ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรอดหรือไม่รอดจากการถูกร้องว่าอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกิน 8 ปีหรือไม่ก็ตาม แต่พรรคการเมืองต่างๆ กำลังเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก เสมือนหนึ่งว่าฤดูการหาเสียงมาถึงแล้ว ทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ หรือพรรคเหล้าเก่าในขวดใหม่ ต่างแข่งกันเปิดตัวว่าที่นายกรัฐมนตรี
ทำให้การแข่งขันมีชีวิตชีวา น่าตื่นเต้นเร้าใจ พรรคสร้างอนาคตไทยเปิดตัว ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นผู้ท้าชิงนายกฯ พรรคไทยสร้างไทยเปิดตัวคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นนายก รัฐมนตรีหญิง ในจังหวะที่อีสานโพลพบว่า คุณหญิงสุดารัตน์ คะแนนนำโด่งในภาคอีสาน ส่วนพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการ
แต่คอการเมืองส่วนใหญ่คาดว่า น่าจะได้แก่ น.ส.แพทองธาร “อุ๊งอิ๊ง” ชินวัตร ทำให้ประเทศไทยมีผู้ท้าชิงนายกฯหญิงถึง 2 คน ไม่แพ้อังกฤษ ซึ่งเป็นต้นตำรับระบบรัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย วิงวอนประชาชนให้เลือกพรรคแบบแลนด์สไลด์ เพื่อรัฐธรรมนูญใหม่และทวงคืนประชาธิปไตยที่รักที่สุด
ต้องติดตามกันต่อไป ถ้าพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ได้ ส.ส. 250 คนขึ้นไป จะเอาชนะ 250 ส.ว. ในการชิงนายกฯได้หรือไม่ ส.ว.เป็นพรรคใหญ่ที่สุดในสภา ยังมีสิทธิเลือกนายกฯ หลังการเลือกตั้ง 2566 แม้แต่ในปี 2567 ก็ยังมีสิทธิ ถ้า 250 ส.ส.ที่ประชาชนทั้งประเทศเลือกตั้ง แก้ ส.ว.ที่คณะรัฐประหารแต่งตั้ง
จะเป็นการตอกย้ำความพิกลพิการของประชาธิปไตยไทย ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับพิสดาร ส.ว.บางคนอ้างว่าตนก็มีที่มาเดียวกับ ส.ส. คือมาจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นการลงมติที่พิสดาร ห้ามผู้เห็นต่างรณรงค์คัดค้าน แต่ส่งเจ้าหน้าที่รัฐลงพื้นที่ เพื่อโฆษณาสรรพคุณ รธน. ผู้คัดค้านถูกจับกุมอย่างน้อย 212 คน
...
พฤติการณ์ดังกล่าว ทำให้บรรดานักวิชาการและประชาชนบางส่วน เชื่อว่ารัฐประหาร คสช.2557 มุ่งสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้ระบอบอำนาจนิยม ที่มีกองทัพเป็นผู้นำ ขณะเดียวกันก็มุ่งทำลายความเข้มแข็งระบอบประชาธิปไตย ทำให้ระบบพรรคอ่อนแอ การเลือกตั้งมีกว่า 70 พรรคลงแข่ง ได้พรรคเข้าสภา 26 พรรค
มีถึง 2 พรรค ที่ได้ ส.ส.แค่คนเดียว ผู้แทนกลายเป็นเบี้ยหัวแตก ต้องแข่งกับ 250 ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค กลายเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอ ขณะเดียวกัน คสช.ยังมุ่งสืบทอดอำนาจตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นนายกฯมาแล้ว 8 ปี ยังอยากต่อ ทั้งที่รัฐธรรมนูญบอกพอ.