เอกสารหลุด ข่าวหลุดกันถี่ยิบเลยช่วงนี้ ซ้ายที ขวาที ไม่รู้จากคนละฝั่ง หรือฝ่ายเดียวชงเอง ตบเอง

ปมร้อนวาระนายกฯ 8 ปี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ยังลุ้นหนักจนออกอาการเครียด ไม่ต่างจากคนทั้งประเทศที่จดจ่อรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ถือเป็นทางสามแพร่ง จุดพลิกผันอย่างแท้จริง นายกฯอยู่หรือไป มีผลต่อทิศทางประเทศแน่

ตอนนี้แค่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ทำหน้าที่ รักษาราชการแทน ก็พอมองเห็นเค้าลางบางๆบ้างแล้ว

ในเชิงการเมืองยิ่งมีผลหนักหน่วงรุนแรง บรรดาพรรคการเมืองต้องออกแบบไว้ทั้งแผนหลัก แผนรอง แผนสำรอง ล้อไปตามสถานการณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

เดิมพันคดีนี้จึงสูงสุดยอด ถ้ามีช่องสู้ ช่องเสียบ ย่อมไม่ปล่อยผ่าน

จู่ๆเอกสารคำชี้แจงของมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เกี่ยวกับมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญ ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องปมนายกฯ 8 ปี หลุดปลิวว่อนเหมือนเอามาแจก

...

และไม่ทันข้ามวันก็มีหลุดอีกชุด เป็นเอกสารบันทึกการประชุมของ กรธ. พุ่งเป้าตอบโต้คำชี้แจงของนายมีชัย เพื่อดิสเครดิต ลดทอนน้ำหนัก หักล้างกันตามเชิงของ “โจทก์-จำเลย”

ยังไม่มีใครยืนยันเอกสารจริงหรือปลอม แต่แก่นของเรื่อง เนื้อหาคำชี้แจงของนายมีชัยคือ “บิ๊กตู่” ได้ไปต่อ นับอายุนายกฯ ตั้งแต่ 6 เม.ย.2560 ที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้บังคับใช้

ออกชอยส์กลาง เหมือนโยนหินถามทางสังคม

แต่กระนั้นฝ่ายขับไล่ไม่เอาบิ๊กตู่ ยังไงก็ต้องค้ำยันหลักการนายกฯต้องหมดอายุไปแล้วไว้ก่อน

แม้บางส่วนจะพอรับได้กับแนวทางได้ไปต่ออีก 2 ปี จนถึงปี 2568 ก็ตาม โดยเฉพาะบรรดานักเลือกตั้ง จอมแท็กติก กุนซือการเมือง มองว่าถ้าออกหน้านี้ “บิ๊กตู่” อยู่ได้ไม่นาน ไปได้ไม่ไกล

เพราะอยู่ได้อีก 2 ปี จะชูเป็นแคนดิเดตนายกฯลงสนามเลือกตั้งก็อิหลักอิเหลื่อ ถ้าเผื่อได้เป็นนายกฯไปจนสุดทางก็ต้องเปลี่ยนตัวกลางเทอม เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุพลิกผัน เพราะตอนนั้น 250 ส.ว.จะหมดอำนาจโหวตเลือกนายกฯ แล้ว

แนวโน้มชุลมุน โอกาสยุบสภา หรือการเมืองพลิกขั้ว มีสูง

ล่าสุดเอกสารหลุดอีก 23 หน้า เป็นคำชี้แจงข้อกล่าวหาของ “บิ๊กตู่” ตอบโต้และยืนยันการนับเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯ จะไม่นับรวมจากปี 2557 ถึง 2560 ที่รัฐธรรมนูญนี้บังคับใช้ เพราะถือว่า “ขาดตอน” ไปแล้ว

การเป็นนายกฯหลังจากนั้น หรือตั้งแต่ 6 เม.ย.2560 เป็นการดำรงตำแหน่งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ หลังการเลือกตั้งในปี 2562

อ่านไปอ่านมาก็ออกชอยส์สุดซอย ขอไปต่อยาวๆถึงปี 2570

แต่สุดท้ายปลายทางทุกอย่างต้องจบลงที่คำวินิจฉัย ไม่ว่าจะมองลอดช่องกฎหมาย เจตนา หรือสำนึกใดๆ

ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ชี้ขาดเท่านั้น เสียงวิจารณ์ปนอารมณ์ของกองแช่งทั้งหลายแหล่เลยไปตกใส่ 2 ซือแป๋กฎหมายประเทศไทย นายมีชัย และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ

รุมถอนหงอก ขว้างตำรากฎหมายระบายแค้น มองว่าพลิกพลิ้วลื่นไหลเพื่อช่วยเหลือผู้นำ ครูอาจารย์หลายสถาบันรวมตัวออกมาวีโต้ แลกหมัดกันในเชิงกฎหมายหลักการบ้านเมือง จนกลายเป็น “นิติสงคราม”

ถึงวันนี้สับสนหมดแล้วหลักกฎหมายจะฟังใคร อ้างอิงจากไหน ต้องมาชำระประวัติศาสตร์กันแล้ว

“บิ๊กตู่” จะรอดหรือไม่รอด จึงเป็นเดิมพันใหญ่เกี่ยวพันไปหลายองค์กร ละสายตาไม่ได้

พอจะมองไปไกลๆ หนข้างหน้าก็ยังว้าเหว่มืดมน เต็มไปด้วยดงระเบิด

เดิมพันที่ใหญ่ไม่แพ้กัน คือจะมีเลือกตั้งตามวาระมั้ย

มีหลายสมมติฐานชวนให้คิดต่อเนื่องหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ล้วนแล้วแต่ออกไปในทางร้ายทั้งนั้น

ไม่มีเลือกตั้ง เลือกช้ากว่าเดิม เกิดสุญญากาศ ลากอำนาจ เรื่อยไปจนกระทั่งรัฐประหาร

ไม่มีใครกล้ารับประกันเลยว่าจะมีเลือกตั้ง อย่างน้อยก็กลางปีหน้าตามวาระอายุรัฐบาล

ผู้มีอำนาจ คนในรัฐบาลเองก็ไม่กล้ารับประกัน อนาคตตัวเองก็ยังไม่แน่นอนเลย

นับประสาอะไรกับประชาชน ต้องรอความหวังต่อไป.

ทีมข่าวการเมือง