ผมเลือกเรื่อง “นักเลงมีด” คำบอกเล่า ของอาจารย์ทองใบ แท่นมณี “ทวิปราชญ์” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรียกย่อง (อีกหนึ่ง ศาสตราภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว) เอามาเขียนในคอลัมน์ จงใจสอนผู้มีอำนาจ แต่ก็ห่วงบางคนอาจคิด วิทยายุทธ์ระดับเพชร ...ของคนเมืองเพชรท่านนี้มีแค่นี้หรือ?

ตั้งใจอ่านคำสัมภาษณ์ ของคุณจรูญโรจน์ กล่ำกล่อมจิตต์ ต่อไป ก็เจอเรื่อง กว่าแปดปีที่อาจารย์ทองใบ เป็นศึกษานิเทศก์ สอนนักเรียนชาวเขาเผ่าต่างๆ ตอนอยู่กาญจนบุรี

อาจารย์ทองใบสอนเด็กๆไปด้วย ค้นคว้าเรื่องชนกลุ่มน้อย ซึ่งมีอยู่ 9 เผ่า กะเหรี่ยง กะหร่าง มอญ พม่า ว้า ละว้า ขมุ ชอง และเผ่าฤาษี ไปด้วย

เผ่าฤาษี เกล้าผมคล้ายชฎา กินสัตว์ป่าไม่กินสัตว์บ้าน ราวๆปี 2535-2536 มีข่าวตัดหัวพนักงานป่าไม้

งานที่ถูกเรียกว่าระดับค้นคว้าสำคัญ...อาจารย์ทองใบ พบว่ามี “ชาวชอง” อยู่ในอำเภอศรีสวัสดิ์ แต่คนกาญจน์เรียกว่า “พวกอูด” เล่ากันว่า “อูด” เป็นเขมรป่าดงที่ไทยไปกวาดต้อนเอามาจากเขมร

อาจารย์ทองใบ ตั้งสมมติฐาน “อูด” ไม่มีสารบบชนเผ่า

เวลามีใครถามคนชอง “ไปไหน” เขาก็มักตอบจนจำกันได้ว่า “เอ็น เจว วัด อูด” ซึ่งแปลว่า “ฉันไปหาฟืน หาไม้” อูดภาษาชอง คือ ฟืนหรือไม้ คนเมืองกาญจน์ก็เรียกชื่อคนพวกนี้ว่า พวกอูด

ชื่อเรียกนี้ยิ่งแพร่หลาย เมื่อ นพ.บุญส่ง เลขะกุล เอาไปเขียนสารคดี น้อย อินทนนท์ เอาไปเขียนนิยาย

อาจารย์ทองใบลงทุนไปกินนอนกับพวกชองมา แล้ว ยืนยันมั่นคงว่า เผ่าอูด ไม่มี

ที่จริงก็คือ เผ่าชอง คนพวกนี้เรียกตัวเอง สำเร หรือตำเหรด เป็นคนป่าของเขมร เขมรเรียก “ปอร์”

...

คนเผ่าชอง มีมากทางจันทบุรี และระยอง เมื่อคราวที่สุนทรภู่ไปเมืองแกลง เขียนถึงญาติพี่น้องไว้ในนิราศเมืองแกลงว่า “ล้วนวงศ์วานว่านเครือเป็นเชื้อชอง” ทำเป็นเล่นไป คนชอง มีเชื้อสายส่งมาถึงอภิมหากวีสุนทรภู่เลยทีเดียว

อาจารย์ทองใบ มีปัญหาเรื่องการสอนเด็ก ต้องไปเรียนรู้เรื่องชนเผ่า รู้มากถึงขั้นทำคู่มือการสอน ฟังพูดสำหรับเด็ก ป.1 ชนกลุ่มน้อยใน จ.กาญจนบุรีไว้เล่มหนึ่ง

คนกะเหรี่ยงพูดไม่มีตัวสะกด เช่น เจ็ดตัว เจ็บตัว ก็พูดว่า เจะตัว สมน้ำหน้า ก็พูดว่า โสน้าน่า อาจารย์ทองใบ บอกว่า ข้อนี้แก้ได้ ถ้าครูใส่ใจเด็ก เด็กก็พูดได้ชัด

แต่ที่แก้ได้ยาก ก็คือ สระเอือ มีตัว ย สะกด กะเหรี่ยง กะหร่าง พูดไม่ได้ เมื่อย ก็จะพูด เป็นเม่ย หรือ โม่ย

วิธีแก้ของอาจารย์ทองใบ แยกสระประสม เป็นมือ-อ้าย เฉื่อย เป็น ฉือ-อ่าย ฝึกให้พูดเร็ว ก็พูด เป็นเมื่อย เป็นเฉื่อยได้

ความเป็นครูทำให้ต้องใฝ่เรียนใฝ่รู้จนลุ่มลึกแตกฉาน จึงมีกิจกรรมเสนอแนะให้ราชบัณฑิตยสถาน แก้ไขศัพท์ในพจนานุกรมฯ มากมาย จนเป็นที่ครั่นคร้ามในแวดวงภาษา

แต่ก็ทำให้ กอ.รมน.ครั่นคร้ามและสงสัย ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ถึงสองปี

“เมืองไทยนี่ก็แปลก” อาจารย์ทองใบ รำพึง “คนเอียงซ้ายก็เป็นคอมมิวนิสต์ คนรณรงค์ประชาธิปไตยก็เป็นคอมมิวนิสต์ คนที่พูดอะไรๆที่เขาไม่ค่อยพูดกันก็อาจเป็นคอมมิวนิสต์”

เรื่องความเป็นปราชญ์ระดับเพชร ของอาจารย์ทองใบ จบแค่นี้

เรื่องต่อไปที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ในทีวี ปัญหาความมั่นคง ในสามจังหวัดใต้ คงระดับเดียวกับปัญหาคอมมิวนิสต์ในสมัยก่อน...ก็ยังรุนแรงลุกลาม ถึงขนาดทางการต้องส่ง “กิ๊ก” สาวของนายพลที่เป็นส.ว.ลงพื้นที่ไปช่วย

ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน เวลายาวนานเท่าไร สินค้าคอมมิวนิสต์ ยังขายได้ และขายดี.

กิเลน ประลองเชิง