การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะลงสนามการเมืองเต็มตัว หรือเกือบจะเต็มตัว ยอมแยกทางกับ สาม ป. ที่เคยประกาศว่าจะไม่ทิ้งใครเอาไว้ข้างหลัง ทำให้ทิศทางการเมืองมีความชัดเจนขึ้น ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค คนใกล้ตัวนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนในอดีตที่มีตัวช่วย มีต้นทุน เต็มคาราเบล

การที่รวมไทยสร้างชาติ ไม่สามารถลบภาพของ กปปส. ได้ โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมายในภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นชุมพร หรือสุราษฎร์ธานี อย่างไรเสียก็หนีร่มเงาของ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ไม่พ้น

ดังนั้น ระหว่าง รวมไทยสร้างชาติ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่ต่างจาก ก้าวไกล ที่นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ การดำเนินการทางการเมืองจะถูกจำกัดด้วยกรอบของวัฒนธรรมการเมือง ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองของพรรคไปเรียบร้อย

ยกตัวอย่าง ถ้าจะให้ รวมไทยสร้างชาติ ไปจับมือกับเพื่อไทย ตั้งรัฐบาล แฟนคลับคงรับไม่ได้แน่นอน เสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง กลับกัน ในกรณีนี้สมมติถ้า พลังประชารัฐ ที่นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปจับมือกับ เพื่อไทย ตั้งรัฐบาล ก็จะคุยกันง่ายกว่า

พรรคก้าวไกล ถ้าจะต้องไปจับมือกับรวมไทยสร้างชาติ หรือ พลังประชารัฐ ตั้งรัฐบาลอย่างไม่มีทางเลือก เดาใจว่าก้าวไกลก็คง เลือกพลังประชารัฐ นี่ยังไม่นับเรื่องใครจะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคไหนด้วยซ้ำ

ถ้าจะคิดจากสมการทางการเมือง รวมไทยสร้างชาติ ก็มีปัญหา ก้าวไกล ก็มีปัญหา พรรคการเมืองที่เหลือ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ เพื่อไทย พอจะจับมือกันได้ ยอมเป็นปลาน้ำเดียวกัน

ก็จะเห็นภาพ รัฐบาลในอนาคต ง่ายขึ้น แต่ถ้าจะยกเอา ส.ว. 250 เสียงในสภาเป็นตัวตั้ง ก็มีผู้รู้ อาทิ ไพศาล พืชมงคล เฉลยแล้วว่า ส.ว.ในสภาแบ่งเป็น 2 ซีก คือซีกของ พล.อ.ประยุทธ์ กับซีกของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งมีจำนวนพอๆกัน ดังนั้น นาทีนี้ พลังประชารัฐ จึงมีภาษีดีกว่า ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับจำนวนของ ส.ส.ว่ารวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐ ใครจะได้มามากมาน้อยกว่ากัน

...

จำนวน ส.ส.ที่ย้ายออกจากพลังประชารัฐเพื่อไปเข้ารวมไทยสร้างชาติ จึงมีความสำคัญกว่าการเปิดตัวและแสดงวิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ สมมติมี ส.ส.ย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ไปถึง 30 คนจริง บวกกับมาจากพรรคอื่นอีกกว่า 10 คน ก็ต้องเอาหลักตรรกะที่ว่า ส.ส.ปัจจุบันจะหายไปในการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่น้อยกว่า 50% จึงต้องเอา 2 มาหารจากจำนวน ส.ส.ที่ย้ายเข้าพรรค เท่าที่เห็นก็มีกลุ่ม ส.ส.ใต้บางส่วน กทม.บางส่วน ตะวันออกและกลางบางส่วน

ทั้งหลายทั้งปวงทั้ง รวมไทยสร้างชาติ และ พลังประชารัฐ ถ้าได้ ส.ส.มาไม่ถึง 25 คนก็ต้องปิดจ๊อบไปโดยปริยาย เพราะฉะนั้น ที่ไปมองกันว่าเป็นแผนแยกกันเดินร่วมกันตี จึงเป็นไปไม่ได้

ที่แน่ๆต้องเดิมพันทั้งชีวิต แบกรับภาระพรรคใหม่เต็มอัตราศึก.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th