ช่วงนี้ประเทศไทยกำลังเนื้อหอม รัฐมนตรีต่างประเทศมหาอำนาจเบอร์ 1 เบอร์ 2 ของโลก เรียงหน้ามาเยือนติดต่อกันสองสัปดาห์ เริ่มจาก นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ตามมาด้วย นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และวันที่ 18-19 พฤศจิกายน ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC 2022 ซึ่งเป็นความฝันสูงสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้ ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม ผู้นำประเทศมหาอำนาจที่ตอบรับมาแล้วคือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ส่วน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยังแทงกั๊ก ไม่ตอบรับจะมาหรือไม่มา
วันนี้โลกได้แบ่งออกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ขั้วที่มีสหรัฐฯเป็นผู้นำ และ ขั้วที่มีจีนเป็นผู้นำ ทำให้เกิดทั้ง สงครามร้อน และสงครามเย็น ทำให้ประเทศต่างๆทำตัวยากลำบาก
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นเจ้าภาพจัด การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย จีน อินเดีย รัสเซีย บราซิล แอฟริกาใต้ มีประชากรรวมกัน 3,360 ล้านคน คิดเป็น 42% ของประชากรโลก มีจีดีพีรวมกัน 25% หรือ 1 ใน 4 ของโลก
การประชุมสุดยอดผู้นำ BRICS ครั้งนี้ ผู้นำจีนได้เสนอแผนขยายสมาชิก BRICS ออกไปเป็น BRICS Plus โดยมี 18 ประเทศ ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมรวมทั้ง ประเทศไทย ด้วย เพื่อขยายแนวร่วมต่อต้านการแผ่อิทธิพลของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีการจัดตั้ง กลุ่ม AUKUS (สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย) กลุ่ม QUAD (สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย) และล่าสุดมีแนวคิดจะจัดตั้ง นาโตแห่งเอเชียแปซิฟิก เพื่อต่อต้านจีนโดยตรง ทำให้แผ่นดินและทะเลในเอเชียแปซิฟิกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
ในการประชุม รัฐมนตรีต่างประเทศ G20 ที่เมืองบาหลี อินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน และ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้สนทนากันสองต่อสองนานหลายชั่วโมง สำนักข่าวซินหัวจีน รายงานว่า เป็นการสนทนา อย่างตรงไปตรงมา ลึกซึ้งและครอบคลุมรอบด้าน เป็นการสนทนาที่มีแก่นสารและสร้างสรรค์ เพื่อลดความเข้าใจผิดและการคาดเดาผิดปูทางสู่การแลกเปลี่ยนระดับสูงระหว่างสองประเทศในอนาคต นายหวัง กล่าวว่า ความสัมพันธ์สองฝ่ายยังติดอยู่ในสถานการณ์ที่เกิดจากฝ่ายบริหารสหรัฐฯชุดก่อน (นายโดนัลด์ ทรัมป์) ทำให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯถูกบิดเบือน
...
สหรัฐฯตอนนี้กำลังลำบากจากการควํ่าบาตรรัสเซีย ทำให้พลังงานและอาหารมีราคาแพง เงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี ชาวอเมริกันเดือดร้อนกันทุกครัวเรือน ประธานาธิบดีไบเดนต้องการจะยกเลิกกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่ทรัมป์สร้างไว้ เพื่อนำเข้าสินค้าจีน ราคาถูกเข้ามาแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และความเดือดร้อนของชาวอเมริกัน
มีคำพูดประโยคหนึ่งของ นายหวังอี้ ที่สะท้อนถึงความก้าวร้าว ที่เกิดขึ้นของสหรัฐฯว่า ความย้อนแย้งกันเองระหว่างคำพูดกับการกระทำในการดำเนินนโยบายต่อจีนของสหรัฐฯ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า สหรัฐฯกำลังทุกข์ทรมาน จาก “โรคกลัวจีน” (Chinaphobia) ที่เพิ่มขึ้น และหาก “การพองตัวของภัยคุกคาม” นี้ไม่ถูกตรวจสอบแก้ไข จะส่งผลให้นโยบายต่อจีนของสหรัฐฯเจอทางตัน
นายหวังกล่าวว่า ฝ่ายจีนดำเนินตามหลักการ 3 ประการ ของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แก่ ความเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ ร่วมกันอย่างสันติ และ ความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ฝ่ายสหรัฐฯก็ควรดำเนินการตามคำมั่นสำคัญของ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ว่า สหรัฐฯไม่ต้องการทำสงครามเย็นครั้งใหม่กับจีน ไม่ได้ตั้งเป้าหมายเปลี่ยนแปลงระบบของจีน การฟื้นฟูกลุ่มพันธมิตรของสหรัฐฯไม่ได้มุ่งเป้าที่จีน สหรัฐฯไม่ได้สนับสนุนเอกราชไต้หวัน และไม่มีเจตนาสร้างความขัดแย้งกับจีน
การทูตระดับเทพต้องเล่นแบบนี้ คำพูดที่สละสลวย แต่เชือดเฉือนสุภาพนุ่มนวล.
“ลม เปลี่ยนทิศ”