๆคนกันเองอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ก็ถูกจัดเป็นศัตรูคู่แข่งแย่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกันไปแล้ว
แนวโน้มสายสัมพันธ์ถูกสะบั้นลงเรื่อยๆตามธรรมชาติของการห้ำหั่นทางการเมือง
...
เรื่องของผลประโยชน์ในเกมอำนาจแบบไทยๆ ไม่มีพี่มีน้อง โดยเฉพาะไม่ได้สายเลือดเดียวกัน “น้องนอกไส้” หรือจะสำคัญไปกว่า “น้องในไส้”
จับอารมณ์จากจดหมายเปิดผนึกของ “บิ๊กบราเธอร์” ที่เปิดหมดใจ

แฉเบื้องหน้าเบื้องหลัง จากวันที่อุ้ม “บิ๊กตู่” ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี จนถึงวันที่โดน “น้องเล็ก” ชิ่งไปตั้งป้อมค่ายใหม่ ตัดพ้อกันในที หักมุมกับ “ทหารอาชีพ” ที่จะไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน แต่นี่ “พี่ใหญ่” จัดเต็ม “น้องเล็ก” แบบไม่ติดเบรก ก็แสดงว่าเข้าเหลี่ยมนักเลือกตั้งอาชีพเต็มตัวเหมือนกัน
เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ไม่ใช่เรื่องผิดกติกาแต่อย่างใด
นั่นก็อ่านทางได้ มันเป็นไฟต์บังคับทางการเมืองที่ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” จำเป็นต้องเล่นบทเฮี้ยว เพื่อชิงกระแสทางการเมือง เปิดพื้นที่ข่าวของทีม “บิ๊กบราเธอร์” ให้อยู่ในสายตาคนดู
ไม่ให้โดนทีมหามแห่ “บิ๊กตู่” แยกซีนไปหมด
ขืน “บิ๊กป้อม” ทำตัวเงียบๆเล่นบท “พี่ใหญ่” ใจดี ไม่มีหือมีอือ มีหวังถูกกระแสกลืนหายไป และสุดท้ายกลุ่ม ก๊วน แก๊ง ในค่ายพลังประชารัฐก็จะโดนดูดชิ่งหนีหาย
จดหมายเปิดใจของ “บิ๊กบราเธอร์” มันเลยต้องเปิดมาแบบงงๆ แม้แต่ขุนทหาร เหล่าเสธ.ฯข้างตัว พล.อ.ประวิตรยังไม่เชื่อสายตา คิดว่าเป็นของปลอม
ระดับ “บิ๊กป้อม” หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐยังต้องดิ้น เพื่อไม่ให้หลุดกระแส
มันสะท้อนถึงความท้าทายในเกมการเลือกตั้งใหญ่รอบต่อไป ในสถานการณ์ที่ด้านหนึ่งก็เป็นยุทธการโหม “แลนด์สไลด์” ของโคตรเซียนการตลาดอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ด้านหนึ่งก็เป็นอารมณ์ของทีมก้าวไกลที่ลุยกวาด “นิวโหวตเตอร์” คนรุ่นใหม่ ด้านหนึ่งก็เป็นค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทยที่ได้มนตร์สะกด “ผีโม่แป้ง” ปูพรมล็อก ส.ส.เขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะต่างจังหวัดไกลปืนเที่ยง ส่วนอีกด้าน 2 ป. แตกกัน “บิ๊กตู่” ลุยบู๊เดี่ยว

เกมการต่อสู้ ถูกโฟกัสอยู่ไม่กี่ป้อมค่ายที่ได้เปรียบอำนาจรัฐ กระสุน กระแส
แต่ที่ต้องออกแรงถีบจักรกันอย่างหนัก สถานการณ์ที่แว่วๆว่า โดน “ดูไบโพล” ปรามาสว่าเป็นพรรค “ต่ำ 5” ก็คือบรรดาป้อมค่ายใหม่ป้ายแดง
สร้างอนาคตไทย ไทยสร้างไทย ชาติพัฒนากล้า
เป็นรองทั้งอำนาจรัฐ กล้วย กระสุน ลุ้นได้แค่การปั่นกระแสสู้ขาใหญ่ ในสถานการณ์ที่กติกาเลือกตั้งก็ไม่เอื้อให้ ตามสูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 ต้องโหมกันสุดกำลัง
อย่างไรก็ตาม โดยความหวังที่จะเป็นทางเลือกของคนที่ต้องการหนีขั้วขัดแย้งเดิมๆ มันก็ยังพอมีเวลาในการปรับยุทธศาสตร์ เปลี่ยนเกมชิงกระแส
ไม่ยากสำหรับ “โคตรเซียน” นักเลือกตั้งอาชีพเบอร์ใหญ่
ล่าสุดตามผลสำรวจของโพลสำนักมาตรฐานอย่าง “นิด้าโพล” เกี่ยวกับการควบรวมพรรคการเมืองขนาดเล็ก ภายใต้กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ปาร์ตี้ลิสต์สูตรหาร 100
ปรากฏว่า คนเห็นด้วยอย่างมากกับการรวมค่าย “ชาติพัฒนากล้า” ภายใต้การนำของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับนายกรณ์ จาติกวณิช ถึงร้อยละ 46.87

แต่ที่มากกว่ากลุ่มตัวอย่างถึง 50.15 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าเป็นการควบรวมที่เหมาะสมมากระหว่างพรรคสร้างอนาคตไทย ภายใต้การนำของนายอุตตม สาวนายน กับพรรคไทยสร้างไทย ของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแกนกลางในการเชื่อมประสาน
ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าการควบรวมพรรคจะทำให้ได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น
ขนาดคนทั่วไปยังมองออก มีหรือที่มวยใหญ่ระดับ “สมคิด-สุดารัตน์-อุตตม” จะมองไม่ขาด เทียบกันได้เปรียบเสียเปรียบกันบ้าง แต่เป้าหมายปลายทางคือการแบ่ง ส.ส.ให้ได้เกิน 25 ที่นั่ง มีลุ้นชงแคนดิเดตนายกฯในบัญชีพรรค เป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์การเมืองเช่นนี้
“สมคิด-สุดารัตน์” ได้จังหวะอิงโพล “นิด้า” หัก “ดูไบโพล”.
ทีมข่าวการเมือง