10 ธันวาฯ วันรำลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ไว้เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475

ผ่านมาแล้ว 90 ปี ที่เรามีรัฐธรรมนูญ (Constitution) ฉบับลายลักษณ์อักษร เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ

ตลอดระยะเวลา 90 ปีมานี้ ประเทศไทยผ่านยุคสมัย ผ่านเหตุการณ์มาหลากหลาย

ทั้งยุคสมัยที่อยู่ภายใต้เผด็จการเต็มตัว ยุคสมัยประชาธิปไตยเสี้ยวใบ-ครึ่งใบ หรือที่เราเกือบๆจะใกล้เคียงกับประชาธิปไตยเต็มใบ จากรัฐธรรมนูญปี 40

ถ้านับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับแรก มาจนถึงฉบับปัจจุบัน เราผ่านการปฏิวัติ และรัฐประหาร

ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วก็ร่างขึ้นมาใหม่ ฉีกแล้วร่างใหม่ มาแล้วถึง 20 ครั้ง (มากที่สุดในโลก)

การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย ถึงได้ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด

และรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 คือฉบับที่ 20 ที่มีผู้สมอ้างว่า “ร่างมาเพื่อพวกเรา”

ออกฤทธิ์ออกเดชมา 5 ปี เพื่อสานต่ออำนาจของ คสช. ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเครือข่ายอำนาจ 3 ป.

จนถูกตีตราว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ด้อยค่าประชาชนชาวไทยที่สุดฉบับหนึ่ง

เพราะ 3 เสาหลัก คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ที่จะต้องคอยถ่วงดุลกัน

จากสภาพในปัจจุบัน ไม่เหลือสภาพของการถ่วงดุลแล้ว

กลายเป็นฝ่ายบริหาร กับฝ่ายตุลาการ ที่มีอำนาจแข็งแกร่ง

ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติที่น่าจะเชื่อมโยงกับอำนาจประชาชนมากที่สุด

วันนี้ไม่ต่างอะไรกับเป็ดง่อยที่ทำอะไรไม่ได้ เป็นเพียงตรายางให้กับฝ่ายบริหาร ที่กระทำทุกวิถีทางเพื่อบอนไซความชอบธรรมของฝ่ายนิติบัญญัติ

บทสะท้อนชัดเจนที่สุดก็คือฉายาสภาปี 2564 ที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งให้

...

“สภาอับปาง” คือฉายาสภาผู้แทนราษฎร และ “ผู้เฒ่าเฝ้ามรดก (คสช.)” ของวุฒิสภา

คือภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่า รัฐบาลซึ่งก็คือฝ่ายบริหาร ยึดฝ่ายนิติบัญญัติได้เบ็ดเสร็จ

เรื่องไหนถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่แตกคอกันเอง สำเร็จเสร็จสมอารมณ์หมายทุกประการ

แต่ถ้าเรื่องไหนมีเกมงัดข้อ ชิงดีชิงเด่นกัน อาจมีสะดุดบ้าง

และกับฉายา สภาอับปาง ที่สื่อฯ สภาตั้งให้ ถึงวันนี้สถานการณ์ยิ่งหนักข้อ

องค์ประชุมล่มมันทุกสัปดาห์ แต่รัฐบาล โดยเฉพาะพรรคแกนนำอย่างพลังประชารัฐ ไม่คิดที่จะทำอะไร

โดยเฉพาะตัว ประธานวิปรัฐบาล ที่มีหน้าที่ประสานงานเพื่อให้งานในสภาราบรื่น แทนที่จะทำตัวเป็นมือประสาน แต่ดันทำตัวประสานงา

ทุกครั้งที่สภาล่ม เอาแต่โทษฝ่ายค้าน ไม่ยอมโทษตัวเองว่าทำหน้าที่ไม่ดีพอ

เสียแรงที่เป็น ส.ส.มาหลายสมัย แต่ดันบารมีไม่ถึง

ก็อย่างที่ “วีระกร คำประกอบ” ส.ส.พลังประชารัฐ คนพรรคเดียวกันว่า ตั้งคนไม่ดูความเหมาะสม เพราะนายกฯเอาแต่ฟังคำสอพลอคนใกล้ชิด

เป็นอีกบทพิสูจน์ว่า ผู้มีอำนาจชุดนี้ มองไม่เห็นหัวฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ให้ค่ากับงานในสภา

เพราะมัวแต่เอาเวลาไปบริหารอำนาจเพื่อตัวเอง.

เพลิงสุริยะ