แค่นี้ก็เกินพอ...อีกเพียงไม่กี่วันก็จะครบ 8 ปีในดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งจะเป็นอีกปัญหาหนึ่งในทางการเมือง
แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะผ่านไปได้หมายถึงว่ารัฐบาลสามารถบริหารประเทศต่อไปจนกว่าจะครบวาระ 4 ปี
แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่จะต้องตีความกันคือเรื่องของนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเป็นนายกฯ ซึ่งจะครบ 8 ปี
ปัญหาก็คือหากครบ 8 ปีรัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้จะต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
แต่ พล.อ.ประยุทธ์มั่นใจยังไม่ถึง 8 ปี แค่ 4 ปีเท่านั้น โดยนับจากการดำรงตำแหน่งหลังจากการเลือกตั้ง
ไม่ใช่ 8 ปีที่นับจากยึดอำนาจในนาม คสช.
ทว่า เรื่องนี้ยังไม่จบเนื่องจากมีฝ่ายที่เห็นว่าจะตีความอย่างนั้นไม่ได้เมื่อเป็นนายกฯมา 8 ปีแล้ว ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง
เมื่อเกิดปัญหาในข้อกฎหมายอย่างนี้ทางออกก็คือการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเรื่องนี้จะมีข้อยุติอย่างไร
ปรากฏว่าถึงตอนนี้ยังไม่มีใครไปยื่น
แต่มีข่าวว่านายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าจะเป็นคนไปยื่นให้ตีความเองในอีกไม่นานนี้
ก็ต้องลุ้นกันว่าผลจะออกมาอย่างไร?
ถ้าตีความว่าครบ 8 ปีแล้วก็ต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีไม่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งได้อีกถือว่าหมดโควตาแล้ว
ในระดับโลกมีอยู่ 2 ประเทศที่แม้จะอยู่ครบวาระแล้ว แต่ยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้คือรัสเซียกับจีน “สี จิ้นผิง” และ “ปูติน”...
วิธีการก็คือแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้แบบไม่มีกำหนดจนกว่าจะเสียชีวิต หรือมีอันเป็นไปอย่างอื่น
...
แต่กรณีของประเทศไทยนั้น การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อต่ออายุให้ พล.อ.ประยุทธ์คงเป็นเรื่องยากเพราะจะทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงแน่
เพราะทุกวันนี้ที่เป็นนายกฯตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดทุกอย่างก็ยังถูกโห่ถูกไล่อยู่ทุกวี่ทุกวัน หากไปทำอย่างนั้น
ก็เหมือนเอาน้ำมันไปราดบนกองเพลิง
เอาแค่ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ายังเป็นนายกฯ เมื่อครบ 8 ปีอย่างปัจจุบันก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก เพราะเชื่อว่าจะมีแรงต่อต้านแน่
แม้จะชี้ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญก็ตาม
แต่จากท่าทีของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และที่ปรึกษากฎหมายคนสำคัญของรัฐบาลดูเหมือนจะมั่นใจ ยังดำรงตำแหน่งต่อไปได้
อีกทั้งยังท้าให้คนไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไป
ในมุมของ พล.อ.ประยุทธ์ และ “3 ป.” ก็ไม่มีท่าทีวิตกกังวลแต่อย่างใด มั่นใจว่าไม่มีปัญหาเพราะหากไม่มั่นใจก็คงจะต้องมีความเคลื่อนไหวเพื่อรองรับกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง
ต้องไม่ลืมว่า “3 ป.” นั้นอยู่ในภาวการณ์ที่ไม่ปกติ
หลุดจาก “ขั้วอำนาจ” เมื่อใดไม่ต่างไปจากต้องลงจากหลังเสือ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา และมีความสุ่มเสี่ยงไม่น้อย.
“สายล่อฟ้า”