เปลี่ยนขั้ว ย้ายข้างอย่างเป็นทางการ คิวที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เตรียมอำลา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขอพลิกขั้วไปอยู่ฝ่ายค้านเต็มตัว
จากผลพวง “ลำปางเอฟเฟกต์” ที่พรรคเศรษฐกิจไทยพ่ายแพ้ย่อยยับศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 เมืองรถม้า ชาวบ้านในพื้นที่เทคะแนนให้ผู้สมัครซีกฝ่ายค้านพรรคเสรีรวมไทยพลิกโค่นผู้สมัครตัวเต็ง
ดีกรีแชมป์เก่าทีม “ผู้กองนัส” ระดับกระดูกแข็งโป๊กยังพ่ายขาดลอย สะท้อนภาพความต้องการคนอยากเปลี่ยนขั้วการเมืองเต็มทน
ปรากฏการณ์ยี้ฝ่ายรัฐบาลลามจากสนามเลือกผู้ว่าฯ กทม.สู่ต่างจังหวัด กดดัน ร.อ.ธรรมนัสต้องตัดสินใจเลือกข้าง ห้ามแทงกั๊ก อยู่ครึ่งๆกลางๆแบบเอนไปหารัฐบาล

ขืนอยู่ต่อในสถานะกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมีหวังลำบากหนัก ตามสถานการณ์ทางการเมืองที่บังคับให้เล่นแค่ 2 หน้าคือ ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่มีบทฝ่ายแค้นให้เล่นเป็นจ๊อบๆเหมือนเก่า
...
ยิ่งโมเมนตัมการเลือกตั้งสมัยหน้าที่ผลโพลทุกสำนักเทความนิยมไปให้ฝ่ายค้านถล่มทลาย ก็ยิ่งเร่งปฏิกิริยา ใครๆก็อยากตีตัวออกห่างฝั่งรัฐบาล
สภาพเรือเหล็กเอียงกะเท่เร่ เสถียรภาพ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม นับวันมีแต่ทรงกับทรุด กติกาหาร 500 คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ไม่รู้จะช่วยตีตื้นคะแนนให้รัฐบาลได้หรือไม่
สถานการณ์เข้าใกล้คำเปรียบเปรย “เห็บเหากระโดดหนีหมาป่วย” อย่างที่ฝ่ายค้านปรามาส
ความอันตรายคงไม่หยุดอยู่แค่พรรคเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนขั้วไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม แต่ต้องระทึกใจเพิ่ม ลุ้นท่าทีลูกเรือที่เหลือจะยังหนักแน่นยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับรัฐบาลหนักแน่นแค่ไหน
อย่างที่มีฉากเสียวไส้รออยู่ในสัปดาห์หน้า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่สุ่มเสี่ยงเรื่องจำนวนเสียงในสภาฯอาจเกิดแรงกระเพื่อมหนัก เพราะ 16 เสียงของพรรคเศรษฐกิจไทยถอนตัวไปแล้ว ขณะที่เสียงพรรคเล็กในนามกลุ่ม 16 ก็ยังแกว่งไปแกว่งมา ชวนให้แย่ไปกันใหญ่
สถานการณ์พร้อมพลิกคว่ำพลิกหงายได้ตลอด อะไรก็เกิดขึ้นได้
อย่างที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องรีบแก้เกมเสียงปริ่มน้ำ เรียกพรรคเล็กเข้าพบที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ วันที่ 17 ก.ค.นี้ เพื่อโน้มน้าวใจให้อยู่ช่วยกันยามคับขัน
เช็กเสียงกันให้รอบคอบ สร้างความมั่นใจให้ชัวร์ก่อนลงมติโหวต ก็ไม่รู้จะมีอะไรติดไม้ติดมือออกมา เพื่อช่วยให้การลงมติไหลลื่นหรือไม่

เหล่าพรรคจิ๋วกลับมามีราคาค่างวด เป็นตัวแปรที่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนให้รัฐบาลได้ เลยเนื้อหอมเป็นพิเศษ ใครๆก็พากันรุมล็อบบี้ผลโหวต สบโอกาสได้โก่งราคา กินกล้วยพุงแตก
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลต้องเร่งกู้หน้า สร้างผลงานมือเป็นระวิง ตามสภาพกลับตาลปัตรที่เห็น จู่ๆราคาน้ำมันก็ลงฮวบฮาบ หรือราคาน้ำมันปาล์มก็ลดลงมา 4-5 บาทต่อขวด สินค้าอุปโภคบริโภคแย่งกันลดราคา ถูกสั่งห้ามแพงได้อย่างอัศจรรย์ตอนใกล้ศึกซักฟอก
เพื่อลดแรงเสียดทานเรื่องปัญหาปากท้องก่อนระฆังสังเวียนอภิปรายไม่ไว้วางใจจะดังขึ้น
รูปการณ์ศึกซักฟอกอย่างมาก 11 รมต.ที่ถูกจับขึ้นเขียงก็แค่ล้มลุกคลุกคลาน แต่ไม่ถึงขั้นถูกน็อกคาสภาฯ เพราะมีตัวแปรงูเห่าของฝ่ายค้านคอยตัดแต้มฝ่ายเดียวกัน ไม่ให้เผด็จศึกสำเร็จ ยังไงเรือเหล็กก็ลอยลำต่อได้
แต่ที่น่าจับตากว่าคือ เส้นทางวิบากเลือกตั้งสมัยหน้า “บิ๊กตู่” จะฝืนไปต่อไหวหรือไม่ ในคิวที่กติกาเลือกตั้งยังไม่ชัวร์ สูตรหาร 500 คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะยืนระยะได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ถูกสับขาหลอก
แต่ไม่ว่าจะใช้สูตรหาร 500 หรือหาร 100 โอกาสที่จะใช้ “พลังประชารัฐ” เป็นกำลังหลักพรรคเดียว กลับมาตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง คงลำบาก ในสภาพคนเบื่อรัฐบาลกระจายไปทุกหย่อมหญ้า

เรตติ้ง “ลุง” ดิ่งเหว แถมอาจติดกับดักสูตรหาร 500 ของตัวเอง ไม่แคล้วต้องใช้ยุทธการ “แตกแบงก์พัน”
อย่างที่เห็นการจ่อเปิดตัว “พรรครวมไทยสร้างชาติ” วันที่ 3 ส.ค.นี้ ตั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ขุนพลข้างกาย “บิ๊กตู่” เป็นหัวหน้าพรรค รวบรวมไพร่พลการเมือง-แกนนำ กปปส. เป็นนั่งร้านพาผู้นำคืนสู่อำนาจ
ตีคู่ไปกับการเตรียมตั้งพรรคใหม่ของ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ลูกมือคนสำคัญของ “บิ๊กป้อม” เป็นแนวร่วมช่วยกันอีกทาง
ปรากฏการณ์ “แยกขั้วแตกค่าย” เกิดเป็นดอกเห็ด บู๊กติกาเลือกตั้งพิสดาร ไม่เว้นแม้กระทั่งทีม 3 ป. ก็ต้องแตกเหล่า แตกกอ ยกเครื่องปรับยุทธศาสตร์ยกใหญ่
ปั้นพรรคสาขา ขยายเครือข่ายกันอุตลุด สู้เกมเดิมพันอำนาจสมัยหน้า เพราะถ้าไม่ปรับยุทธวิธีต่อสู้ ก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง!!!
ทีมข่าวการเมือง