“สัญญา” ว่าจะให้เก้าอี้รัฐมนตรี...การชิงพื้นที่ ส.ส.ระหว่างพรรคการเมืองต่างๆเริ่มเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะพรรคที่มีความพร้อมทั้งเรื่องยุทธศาสตร์และตัวบุคคล

“เพื่อไทย” นั้นเดินไปข้างหน้าเพื่อช่วงชิงพื้นที่หวังได้ ส.ส.แบบแลนด์สไลด์อย่างต่ำ 250 คนขึ้นไป มุ่งเน้นไปที่ภาคอีสานและเหนือ

ที่ไล่หลังมาติดๆ คือภูมิใจไทยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้เปิดตัวอย่างใหญ่ไปแล้ว 2 จังหวัด คือศรีสะเกษและพิจิตร

ล่าสุดที่พิจิตรด้วยการจับมือกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ นักการเมืองรุ่นใหญ่ส่งผู้สมัครครบ 3 คน 3 เขต

ที่ล่อใจไม่ต่างกันของ 2 จังหวัดคือ หากสามารถได้ ส.ส.ครบทุกเขตจะมีตำแหน่ง “รัฐมนตรี” ให้ 1 เก้าอี้

แน่นอนว่าผู้สมัครทั้ง 2 จังหวัดนี้ย่อมมีแรงฮึดที่จะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้ เพราะมีรางวัลล่อใจที่สำคัญคือ สำเร็จจะได้ 2 เด้ง

คือเป็น ส.ส.และมีตำแหน่งรัฐมนตรีใครจะได้ก็ต้องไปลุ้นเอา

นอกจากนั้น ในส่วนของประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งก็ได้อีกหลายอย่างต่อเนื่อง จากได้ ส.ส.ที่ต้องการแล้วยังได้รัฐมนตรีของจังหวัดอีกด้วย

ตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของนักการเมืองอันแสดงถึงความก้าวหน้าในอาชีพ

ถือเป็นรางวัลสูงสุดของชีวิต

ปกติการได้เป็นรัฐมนตรีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แม้จะได้ ส.ส.หลายสมัย หากไม่มี “ดวง” ไม่มี “จังหวะ” ก็เป็นเรื่องยาก

นี่ไม่ต้องไปลุ้นอยู่ที่ว่าจะทำได้ตามเงื่อนไขหรือไม่...เท่านั้น

ที่แน่นอนก็คือ จะต้องเป็นผู้ชนะเลือกตั้งและต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ ยิ่งได้ ส.ส.มากเท่าใดโอกาสก็มีมากเท่านั้น

การแจกเก้าอี้ “รัฐมนตรี” ถือเป็นวิธีการอย่างหนึ่งในการล่อใจนักการเมืองให้สยบยอม เพราะรู้ดีว่าทุกคนอยากเป็น

...

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ใช้วิธีนี้เพื่อสร้างบารมีให้ตนเองและแก้ไขปัญหาขัดแย้งได้

เมื่อ 2-3 วันก่อนหน้านี้ก็แจกไปแล้ว 1 เก้าอี้ ให้กับกลุ่มบ้านใหญ่ปากน้ำที่ไม่ยอมลงมติไว้วางใจ 2 รัฐมนตรีของพรรค

แม้ยังไม่ได้ทันทีทันใดเนื่องจากยังไม่มีการปรับ ครม. แต่อย่างน้อยก็ได้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ

ปรากฏทุกอย่างจบสยบปัญหาได้

นี่ก็เป็นการเมืองแบบไทยๆ...

ครับ...อย่าได้แปลกใจว่าการเมืองไทยนั้นคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเข้ารูปเข้ารอย และเป็นไปเพื่อประเทศชาติและประชาชนจริงๆ

เพราะทุกอย่างยังเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ที่แลกเปลี่ยนกันไม่ใช่เรื่องความสามารถที่จะทำให้ก่อประโยชน์

“รัฐมนตรี” นั้นไม่ว่าจะกระทรวงไหนล้วนมีความสำคัญ จึงต้องได้คนดีมีความรู้ความสามารถซื่อสัตย์สุจริต

ไม่ใช่เป็นรางวัลเพื่อตอบแทนกันและกัน!

“สายล่อฟ้า”